(26 ก.ย.68)   นางดอกดิน  วาสะรัมย์ อายุ 75 ปี พร้อมด้วยนายมี   วาสะรัมย์  อายุ 71 ปี สามี  และนายปราโมทย์   อายุ 38 ปี ลูกชายคนโต  ชาวตำบลสวายจีก  อำเภอเมือง  จ.บุรีรัมย์  ได้นำหลักฐานโฉนดที่ดิน  และเอกสารสัญญาขายฝากที่ดินที่เชื่อว่าทำขึ้นโดยมิชอบ   ออกมาร้องขอความเป็นธรรม  และขอความช่วยเหลือ จากนักกฎหมาย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง   หลังจากถูกแก๊งนายหน้าชาย-หญิง  5 คน  มาตีสนิทกับ คุณยายดอกดิน  ซึ่งเป็นเจ้าของโฉนดที่ดิน 3 แปลง คือ แปลง 5 ไร่ , 9 ไร่ และ 11 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมด 25 ไร่  ก่อนใช้กลอุบายหลอกว่าจะช่วยขายที่ดินแปลง 9 ไร่ ซึ่งอยู่ติดถนนใหญ่ให้ในราคาไร่ละ  1,300,000 บาท   ซึ่งตอนนั้นคุณยาย  ก็อยากจะขายที่ดินเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ และแบ่งให้ลูกชายทั้ง 2 คนด้วย   จึงหลงเชื่อตามที่แก๊งดังกล่าวหลอก    โดยมีการหลอกล่อให้คุณยาย

ขึ้นรถไปที่สำนักงานที่ดินเพียงโดยให้สามี หรือลูกของยายไปด้วย    อ้างว่าแค่ไปเซ็นเอกสารในการซื้อขายที่ดินเท่านั้น       เมื่อมีการขายแล้วจะนำเงินมาให้     แต่สุดท้ายกลับพบว่าที่ดินทั้ง 3 แปลง  ที่แก๊งนายหน้า  หลอกว่าจะช่วยขายให้   มีการทำสัญญาขายฝากไว้กับนายทุน รายหนึ่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ รวมยอดกว่า 7 ล้านบาท  ทั้งมีการระบุกำหนดสัญญาการไถ่ถอนคืนภายใน 1 ปี พบว่าบางแปลงครบกำหนดแล้ว  บางแปลงจะครบกำหนด  ต้นปี 2569   คุณยาย จึงเชื่อว่าน่าจะถูกหลอก   เพราะตัวเองไม่ได้รับเงินจากการซื้อขายที่ดินตามที่ตกลงกัน   แต่ก่อนหน้านี้แก๊งนายหน้า   นำเงินมาให้สามีซื้อรถไถ 7 แสน  และให้ลูกชาย 4 แสนเท่านั้น    

 จากกรณีดังกล่าวจึงอยากให้ผู้รู้กฎหมายช่วยเหลือด้วย   เพราะเชื่อว่าแก๊งดังกล่าวเห็นว่าตนเองเป็นผู้สูงอายุไม่ค่อยรู้หนังสือ  จึงเจตนามาหลอกตั้งแต่แรก   กลัวว่าเสียที่ดินมรดก  หากเป็นแบบนั้นทุกคนในครอบครัวก็จะไม่มีที่อาศัย และทำกิน

 ด้านตามี   สามีของยายดอกดิน   บอกว่า   ตนกับลูกชายคนเล็ก พยายามเตือนภรรยาแล้ว  ว่าอย่าไปสำนักงานที่ดินกับแก๊งดังกล่าว  แต่ภรรยา ก็ไม่ฟัง เหมือนกับโดนเขาใส่ของ เพราะเขาพูดอะไรก็เชื่อไปหมด   จนสุดท้ายก็ถูกหลอกเซ็นเอกสาร   ไปทำสัญญาขายฝากที่ดินทั้ง 3 แปลง  ก็เชื่อว่าน่าจะทำเป็นขบวนการ และเจตนามาหลอกเพราะเห็นว่าเป็นผู้สูงอายุ   ตอนนี้เครียดมากเพราะระบุในสัญญาขายฝากต้องไถ่ถอนที่ 3 แปลงกว่า 7 ล้าน  จะมีเงินไหนเพราะครอบครัวแค่ทำนาเลี้ยงชีพเท่านั้น  หากถูกยึดที่จะพาลูกหลานไปอยู่ไหน แล้วจะเอาที่ดินไหนทำกิน
ขณะที่นายปราโมทย์   ลูกชายคนโต  บอกว่า  ตนไม่อยู่ที่แปลงนี้กับพ่อแม่ เพราะไปทำนาอยู่ที่แปลง 11 ไร่  ปลูกกระต๊อบเล็กๆ อยู่กับลูกเมีย  จึงไม่เห็นตอนที่แก๊งนายหน้ามาหลอกแม่ ไปเซ็นเอกสารที่สำนักงานที่ดิน  เพิ่งจะมารู้เมื่อไม่นานว่าแม่ถูกหลอกไม่รู้ว่าไปเซ็นเอกสารอะไรบ้าง  จนเขาไปทำสัญญาขายฝากที่ดินทั้ง 3 แปลง  แต่ก็แปลกและตั้งข้อสังเกตว่าทำไมการทำเอกสารต่างๆ ถึงไม่ให้สามี และลูกๆ ไปด้วย  เหมือนจงใจจะหลอกแม่ที่อายุมากแล้ว หลงๆ ลืมๆ  จึงเชื่อว่าน่าจะทำกันเป็นขบวนการ  เบื้องต้นแม่ก็ได้ไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่มาหลอก และอยากให้เอาผิดกับคนที่ร่วมด้วย






 

แสดงความคิดเห็น