เหตุการณ์เริ่มต้นตั้งแต่ นางลมหวน ใช้เงินเก็บหอมรอมริบมาตลอดชีวิต ซื้อที่ดิน 13 ไร่ ต่อจากเจ้าของเดิม ในราคาไร่ละ 90,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,170,000 บาท แต่เป็นที่ดินเอกสารสิทธิ์ สปก. ต่อมามีกำนันแหนบทองคำรายหนึ่งมาติดต่ออ้างว่า สามารถทำเรื่องเปลี่ยนชื่อในเอกสารสิทธิ์ สปก. จากชื่อของเจ้าของเดิม เป็นชื่อของนางลมหวนได้ โดยมีผู้ร่วมขบวนการอ้างตัวว่า รู้จักสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ สปก.โคราช ช่วยทำเรื่องให้ แต่มีค่าดำเนินการทำเอกสารใหม่ทั้งหมดเป็นเงิน 120,000 บาท จึงตกลงทำพร้อมกับจ่ายเงินก้อนแรก เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566
ต่อมาวันที่ 5 ตุลาคม 2566 มีผู้หญิงอ้างว่าเป็นอาจารย์ระดับด๊อกเตอร์ ถือเอกสารใบ สปก.ตัวจริง (ใบแข็ง) ที่ยังเป็นชื่อของเจ้าของเดิม (ยังเปลี่ยนชื่อไม่ได้) มาหานางลมหวน อ้างว่า มีคนนำใบ สปก.ฉบับนี้ เอาไปกู้เงิน 100,000 บาท ถ้าอยากได้ใบ สปก.(ใบแข็ง)คืน ก็ให้จ่ายเงินมา 100,000 บาท นางลมหวนกลัวว่าจะไม่ได้ใบ สปก.คืน จึงยอมจ่ายเงินให้ เพราะกลัวจะไม่ได้อะไรเลย เพราะลงทุนซื้อที่ดินในราคา 1,170,000 บาท และจ่ายเงินไปครบแล้วสุดท้ายมารู้ว่า กำนันแหนบทองคำ พาผู้หญิงและอาจารย์ระดับด๊อกเตอร์ผู้ร่วมขบวนการรวม 3 คน มาหลอกเอาเงินรวมทั้งสิ้น 220,000 บาท ซ้ำยังไม่สามารถทำเรื่องเปลี่ยนชื่อในใบ สปก.ได้ จึงนำหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีกับทั้ง 3 คน ที่ สภ.หนองบุญมาก เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี ตอนนี้ตำรวจสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาและพยานแวดล้อมที่เกี่ยวจน จนสรุปสำนวนคดีส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้องศาล ขณะที่ทางอำเภอหนองบุญมาก หน่วยงานปกครอง
ก็เพิ่งมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดกำนันแหนบทองคำรายนี้ตามกระบวนการของทางราชการ เพราะเป็นตัวการสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้าน นายพงษ์เทพ จันทร์นอก นายอำเภอหนองบุญมาก กล่าวว่า ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้พบว่า มีมูลความผิดจริง กำนันรายนี้มีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายหลอกลวงชาวบ้านจริง ขณะนี้ทางอำเภอกำลังเสนอเรื่องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อพิจารณาบทลงโทษ เบื้องต้นอาจถึงขั้นสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และเข้าสู่กระบวนการสอบวินัยร้ายแรง เพื่อมีบทลงโทษขั้นเด็ดขาดตามระเบียบทางราชการต่อไป.
แสดงความคิดเห็น