Recent News/ข่าวภาคอีสาน

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ภาคอีสาน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ภาคอีสาน แสดงบทความทั้งหมด

บุรีรัมย์สาวสองกลัวถูกทำร้ายโร่ร้องศูนย์ดำรงธรรมช่วยกู้รายวัน 4 พันจ่ายเกือบ 4 หมื่นแต่ยังตามทวงข่มขู่ สาวสองชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ นำหลักฐานคลิปเสียงที่ถูกแก๊งทวงหนี้ข่มขู่ สลิปโอนเงินรายวัน ร้องศูนย์ดำรงธรรมช่วย หลังกู้เงินนอกระบบ 4,400 โอนจ่ายดอกลอยร่วมปีเกือบสี่หมื่น ล่าสุดค้างจ่ายดอก 2 วัน ตามทวงข่มขู่หวั่นถูกทำร้าย วอน จนท.ช่วยไกล่เกลี่ย

(8 ก.ย.68)  นายกฤต   (นามสมมติ)   อายุ 45 ปี  ซึ่งเป็นสาวประเภทสองหรือ LGBTQ  ชาวตำบลหนองยายพิมพ์  อำเภอนางรอง  จังหวัดบุรีรัมย์  อาชีพช่างเสริมสวย  ได้นำหลักฐานคลิปเสียงสนทนาที่อ้างว่าเป็นคลิปเสียงที่ถูกแก๊งทวงหนี้ข่มขู่   พร้อมรายการกู้เงินรายวัน  และสลิปการโอนจ่ายดอกเบี้ยแบบลอยตัว    เข้าร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอนางรองให้ช่วยเหลือ  กรณีที่ถูกแก๊งทวงหนี้ข่มขู่และเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด     โดยได้มีนายธนธรณ์พล ไขว้พันธ์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง นายจักร์กฤษ ร่วมกูล ปลัดอำเภอฝ่ายศูนย์ดำรงธรรมอำเภอนางรอง  เป็นตัวแทนรับเรื่อง

โดยนายกฤต    ผู้ร้อง  ให้ข้อมูลว่า  เมื่อช่วงเดือน พฤศจิกายน มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน  ทั้งค่าน้ำค่าไฟ  หมุนเงินไม่ทัน  จึงตัดสินใจกู้เงินรายวันหรือเงินนอกระบบ  ตามที่เพื่อนแนะนำ    โดยมีการนัดทำสัญญากู้ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2567   ซึ่งได้ยื่นเงินกู้ไป 5,000 บาท   แต่ถูกหักค่าดำเนินการล่วงหน้า 600 บาท จึงได้รับเงินจริงเพียง 4,400 บาท   โดยเงื่อนไขต้องจ่ายดอกเบี้ยแบบลอยตัวทุกวันๆ ละ 100 บาท จนกว่าจะมีเงินต้นไปปิด    ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้โอนดอกเบี้ยจ่ายวันละ 100 บาท มาตลอดเกือบ 1 ปีไม่เคยผิดนัดเลย  

แต่ล่าสุดวันที่ 5 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา  ฝนตกไม่มีลูกค้ารายได้จึงไม่พอค่าใช้จ่าย   จึงได้โอนจ่ายดอกเบี้ย 2 วัน  แก๊งทวงหนี้ก็โทรมาข่มขู่   ตนก็โอนจ่ายให้ไปแต่เขาขู่ให้จ่ายเพิ่มเป็นวันละ 150   แต่ตนไม่มีให้จ่ายแค่วันละ 100   แต่ก็กลัวจะถูกทำร้ายเพราะเขาข่มขู่เอาไว้

จึงได้นำหลักฐานเข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมให้ช่วยเหลือไกล่เกลี่ยให้    เพราะที่ผ่านมาก็จ่ายไปแล้วเกือบ 4 หมื่น   ทั้งที่ได้เงินต้นมาแค่ 4,400 บาทแม้จะยังไม่มีเงินก้อนไปปิดต้น    แต่ก็โอนจ่ายดอกไปแล้วเกือบ 10 เท่า   ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยให้ด้วย  

  ขณะที่ปลัดอำเภอที่รับเรื่องร้อง   ก็จะได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้นายอำเภอทราย   จากนั้นก็จะได้เรียกทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันอีกครั้ง



 สุรชัย    พิรักษา / บุรีรัมย์

ศรัณยาฯประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อม 6 สภาวัฒนธรรมทุกอำเภอ ปลุกกระแสความกตัญญูของบรรพชนที่มีต่อบุพการี ร่วมสืบสานประเพณีบุญข้าวสาก ประเพณีบุญเดือน 10 ในฮีตสิบสองคองสิบสี่ของชาวอีสาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติที่ล่วงลับและเป็นผู้มีพระคุณแม้ท่านจะล่วงลับไปแล้ว

วันนี้(7 กย.68 )ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางศรัณยา สุวรรณพรหม ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดหนองบัวลำภู ว่าวันนี้เป็นวันที่พี่น้องชาวอีสานทุกพื้นที่ร่วมกันสืบสานเป็นประเพณีบุญข้าวสาก ซึ่งเป็นหนึ่งในประเพณี ฮีตสิบสอง คองสิบสี่ ของชาวอีสาน ที่นิยมทำกันในช่วงวันเพ็ญเดือนสิบ (ราวเดือนกันยายน) ตรงกับช่วงกลางพรรษา ซึ่งมีความหมายความสำคัญ ตามความเชื่อมีมาแต่โบราณกาล วันนี้ลูกหลานจะนำข้าวหรืออาหารคาวหวานที่ทำขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลไปให้แก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้วเป็นการทำบุญให้ เปรตและสัมภเวสี ตามความเชื่อว่าในช่วงเดือนสิบ ญาติผู้ล่วงลับจะมารอรับส่วนบุญ
ในการนี้ นางศรัณยาฯประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดหนองบัวลำภู มอบหมายให้สภาวัฒนธรรมอำเภอทั้ง 6 อำเภอ ร่วมกับพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ ร่วมสร้างความตระหนักรู้ความกตัญญูกตเวทิตาต่อผู้มีพระคุณ เมื่อครั้งท่านมีชีวิตอยู่ได้ล่วงไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา ที่เป็นเครือญาติทั้งสายโลหิต หรือความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน ที่ลูกหลานควรแสดงออกเพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ มีความกตัญญู ได้แก่การระลึกถึงพระคุณ รู้คุณของพ่อแม่ ครูอาจารย์ ผู้มีพระคุณทั้งหลาย ไม่ลืมว่าเราเติบโตขึ้นมาได้เพราะการเลี้ยงดู อบรม และเสียสละของท่าน  การแสดงออกด้วยการกระทำดูแล รับใช้ และช่วยเหลือพ่อแม่หรือผู้มีพระคุณเมื่อท่านมีชีวิตอยู่ เชื่อฟังคำสั่งสอนที่เป็นไปในทางที่ถูกต้อง ทำหน้าที่ของตนเองให้ดี เช่น ตั้งใจเรียน ทำงานสุจริต เพื่อให้ท่านสบายใจ

การพูดจาไพเราะนอบน้อม ใช้ถ้อยคำสุภาพ ไม่ลบหลู่ ดูหมิ่น หรือทำให้ผู้มีพระคุณเสียใจ แสดงความเคารพผ่านคำพูดและกิริยา การตอบแทนบุญคุณเมื่อท่านแก่เฒ่า ควรเลี้ยงดู อุปการะด้านอาหาร การเงิน และการรักษาพยาบาล

หากท่านล่วงลับไปแล้ว ควรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ สุดท้ายดำเนินชีวิตให้เป็นคนดี ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม ไม่ทำให้วงศ์ตระกูลเสียหาย สร้างความภูมิใจแก่ผู้มีพระคุณ เช่น ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน กล่าวโดยสรุป ผู้มีความกตัญญูไม่ได้แค่ "คิด" แต่ต้อง "ทำ" ทั้งด้วยใจ วาจา และการกระทำที่สะท้อนความสำนึกในพระคุณของผู้ที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลเรา

ในส่วนของสภาวัฒนธรรมอำเภอศรีบุญเรือง นางวิรัตน์พร เลิศอุดมโชค ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอศรีบุญเรือง พร้อมคณะกรรมการสภาฯร่วมกิจกรรม ณ วัดสุวนาราม บ้านโคกล่าม ต.นากอก อำเภอนากลาง นายบัวลา นิกาพฤกษ์ ประธานสภาวัฒนธรรมนากลาง ร่วมกิจกรรมที่วัดศรีสะอาด ต.ฝั่งแดง อำเภอสุวรรณคูหา นายพีรพงศ์ สุวรรณพงศ์ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอสุวรรณคูหา ร่วมกิจกรรมที่วัดสุวรรณาราม ต.สุวรรณคูหา อำเภอโนนสัง นายปรีชา หีบแก้ว ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอโนนสัง พร้อมคณะกรรมการสภาฯร่วมกิจกรรมที่วัดศิลาอาสน์ บ้านหนองเหมือดแอ่ ต.หนองเรือ  อำเภอนาวัง
นายคง จันปลิว ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอนาวัง พร้อมพุทธศาสนิกชนร่วมกิจกรรมที่วัดศรีกลมประชาสามัคคี บ้านไทยนิยม ต.วังทอง และ อำเภอเมืองหนองบัวลำภู นางสาวทัศณีญ์ ชมภูวิเศษ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองหนองบัวลำภู ร่วมกิจกรรม ณ วัดเรืองอุทัย ต.ลำภู ทั้งนี้ทั้ง 6 อำเภอคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอ ร่วมกับพุทธศาสนิกชนประกอบกิจกรรมนำอาหารคาวหวาน เช่น ข้าวต้ม ข้าวสุก ขนมพื้นบ้าน พร้อมทั้งผลไม้ นำไปถวายพระสงฆ์ที่วัด เพื่อให้พระสวดอนุโมทนาและอุทิศส่วนกุศลไปถึงผู้ล่วงลับ มีการนำอาหารไปวางตามทางสามแพร่ง โคนไม้ หรือป่าช้า เพื่อให้ วิญญาณเร่ร่อน ได้รับส่วนบุญด้วย และเป็นความสำคัญทางสังคม เป็นการรวมญาติพี่น้อง ได้ทำบุญพร้อมกัน ช่วยปลูกฝังความกตัญญู ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นขนบธรรมเนียมที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตความเชื่อของชาวอีสาน นางศรัณยาฯกล่าวในที่สุด




สุภัชรกานต์  แก้วสิงห์ ขตว.หนองบัวลำภู
 

พ่อเมืองลุ่มภู เดินสายเปิดชุมชนท่องเที่ยว พัฒนาศักยภาพและยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชน ตามโครงการพัฒนาศักยภาพและยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชน เชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงชุมชน

 เมื่อวันที่(6 ก.ย. 68) ณ วัดพุทธบรรพต (ถ้ำผาเจาะ) ล้านผาเจาะ ต.เทพคีรี อ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู เดินสายเปิดชุมชนท่องเที่ยว ตามโครงการเพิ่มศักยภาพและยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชน กิจกรรมหลัก ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพและสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการตลาดผลิตภัณฑ์ในจังหวัดหนองบัวลำภู กิจกรรมย่อย พัฒนา Cluster ผู้ประกอบการ OTOP เชื่อมโยงการท่องเที่ยวชุมชน โดยมีปลัดจังหวัด พัฒนาการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนองค์กรปกครองท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ประกอบการ และประชาชนชาวตำบลเทพคีรี ร่วมในงาน
นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวว่า ยุทธศาสตร์การพัฒนาของจังหวัดหนองบัวลำภูที่มุ่งเน้น "เกษตรเพิ่มมูลค่า เมืองน่าอยู่น่าเที่ยว" โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงมิติภูมิปัญญาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นเข้ากับการบริการและการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับประชาชนในจังหวัดอย่างยั่งยืน ขณะที่จังหวัดหนองบัวลำภู มีเป้าหมายในการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยเฉพาะผ้าทอพื้นเมืองซึ่งเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่น เพื่อแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้ผลิตผู้ประกอบการในจังหวัด และเป็นการเตรียมความพร้อมในการนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ช่องทางการตลาดที่หลากหลาย
โครงการนี้จึงมุ่งส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มเพื่อสร้างพลังต่อรองทางธุรกิจ และส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยวชุมชน โครงการดังกล่าวมีกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP และชุมชนท่องเที่ยว จำนวนไม่น้อยกว่า 30 กลุ่ม/ผลิตภัณฑ์ จาก 6 ชุมชนในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู เรีมจาก บ้านผาเจาะ  ต.เทพคีรี(อ.นาวัง) บ้านถ้ำกลองเพล ต.โนนทัน (อ.เมืองหนองบัวลำภู)บ้านสระแก้ว ต.ดงสวรรค์ (อ.นากลาง) บ้านตาดไฮ ต.โคกม่วง(อ.โนนสัง) บ้านดอนปอ ต.หนองบัวใต้ (อ.ศรีบุญเรือง) บ้านคลองเจริญ ต.บุญทัน (อ.สุวรรณคูหา) ตามลำดับ
สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่นของชุมชนท่องเที่ยว, การจัดนิทรรศการและกิจกรรม Workshop หรือ Hand On Programs ด้านการท่องเที่ยวชุมชน "ชม ชิม ช็อป แชะ แชร์" มาแล้วจะรู้ อยู่แล้วจะรัก เสน่ห์ท่องเที่ยววิถีลุ่มภู จำนวน 5 กลุ่ม และการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ OTOP จำนวน 15 บูธ
ในการนี้ นายดอกดิน ต้อมทอง พัฒนาการจังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวเพิ่มเติมว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีนายสุทธิรักษ์ ศรีสุเลิศ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน  นางแสงตะวัน แก้วอำไพ ผู้อำนวยการกลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนระดับจังหวัดและอำเภอ ร่วมดำเนินกิจกรรมประชุมชนท่องเที่ยวตามโครงการนี้














 สุภัชรกานต์  แก้วสิงห์ ขตว.หนองบัวลำภู

เสียงชาวสุรินทร์ ฝากถึงนายกฯและแม่ทัพภาค2คนใหม่ แก้ปากท้องและปัญหาความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา

วันที่ 6 กันยายน 2568 หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกุลนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยในพื้นที่เทศบาลเมือง จังหวัดสุรินทร์ เสียงของชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า เจ้าของธุรกิจส่วนตัว และวินจักรยานยนต์รับจ้าง ต่างสะท้อนความคาดหวังไปยังนักการเมืองในสภา ว่าอยากให้ผู้ที่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องอย่างจริงจัง พร้อมทั้งเหตุการณ์ของชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตรึงเครียดอยู่ และให้จริงใจต่อประชาชน
นายสุรชัย สายเสมา อายุ 46 ปี พ่อค้าร้านลาบ บขส.สุรินทร์  เล่าว่า อยากให้ผู้นำทั้ง 2 ทั้ง ช่วยให้จบปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาโดยเร็ว เพราะชาวบ้านเดือดร้อน การค้าขายก็แย่อยากให้ดีขึ้น เพราะรายรับที่เคยได้หายไป 30 ถึง 40% แต่รายจ่ายยังคงเท่าเดิม ตนอยากฝากถึงนายกคนใหม่ถึงปัญหาเศรษฐกิจให้ช่วยดูแลให้ดีขึ้นด้วย ด้านการเมืองตนก็อยากฝากให้ทำตามคำพูดคำสัญญา เพราะคนไทยทุกวันนี้ต้องการการเปลี่ยนแปลง ด้านแม่ทัพภาค 2 ตนอยากฝากให้รักษาอุดมการณ์รักษาคำสัญญาของแม่ทัพกุ้งคนเดิมไว้ด้วย  เพราะไม่อยากเสียแผ่นดินให้ใครอีกแล้ว ประชาชนอดทนได้แต่ไม่ยอมเสียแผ่นดินให้ใคร โดยเฉพาะการเร่งแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ที่ยากลำบากในปัจจุบัน ราคาสินค้าที่สูงขึ้นสวนทางกับรายได้ที่ลดลง ทำให้การใช้ชีวิตทุกวันเต็มไปด้วยความกดดัน “พวกเราขอแค่รัฐบาลใหม่อย่าเอาเวลาไปเล่นการเมืองมากเกินไป จนลืมว่าชาวบ้านเดือดร้อน ทั้งปัญหาภัยพิบัติ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาชายแดนการเมืองมากเกินไป จนลืมว่าชาวบ้านเดือดร้อน ทั้งปัญหาภัยพิบัติ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาชายแดน”
นายไพทูรย์ (ขับวิน มอเตอร์ไซค์) กล่าวว่า ตนนั้นอยากฝากปัญหาแนวชายแดนกับท่านแม่ทัพคนใหม่ อยากให้การรบครั้งนี้จบสิ้นไวๆเพราะชาวบ้านเดือดร้อน โดยเฉพาะคนอยู่แนวชายแดนเดือดร้อนมากอยากให้เด็ดขาด ด้านเศรษฐกิจก็ไม่ดีเป็นทั้งประเทศ  และด้านนายกฯคนใหม่ตนนั้นอยากให้ท่านลงมาดูแลชายแดนโดยคิดเร็วแล้วทำเร็วให้ปัญหาชายแดนจบเร็วๆ  ด้านเศรษฐกิจข้าวของแพง เงินหายากไม่สมดุลกับรายได้ที่รับมา
น.ส.ภาวิดา ประสิทธิเม อายุ 42 ปี เจ้าของธุรกิจห้าดาว กล่าวว่า ต้นอยากให้การเมืองนั้นนิ่งเพื่อให้สถานการณ์บ้านเมืองสงบโดยเร็วโดยเฉพาะปัญหาแนวชายแดนซึ่งจังหวัดสุรินทร์ได้รับผลกระทบ ค่อนข้างมาก  เศรษฐกิจตอนนี้ซบเซามาก ตนอยากให้นายกคนใหม่สร้างความชัดเจนให้มากขึ้นสถานการณ์ต่อไปนี้จะเป็นไปในทางใด สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่า อยากให้เศรษฐกิจกลับมาโดยเร็ว อยากให้สงบและเยียวยาผู้มีผลกระทบ   ด้านแม่ทัพภาค 2นั้น ตนให้มีความสงบอยากให้สถานการณ์ปะทะครั้งนี้จบโดยเร็ว  เพื่อกลับเข้าสู่ความสงบ  การค้าขายจะได้เดินหน้าต่อไป เพราะเศรษฐกิจแย่มากๆไม่สามารถเดินหน้าได้  เพราะถ้าทุกอย่างจบมีความชัดเจนทุกอย่างก็เดินหน้าต่อไปได้ในขณะเดียวกัน ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยสะท้อนเสียงตรงกันว่า “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 นั้น แม้จะเหลือเวลาในการบริหารประเทศไม่มากนัก แต่ก็ยังคาดหวังว่าจะเห็นการแก้ปัญหาเชิงรูปธรรม ทั้งด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง และความมั่นคง โดยเฉพาะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งหลายคนมองว่ายังเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องจัดการ เพื่อสร้างความมั่นใจในอธิปไตยของชาติ

 เสียงชาวสุรินทร์ในครั้งนี้ อาจเป็นภาพสะท้อนเล็ก ๆ ของประชาชนในหลายจังหวัด ที่กำลังฝากความหวังไปยังสมาชิกรัฐสภาและผู้นำประเทศชุดใหม่ ว่าจะไม่ปล่อยให้การเมืองเป็นเพียงการต่อสู้ในสภา แต่ต้องเป็นพลังในการนำพาประเทศ และประชาชนให้เดินหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป


อัศววัฒน์ พัฒน์ทองกนก   ภาพ/ข่าว News24 จ.สุรินทร์  รายงาน

หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 26 สำนักงานพัฒนาภาค2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้จัดกำลังพลหน่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต ลงพื้นที่ติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน ตามแผนงานโครงการด้านการพัฒนาและช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งโครงการเกษตรผสมผสานตามแนวทางพระราชทานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่บ้านคำนาดี ตำบลคำนาดี อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ

  การลงพื้นที่ครั้งนี้ มุ่งเน้นให้เกษตรกรได้รับคำแนะนำและแนวทางในการพัฒนาคุณภาพชีวิต การจัดการทรัพยากรภายในครัวเรือน และการทำการเกษตรอย่างยั่งยืน โดยกำลังพลของหน่วยได้ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ให้ข้อเสนอแนะ และรับฟังปัญหาอุปสรรคจากประชาชน เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาแนวทางการสนับสนุนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ สองหก มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ให้สามารถสร้างอาชีพที่มั่นคง ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อันจะนำไปสู่การพัฒนาชุมชนที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป




 

ผู้ทรงคุณวุฒิ ตร. ติดตามโครงการถนนปลอดภัย ประชุมมอบนโยบายตำรวจ 3 จังหวัดอีสาน

  ที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์   พล.ต.ต.สุคนธ์   ศรีอรุณ  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์   พร้อมด้วยรองผู้บังคับการตำรวจ   หัวหน้าสถานีทั้ง 33 แห่ง  กำลังพลและชุดปฏิบัติการตำรวจโบราณ   และคณะแม่บ้านตำรวจร่วมต้อนรับ  พล.ต.ท.วิวัฒน์  ลีลาเขตต์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ซึ่งเดินทางมาติดตามการดำเนินโครงการถนนปลอดภัยและการประเมินผลการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ในพื้นที่ 3 จังหวัดคือ  สุรินทร์ บุรีรัมย์ และยโสธร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดำเนินการโครงการพื้นที่ถนนสีขาวในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์  ซึ่งได้บูรณาการทั้ง  33 สถานีในการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ ด้านการขับขี่ปลอดภัย   การจัดมอบหมวกนิรภัยให้กับประชาชน   นักเรียน   การอมรมและให้ความรู้ด้านกฏหมายจราจร   การเคารพกฎจราจร
โดยประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 จังหวัด รวม 170 นาย เพื่อมอบนโยบายเพื่อให้ทุกพื้นที่เป็นถนนสีขาว ลดอุบัติเหตุทางถนน และสร้างวินัยจราจร  ปลูกจิตสำนึกให้ประชาชน  นักเรียน นักศึกษา  ผู้ใช้รถใช้ถนนได้ตระหนักถึงอุบัติเหตุ และการรักษาวินัยจราจรให้มากขึ้น












อัศววัฒน์  พัฒน์ทองกนก   ภาพ/ข่าว News24 จ.สุรินทร์   รายงาน