วันนี้ (28 พ.ค. 68) เวลา 10.00 น. นายยงพันธ์ พันธ์ดงยาง รองประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาคประชาสังคมจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568  ดร.อุปกรณ์ ดีเสมอ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาคประชาสังคมจังหวัดร้อยเอ็ด มอบหมายให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาคประชาสังคม
จังหวัดร้อยเอ็ด ประกอบด้วย นายยงพันธ์ พันธ์ดงยาง รองประธานกรรมการฯ ดร.ทักษิณ สิทธิศักดิ์ นายโอภาส ธรรมรักษา นายคมกฤช พวงศรีเคน กรรมการ ป.ป.ช. ภาคประชาสังคมจังหวัดร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ติดตามสอดส่องการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการอาหารกลางวันและนมโรงเรียนที่มีผลกระทบต่อการได้
รับอาหารและนมโรงเรียนของนักเรียนหนองหว้านาคำพัฒนา อำเภอเสลภูมิ และโรงเรียนบ้านนางาม อำเภอทุ่งเขาหลวง พร้อมด้วยคณะกรรมการ ป.ป.ช.ระดับอำเภอเสลภูมิ จำนวน  22 คน  และอำเภอทุ่งเขาหลวง จำนวน 10 คน ร่วมกันสอดส่องและตรวจสอบว่างบประมาณตามโครงการอาหารกลางวันนักเรียนเพียงมี
การเบิกจ่ายเงินงบประมาณตรงต่อความต้องการการบริโภคอาหารและนม สำหรับนักเรียนหรือไม่อย่างไร เนื่องจากงบประมาณดังกล่าวต้องรอรับการอนุมัติเงินงบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นั้นๆได้เบิกจ่ายงบประมาณสอดคล้องเหมาะสมกับการบริโภคของนักเรียนหรือไม่
สำหรับที่โรงเรียนหนองหว้านาคำพัฒนา อำเภอเสลภูมิ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ดเขต 3 ได้พบนางสาว กันธิมา ไชยสิงห์ และ คุณครู อัญชนีย์ กออำไพร ครูผู้รับผิดชอบโครงการอาหารกลางวันและนมโรงเรียน โดยได้รับมอบหมายจาก นายสมหมาย  ทองภู ผู้อำนวยการโรงเรียนหนอง
หว้านาคำพัฒนา ให้ข้อมูลกับ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาคประชาสังคมจังหวัดร้อยเอ็ดว่า โรงเรียนหนองหว้านาคำพัฒนา มีนักเรียนทั้งหมดทุกระดับชั้นตั้งแต่ อนุบาล 2 จนถึง ม.3 (โรงเรียนขยายโอกาส) มีจำนวน 131 คน ได้ค่าอาหารกลางวันหัวละ 22 บาทต่อคนต่อวัน รวมทั้งสิ้นวันละ 2,882 บาท ในวงเงินดัง
กล่าวจะได้อาหาร 2 อย่าง ผลไม้ 1 ชนิด รวมถึงการจัดจ้างแม่ครัวและการปรุงอาหารด้วย ซึ่งในแต่ละสัปดาห์ทางโรงเรียนจะจัดอาหารให้เด็กๆตามตารางหน้าโรงอาหารซึ่งน้องๆก็พอใจ ในส่วนของนมโรงเรียน ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 เป็นต้นมาทางโรงเรียนได้รับนม UHT แบบกล่อง โดยเด็กจะได้รับนม หนึ่งคนต่อหนึ่ง
กล่องทุกวัน แต่สำหรับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นนั่นคือมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณจากท้องถิ่นในพื้นที่ไม่ตรงกับการเปิดเทอมของนักเรียน ทำให้ทางโรงเรียนต้องจัดหาเงินอุดหนุนเพื่อซื้ออาหารกลางวันแทนระหว่างรองบประมาณจากท้องถิ่นโดยส่วนมากจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน แต่นมโรงเรียนทางท้องถิ่นจะดำเนินการจัดซื้อให้
โดยตรงถ้าหากจัดซื้อล่าช้าเด็กๆยังไม่ได้รับนมจนกว่าจะมีงบประมาณมาจัดซื้อตามปกติในส่วนระหว่างที่รอนั้นเมื่อมีงบประมาณจัดซื้อจะทำให้เด็กนักเรียนได้รับนมย้อนหลัง ซึ่งมีผลกระทบคือทำให้เด็กนักเรียนไม่ได้รับนมทุกวันแต่จะได้รับนมในปริมาณมากเมื่อได้รับนมย้อนหลังซึ่งบริโภคนมย้อนหลังไม่ได้ แต่สำหรับงบประมาณ
โครงการอาหารกลางวันทางโรงเรียนสามารถขอยืมเงินอุดหนุนจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ดเขต 3 จ่ายแทนไปพลางก่อนได้ เมื่อได้รับงบประมาณมาแล้วค่อยจ่ายคืน ในส่วนของโรงเรียนบ้านนางาม อำเภอทุ่งเขาหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ดเขต 1 นายกมล นนทะภา
ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนางาม กล่าวว่า โรงเรียนบ้านนางาม มีนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียน จำนวน 24 คน ได้ค่าอาหารกลางวันจำนวน 36 บาทต่อคนต่อวัน รวมวันละ 864 บาท นักเรียนจะได้รับอาหาร 2 อย่าง ผลไม้ 1 ชนิด (เงินจำนวนนี้รวมค่าจ้างประกอบอาหาร
ด้วย) ส่วนนมโรงเรียนก็จะได้รับเป็นนมกล่อง UHT จัดซื้อโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เช่นเดียวกัน ส่วนมากการเบิกจ่ายงบประมาณของท้องถิ่นในช่วงของต้นปีงบประมาณจากล่าช้าประมาณ 1 เดือนและทางโรงเรียนก็ได้รับนมล่าช้าประมาณ 1 เดือนเช่นเดียวกันทำให้นักเรียนไม่ได้รับนมตรงตามความเป็นจริงคือควร
จะได้รับนมทุกวันในวันที่เปิดภาคเรียน เพราะนมได้รับย้อนหลังจะกลายเป็นนมสะสมจำนวนมากเด็กไม่สามารถบริโภคย้อนหลังได้นายยงพันธ์ พันธ์ดงยาง รองประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาคประชาสังคมจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า จากการติดตามสอดส่องทำให้พบสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นว่ามีการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าใน
ส่วนของต้นปีงบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำให้มีผลกระทบต่อโครงการอาหารกลางวันของนักเรียน บางโรงเรียนผู้บริหารต้องจัดหางบประมาณสำรองมาจ่ายทดแทนก่อน ถ้าเกิดต้องทดรองจ่ายหลายวันก็ทำให้มีปัญหาในเรื่องของการจัดหางบประมาณได้และการรับนมของนักเรียนทุกวัน ไม่ตรงตามความเป็น
จริงที่เด็กควรจะได้ดื่มนมทุกวันตั้งแต่วันที่เปิดภาคเรียน แต่การรับนมล่าช้าจากการจัดซื้อขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำให้เกิดมีนมสะสมหลายวันเข้าทำให้นมมีปริมาณจำนวนมากเด็กไม่สามารถดื่มย้อนหลังได้ จึงทำให้นักเด็กนักเรียนเสียโอกาส เพราะในระหว่างปีงบประมาณก็จะมีการจัดซื้ออย่างต่อเนื่องทำให้นมสะสมเด็ก





นักเรียนไม่มีโอกาสได้ดื่ม จึงทำให้เด็กๆต้องเสียประโยชน์จากการดื่มนมเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ จากเหตุการณ์ดังกล่าวจะได้นำเรียนยังสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดร้อยเอ็ดและกองทุน ป.ป.ช.ต่อไป

///

คมกฤช พวงศรีเคน ข่าว/ภาพ

แสดงความคิดเห็น