วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 — กลุ่มครูและครูบำนาญจังหวัดน่านกว่า 300 ราย รวมตัวสะท้อนปัญหาหนี้สินเรื้อรัง พร้อมยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ขอให้มีมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู หลังหลายคนประสบภาวะวิกฤตทางการเงิน เหลือรายได้ใช้จ่ายเพียงเดือนละไม่กี่พันบาท บางรายเหลือเพียง 2,000 บาทต่อเดือน ต้องกู้ยืมนอกระบบเพื่อยังชีพ เกิดภาวะหนี้ซ้ำซ้อน สะสมจนชีวิตพังทลาย ข้อมูลจากกลุ่มครูในจังหวัดน่านระบุว่า มีครูและครูบำนาญมากถึง 61 รายที่อยู่ในภาวะวิกฤตหนัก ถูกฟ้องร้องบังคับคดี และยึดทรัพย์สิน บางรายต้องเผชิญปัญหาสุขภาพจากความเครียดสะสม กลายเป็นโรคซึมเศร้า เส้นเลือดสมองแตก หรือเป็นอัมพาต ไม่สามารถทำงานเสริมเลี้ยงชีพได้อีก

ครูศิรินา รินนาศักดิ์ ครูบำนาญวัย 68 ปี เล่าว่า ปัจจุบันครูจำนวนมากทั้งที่ยังปฏิบัติหน้าที่และเกษียณแล้ว ต้องใช้ชีวิตด้วยรายได้หลังหักชำระหนี้เพียงเดือนละไม่กี่พันบาท ทำให้ต้องพึ่งพาการกู้ยืมนอกระบบเพื่อยังชีพในแต่ละเดือน เป็นวงจรหนี้ที่ยากต่อการหลุดพ้น หลายคนเครียดจนเจ็บป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองและภาวะซึมเศร้า

เช่นเดียวกับ ครูละเอียด กำบังตน อายุ 67 ปี อดีตผู้ได้รับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “หนึ่งแสนครูดี” ปัจจุบันป่วยจากภาวะสโตรก เส้นเลือดสมองแตก ต้องนอนติดเตียงนานถึง 4 เดือน แม้อาการดีขึ้นแต่ยังเดินไม่สะดวก พูดไม่ชัด ควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ ไม่มีรายได้ชำระหนี้ จนถูกธนาคารฟ้องร้องและยึดทรัพย์

กลุ่มครูและครูบำนาญจังหวัดน่านได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาต่อภาครัฐ ได้แก่

ทบทวนและปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้สวัสดิการครูลดอัตราดอกเบี้ยและยืดระยะเวลาการชำระหนี้

จัดตั้ง “กองทุนช่วยเหลือครูในภาวะวิกฤต” สำหรับรายที่มีปัญหาหนัก

ส่งเสริมช่องทางสร้างรายได้เสริมและพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมจัดโครงการดูแลสุขภาพกายและใจให้ครูในวัยเกษียณ

ตัวแทนครูจังหวัดน่านกล่าวทิ้งท้ายว่า

“ครูทุกคนทุ่มเทชีวิตเพื่อหล่อหลอมอนาคตของชาติ วันนี้เราขอเพียงโอกาสให้ได้ดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่เป็นภาระแก่ครอบครัวและสังคม”

กลุ่มผู้แทนครูจังหวัดน่าน ฝากความหวังให้รัฐบาลเร่งดำเนินมาตรการช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของครูทั่วประเทศ และคุ้มครองคุณภาพชีวิตผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อการศึกษาของชาติให้มั่นคงและยั่งยืน.



 กัลยา สองเมืองแก่น จ.น่าน

แสดงความคิดเห็น