พล.ต.ท.วัฒนา  ยี่จีน  ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อม พล.ต.ต.ประสงค์  เรืองเดช   รองจเรตำรวจ รักษาราชการ รองผู้บัญชาตำรวจภูธรภาค 3 , พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ ,  พ.ต.อ.วชิรวิทย์ วรรณธาณี. ผู้กำกับการ สภ.ลำปลายมาศ. , นายมานพ แสงโสทร ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส.ภาค 3 ,นายอำเภอลำปลายมาศ  พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ชปส.ภ.จว.บุรีรัมย์, กก.ตชด.21, ตชด.215 และ 216, หน่วยทหารจากกองกำลังสุรนารี, กรมทหารพรานที่ 26 และฝ่ายปกครองอำเภอลำปลายมาศ ได้แถลงข่าวผลการจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดรายสำคัญเครือข่าย "อ้ายลาว" ที่สถานีตำรวจภูธรลำปลายมาศ  จ.บุรีรัมย์ 

 หลังจากที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ลำปลายมาศ  ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปราม สภ.ลำปลายมาศ  ได้สกัดจับยกแก๊ง พร้อมของกลางยาบ้าล็อตใหญ่ 2 ล้านเม็ด เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2568 เวลา 19.05 น. ต่อเนื่องวันที่ 29 มิถุนายน 2568 เวลา 18.10 น.  ในพื้นที่ ต.หนองคู และ ต.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ต.ทะเมนชัย อ.ทะเมนชัย จ.บุรีรัมย์ คาบเกี่ยวท้องที่ ต.กงรถ อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา
    ได้ผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย 1. นายทองคำ หรือบาส อายุ 29 ปี ชาว จ.มหาสารคาม  2. น.ส.ลัดดาวัลย์ หรือบี อายุ 29 ปี จ.มหาสารคาม  โดยทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน  และผู้ต้องหาที่ 3. คือ นายพงษ์สิทธิ์ หรือก๊อก อายุ 29 ปี ชาว จ.นครราชสีมา  ยึดของกลาง ยาบ้าได้ 5 กระสอบ รวมจำนวน 2,000,000 เม็ด รถยนต์ยี่ห้อ ISUZU สีเทา 2 คัน ที่ใช้ในการขนลำเลียงยา และอีกคันใช้ตรวจเส้นทาง  ป้ายทะเบียนปลอมหลายรายการ

 ปฏิการจับกุมแก๊งค้ายารายสำคัญครั้งนี้  สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลจากสายลับว่า ขบวนการค้ายาเสพติดในเครือข่าย “อ้ายลาว” สัญชาติลาว ได้สั่งการให้นายทองคำฯ กับพวกรับยาบ้าที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม แล้วลำเลียงไปพักที่ จ.มหาสารคาม ก่อนจะนำไปส่งต่อที่ จ.สระบุรี โดยใช้รถ ISUZU สองคัน ทั้งขนยาและตรวจเส้นทาง  ในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดสกัดที่ อ.ลำปลายมาศ พบรถต้องสงสัยและพยายามเรียกตรวจ แต่คนร้ายพยายามหลบหนี จนเกิดการขับรถชนสายตรวจและขับหนีต่อ เจ้าหน้าที่ขับรถไล่ติดตามและยิงยางสกัดรถ พบยาบ้า 5 กระสอบในรถ  และสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 รายได้พร้อมของกลาง  ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 รายที่นั่งมาในรถสะเก๊าหน้า ไหวตัวหลบหนีไปก่อน  ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ออกหมายจับและเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป   พร้อมทั้งจะได้ขยายผลจับกุมผู้ที่ร่วมขบวนการ  และจ้างวานด้วย  

 จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้รับจ้างขนยาจากชาวลาวจำนวน 200,000 บาท ส่วนรถสะเก๊าหน้าได้ 50,000 บาท ทำมาแล้ว 2 ครั้ง ขนยาบ้าครั้งละ 2 ล้านเม็ดไปส่งยังจังหวัดชั้นใน ประวัติผู้ต้องหาเคยถูกจับกุมทั้งคดียาเสพติด และอีกหลายคดี รู้จักกันในคุก  ออกมาก็มาลักลอบขนยาบ้าอีก

 ผู้ต้องหาทั้งสามรายถูกแจ้งข้อหาหนัก  มียาเสพติดประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เสพยาเสพติด ขัดขวางเจ้าพนักงานฯ (เฉพาะนายทองคำ) ซึ่งถือเป็นมูลฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน เจ้าหน้าที่จะขยายผลต่อไป

 ผู้บัญชาตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า  ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้จับกุมปราบปรามทั้งผู้ผลิต  ผู้ค้า และผู้เสพยาเสพติดให้หมดไป จากสังคมไทย ทางตำรวจภูธรภาค 3 ก็ได้กำชับให้ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบทุกจังหวัดเพิ่มมาตรการเข้มในการกวาดล้างจับกุมเข้มงวด   ภายใต้ปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เน้นสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน  ซึ่งการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในครั้งนี้ ก็ได้รับความร่วมมือจากการแจ้งเบาะแส   จนสามารถจับกุมได้ล็อตใหญ่


   จึงได้ขอความร่วมมือจากประชาชนและสถานประกอบการ ในการแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติด ผ่านสายด่วน 1599, 191 หรือแอปพลิเคชัน “Police i lert U” ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อร่วมกันสร้างสังคมปลอดภัยและปราศจากยาเสพติด

      สุรชัย   พิรักษา / บุรีรัมย์

แสดงความคิดเห็น