พ่อแม่ผู้ปกครอง และเกษตรกรชาวบุรีรัมย์ แห่นำทองคำรูปพรรณไปจำนำและเพิ่มวงเงิน ที่สถาน ธนานุบาลเทศบาลนครบุรีรัมย์ คึกคักเพิ่มขึ้นจากปกติเท่าตัว เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าเทอมซื้ออุปกรณ์การเรียนและเป็นทุนในการทำนา ขณะสถานธนานุบาลฯขยายวงเงินรับจำนำทองบาทละ 4 หมื่นสูงเป็นประวัติการณ์หลังราคาทองพุ่ง พร้อมเตรียมเงินรองรับให้บริการลูกค้ากว่า 180 ล้าน
(8 พ.ค.68) พ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียนหลายอำเภอในจังหวัดบุรีรัมย์ ต่างนำทรัพย์สินมีค่าโดยเฉพาะทองคำรูปพรรณ เข้าไปใช้บริการจำนำและเพิ่มวงเงิน ที่สถานธนานุบาลเทศบาลนครบุรีรัมย์ อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม ทั้งซื้อชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียนให้แก่บุตรหลาน เตรียมพร้อมรับเปิดภาคเรียนใหม่ในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ยังมีเกษตรกรนำทองคำรูปพรรณมาจำนำและขอเพิ่มวงเงิน เพื่อนำเงินไปเป็นทุนในการทำนาเช่นกัน โดยช่วงนี้มีประชาชนมาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 300 – 400 ราย จากปกติมีประชาชนมาใช้บริหารวันละ 100 – 200 ราย ซึ่งประชาชนที่มาใช้บริการช่วงนี้ มากกว่าร้อยละ 90 จะนำทองคำรูปพรรณมาจำนำและขอเพิ่มวงเงินจำนำ เนื่องจากทางสถานธนานุบาลได้ขยายวงเงินรับจำนำเป็นบาทละ 40,000 – 41,000 บาท ขึ้นอยู่กับราคาทองในแต่ละวัน
ขณะที่ทางสถานธนานุบาลเทศบาลนครบุรีรัมย์ ได้เตรียมเงินสดและเงินหมุนเวียนในสต๊อกไว้รองรับให้บริการลูกค้า 180 ล้านบาท พร้อมทั้งยังมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย อาทิ หากลูกค้าที่มาใช้บริการจำนำเงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 0.25 ต่อเดือน หากเงินต้นเกินกว่า 5,000 บาทขึ้นไป คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาทต่อเดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-30 มิ.ย.2568 เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้แก่พ่อแม่ผู้ปกครอง
นายอิทธิเดช ทิพยแสง ผู้จัดการสถานธนานุบาลเทศบาลนครบุรีรัมย์ กล่าวว่า ช่วงนี้ได้มีลูกค้า ทั้งบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียน และกลุ่มเกษตรกร นำทรัพย์สินมีค่า มาใช้บริการจำนำและขอเพิ่มวงเงิน ที่สถานธนานุบาลฯ เฉลี่ยวันละ 300 – 400 ราย ส่วนมากกว่าร้อยละ 90 จะเป็นทองคำรูปพรรณ เนื่องจากได้ขยายวงเงินรับจำนำเป็นบาทละ 40,000 – 41,000 บาท เพื่อเตรียมเงินไปเป็นค่าเทอมและซื้ออุปกรณ์การเรียนให้แก่บุตรหลาน รวมถึงเป็นทุนในการทำนา โดยทางสถานธนานุบาลฯ ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองในช่วงเปิดภาคเรียนด้วย โดยคาดว่าจะมีประชาชนมาใช้บริการคึกคักไปจนถึงสิ้นเดือนนี้
สุรชัย พิรักษา / บุรีรัมย์
แสดงความคิดเห็น