วันที่ 10 พฤษภาคม 2568  ที่วัดแจ้งสว่าง  บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูมจังหวัดสุรินทร์   องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับ อบต.กระโพ   จัดงานบวชนาคช้างเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ  โดยขบวนนาคจำนวน 51  นาคแต่งกายพร้อมด้วยเครื่องไทยธรรม นั่งช้างมายังวัด  ก่อนทำพิธีที่วัดก่อนร่วมตั้งขบวนแห่พร้อมด้วยญาติพี่น้อง  ริ้วขบวนป้าย ขบวนนางรำ และช้างกว่า 80 เชือก แห่ไปยัง  วังทะลุ (บริเวณที่เรียกว่าสิมน้ำ)  ระยะทาง 4 กิโลเมตร ของบ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์   ท่ามกลางความสวยงามของริ้วขบวนช้างและนาคที่แต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวสีขาว ผ้า 7สี และโสร่งไหม สวมชฎา  สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมงานอย่างมาก

โดยบริเวณวังทะลุ   นาย ชำนาญ  ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานในพิธี  นำรองผู้ราชการจังหวัด พร้อมด้วยนายก  อบจ. สมาชิกสภาจังหวัดสุรินทร์   

นายอำเภอ ทั้ง 17 อำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ ถวายสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ  ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติ สื่อมวลชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย  และชาวต่างประเทศเข้าร่วมงาน

นางธัญพร มุ่งเจริญพร  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ กล่าวรายงานถึงประเพณีบวชนาคช้างเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ  ซึ่งถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบทอดกันมา เมื่อลูกชายอายุ ครบ20 ปีบริบูรณ์ ก่อนที่จะมีเหย้ามีเรือน พ่อแม่ต้องจัดการบวชให้ลูกชายเพื่อศึกษาธรรมวินัยเสียก่อน ประเพณีบวชนาคช้างสมัยก่อนนั้นนับว่าเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะชายหนุ่ม    ในละแวกเดียวกันจะนัดวันบวชพร้อมกัน โดยเชื่อว่าการบวชนี้ ถ้าจะให้ได้บุญมาก จะต้องนั่งช้างแล้วแห่ไปเป็นระยะทางไกลๆ และมีผู้คนร่วมขบวนแห่นาคเป็นจำนวนมาก   ซึ่งตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จ.สุรินทร์

มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีหมู่บ้านช้างเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตของคนกับช้างแบบดั้งเดิม       ที่หาดูได้ยาก คนในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชาวกวยที่มีความเชี่ยวชาญในการจับช้าง   การเลี้ยงช้างและการฝึกช้าง สำหรับงานประเพณีบวชนาคในวันนี้เป็นอีกงานหนึ่ง        ที่สะท้อนเอกลักษณ์ วิถีชีวิตของชาวกวยในพิธีการบวชที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาช้านาน       ซึ่งตรงกับวันขึ้น 13-15 ค่ำ เดือนหกของทุกปี และปีนี้ตรงกับวันที่ 9 - 11 พฤษภาคม 2568  เพื่ออนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นให้คงอยู่คู่จังหวัดสุรินทร์สืบไป รวมทั้งส่งเสริมงานประเพณีบวชนาคช้างให้เป็นงานประเพณีที่สำคัญของท้องถิ่นสืบไป









อัศววัฒน์  พัฒน์ทองกนก News24  จ.สุรินทร์   รายงาน













 

แสดงความคิดเห็น