เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วินิจ บุญชิต สว.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 นำกำลังเข้ากวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่เกาะพะงัน หลังได้รับการร้องเรียนอย่างหนักจากชาวบ้านถึงปัญหาการรวมกลุ่มมั่วสุมยาเสพติดของกลุ่มบุคคลต่างด้าว ส่งผลให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวไทยและชาวเมียนมาได้รวม 10 ราย พร้อมของกลางยาเสพติดปฏิบัติการครั้งนี้เริ่มต้นจากการสืบสวนหาข่าวหลังชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียนถึงกลุ่มบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาที่มั่วสุมเสพยาและสร้างความวุ่นวาย เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุมกลุ่มชาวเมียนมาก่อนจะขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องชาวไทย ซึ่งพบว่ามีประวัติอาชญากรรมร้ายแรงอดีตทหารหน่วยรบพิเศษ พ้นโทษไม่นานผันตัวค้ายาผู้ต้องหาชาวไทยรายสำคัญที่ถูกจับกุมคือ นายสมเกียรติ ด้วงมาก อายุ 45 ปี อดีต ทหารหน่วยรบพิเศษ (หมวกแดง) ลพบุรี ซึ่งถูกจับกุมพร้อมของกลาง ยาบ้า 7 เม็ด ถูกแจ้งข้อหาครอบครองและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยจากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายสมเกียรติ เพิ่งพ้นโทษในคดีฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธสงคราม ซึ่งศาลเคยตัดสินโทษประหารชีวิต ก่อน







ลดโทษเหลือจำคุก 17 ปี และพ้นโทษออกมาได้ไม่นานก็หันมาก่อเหตุซ้ำในคดียาเสพติดนอกจากนี้ ยังมีการจับกุม นายกฤษณพงค์ สองเมือง อายุ 43 ปี พร้อมของกลาง ยาไอซ์ 16.3 กรัม และถูกแจ้งข้อหาครอบครองและเสพยาเสพติด โดยนายกฤษณพงค์ก็ เคยพ้นโทษในคดียาเสพติด มาก่อนเช่นกันจับต่างด้าวรวม 7 ราย มั่วสุมทำลายภาพลักษณ์ท่องเที่ยวการจับกุมครั้งนี้ยังครอบคลุมผู้ต้องหาชาวเมียนมาอีก 7 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ถูกดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติดและเป็น บุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเฉพาะ นายซิก เทะ มิน ไน อายุ 31 ปี ถูกจับกุมพร้อมยาบ้า 1 เม็ด และถูกแจ้งข้อหา มียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย พ.ต.ท.วินิจ บุญชิต เปิดเผยว่า การกวาดล้างกลุ่มผู้กระทำผิดทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในครั้งนี้ถือเป็นการ ตัดวงจรการแพร่กระจายยาเสพติด ในพื้นที่เกาะพะงันอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่มีประวัติอาชญากรรมและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย การมั่วสุมยาเสพติดของบุคคลเหล่านี้สร้างความวุ่นวายและส่งผลกระทบต่อ ภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ของเกาะพะงันซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องสำคัญชุดจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 10 ราย พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พร้อมทั้งจะดำเนินการ ขยายผล ไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและเครือข่ายที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดเพื่อนำตัวมาลงโทษให้ถึงที่สุดการจับกุมในครั้งนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวในการดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดสงขลา
แสดงความคิดเห็น