ทนายยื่นมือช่วยยาย บุรีรัมย์  ถูกแก๊งนายหน้าหลอกทำสัญญาขายฝากนายทุน 25 ไร่ กว่า 7 ล้าน   ชี้เข้าข่ายฉ้อโกง  จ่อฟ้องเพิกถอนการขายฝากเชื่อทำโดยมิชอบ   ตร.เร่งสอบผู้เกี่ยวข้อง และไทม์ไลน์  เพื่อหาข้อเท็จจริง    หากพบหลักฐานกระทำผิดดำเนินคดีผู้ร่วมขบวนการทุกราย  ยายน้ำตาคลอเครียดจนนอนไม่หลับกลัวลูกหลานไม่มีที่อยู่อาศัยและทำกิน
 ความคืบหน้ากรณีที่ ยายดอกดิน  วาสะรัมย์ อายุ 75 ปี พร้อมคุณตามี    วาสะรัมย์  อายุ 71 ปี สามี  และนายปราโมทย์   อายุ 38 ปี ลูกชายคนโต  ชาวตำบลสวายจีก  อำเภอเมือง  จ.บุรีรัมย์  ออกมาร้องขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือ  จากนักกฎหมาย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง    หลังจากถูกแก๊งนายหน้า ชาย-หญิง  5 คน  มาตีสนิทกับ คุณยายดอกดิน   ซึ่งเป็นเจ้าของโฉนดที่ดิน 3 แปลง คือ แปลง 5 ไร่ , 9 ไร่ และ 11 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมด 25 ไร่  ซึ่งเป็นที่ดินมรดก  ก่อนใช้กลอุบายหลอกว่าจะช่วยขายที่ดินแปลง 9 ไร่ ซึ่งอยู่ติดถนนใหญ่ให้ในราคาไร่ละ  1,300,000 บาท   โดยมีการหลอกล่อให้คุณยาย ไปเซ็นเอกสารที่สำนักงานที่ดินจังหวัด   อ้างเป็นสัญญาซื้อขายที่     แต่สุดท้ายกลับพบว่าที่ดินทั้ง 3 แปลง  ที่แก๊งนายหน้า  หลอกว่าจะช่วยขายให้    ถูกทำเป็นสัญญาขายฝากไว้กับนายทุนรายหนึ่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ รวมยอดกว่า 7 ล้านบาท หากยาย  ไม่มีเงินไปไถ่ถอนคืนตามกำหนดที่ดินทั้ง 25 ไร่ก็จะตกเป็นของนายทุน   ยาย พร้อมสามี และลูกหลานก็จะไม่มีที่อยู่อาศัย และทำมาหากิน

  ล่าสุด (27 ก.ย.68)  คุณยายดอกดิน    ผู้เสียหาย ได้เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพิ่มเติม  หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนก็จะเรียกผู้ที่ถูกกล่าวอ้างถึง  และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน เข้าสอบปากคำ  เพื่อหาข้อเท็จจริง   และไล่ไทม์ไลน์ที่ไปที่มาทั้งหมด ว่ามีการจำนองหรือขายฝากกับบุคคลใดบ้าง  ก่อนที่โฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลงจะถูกทำสัญญาขายฝากกับนายทุน   หากพบมีการฉ้อโกงยายจริง ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป 

ขณะที่นายธนิส   ปุลันรัมย์   หรือทนายตั้มบุรีรัมย์   ก็ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือคุณยาย  ที่ตกเป็นเหยื่อ         พร้อมระบุว่า  กรณีของคุณยาย เท่าที่สอบถามข้อมูลและดูเอกสารหลักฐานเบื้องต้น   ก็มีแนวทางการช่วยเหลือ โดยแยกออกเป็น 2 ส่วน  คือ คดีอาญา  หากพบว่านายหน้าและนายทุน  ร่วมมือกันสร้างอุบายขึ้นมาอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของคุณยาย   ก็ต้องเอาผิดฐานฉ้อโกง    ส่วนที่ดินของคุณยายทั้ง 3 แปลงที่มีการทำนิติกรรมที่สำนักงานที่ดิน

เป็นการทำนิติกรรมขายฝากและมาแปลงให้มีการจดจำนอง   ซึ่งข้อเท็จจริงคุณยายไม่ได้มีเจตนาจะทำนิติกรรมเหล่านั้น    และไม่ได้เงินตามจำนวนที่มีการทำนิติกรรมในสัญญา   ก็จะเข้าสู่กระบวนการฟ้องเพิกถอนการขายฝากหากได้มาโดยมิชอบ ก็จะทำควบคู่กันไป    

 ทั้งนี้จากที่คุณยาย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของแก๊งมิจฉาชีพดังกล่าว  เชื่อว่ามีการวางแผนกันล่วงหน้า และร่วมกันที่จะกระทำความผิด  อาจเข้าข่ายฉ้อโกง   ก็จะมีการตรวจสอบในเชิงลึกเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงมากกว่านี้     แต่จากพฤติการณ์ในเบื้องต้น ก็ใกล้เคียงกับเคสที่เคยมีการร้องเรียนก่อนหน้านี้    น่าจะเป็นกลุ่มแก๊งเดียวกัน เพราะพฤติการณ์ก่อเหตุใกล้เคียงกัน 99 เปอร์เซ็นต์   คือลักษณะการสร้างอุบายไปหาเหยื่อที่กำลังเดือดร้อนด้านการเงิน  เช่น กรณีที่ต้องการเงินไปปิดหนี้สถาบันการเงินต่างๆ  พอผู้เสียหายหลงเชื่อและเข้าสู่อุบายที่เขาวางไว้   สุดท้ายก็สูญเสียทรัพย์สิน

 ขณะที่ยาย ผู้เสียหาย   น้ำตาคลอบอกเครียดจนนอนไม่หลับ กลัวจะถูกยึดที่ดินซึ่งเป็นที่มรดก ลูกหลานก็จะไม่ที่อยู่อาศัยและทำกิน   แต่พอมีทนายยื่นมือมาช่วย ก็เริ่มมีความหวัง  ก็ภาวนาขอให้ได้ที่ดินคืน   ทั้งนี้คุณยาย ยังฝากถามแก๊งมิจฉาชีพด้วยว่า “ทำไมหลอกยายได้ลงคอ”


 สุรชัย     พิรักษา / บุรีรัมย์

แสดงความคิดเห็น