พบประสิทธิภาพและคุณภาพดีเยี่ยมไม่ด้อยกว่าแบรนด์ดังต่างประเทศในราคาที่ย่อมเยากว่า ช่วยลดเลือนริ้วรอยและการเกิดสิวเห็นผลภายใน 14 วัน 

 รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า สำหรับ“ใบมะม่วง” ตามสายตาของคนทั่วไปแล้ว เชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะมองว่าเป็นเพียงใบไม้ที่ร่วงหล่นหรือเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ซึ่งแทบจะไม่มีมูลค่าใดๆ และพบเห็นได้ทั่วไป อย่างไรก็ตามจากการศึกษาวิจัยของเภสัชกรหญิง ดร.ปองพรรณ สุคำ หนึ่งในทีมนักวิจัยศูนย์วิจัยฟิสิกส์ของพลาสมาและลำอนุภาค คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ค้นพบว่าในใบมะม่วงนั้น มีสารสำคัญที่ชื่อว่า “แมงจิเฟอริน” (Mangiferin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่ามีคุณสมบัติในการช่วยลดการอักเสบ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ลดการเกิดสิว และปกป้องผิวจากรังสี UVB พร้อมทั้งพัฒนาต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ของคนไทยที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงในการช่วยลดเลือนริ้วรอยและปกป้องผิว ไม่ด้อยไปกว่าผลิตภัณฑ์ยี่ห้อดังของต่างประเทศ

 ทั้งนี้เภสัชกรหญิง ดร.ปองพรรณ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงที่ศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์นาโนและนาโนเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยส่วนตัวมีความสนใจเกี่ยวกับงานวิจัยด้านการสกัดสารสำคัญจากพืชด้วยเทคโนโลยีพลาสมา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสะอาด ที่กลุ่มประเทศทางยุโรปมีการใช้ทางการแพทย์และการสกัดสารสำคัญจากพืชเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และความงาม จึงได้พยายามศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับพืชท้องถิ่นของไทยที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาสูงแต่ไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1,000 ชนิด เพื่อค้นหาพืชที่มีสารสกัดออกฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง หรือ Super Antioxidant ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากศูนย์วิจัยฟิสิกส์ของพลาสมาและลำอนุภาค คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

โดยจากการวิจัยที่เริ่มตั้งแต่ปี 2561 ทำให้ค้นพบว่าใบมะม่วงนั้น มีสาร“แมงจิเฟอริน” (Mangiferin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์สูง (Super Antioxidant) และคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ ลดการเกิดสิว และช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVB รวมทั้งช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นด้วย ซึ่งขณะเดียวกันนั้นทราบว่าทางเจ้าของผลิตภัณฑ์ดูแลบำรุงผิวยี่ห้อดังรายหนึ่งของต่างประเทศกำลังศึกษาสารสกัดเดียวกันนี้จากพืชของไทยเช่นกัน โดยหลังจากที่ค้นพบสารสกัดสำคัญนี้จากการวิจัยแล้วนั้น ได้รับการสนับสนุนจาก กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ภายใต้โครงการยุววิสาหกิจเริ่มต้น (TED Youth Startup) เพื่อพัฒนาต่อยอดในเชิงธุรกิจจนกระทั่งสำเร็จเป็นผลิตภัณฑ์ “เซรั่มแมงจิเฟอร์รา แอนไทริงเคิล” ในชื่อแบรนด์ “ทีวาเพียว” (TEVAPURE) ออกวางจำหน่ายเมื่อช่วงต้นปี 2567

สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้นั้น เภสัชกรหญิง ดร.ปองพรรณ บอกว่า มุ่งเน้นการใช้ส่วนผสมคุณภาพสูงจากธรรมชาติ เพื่อตอบโจทย์ในการบำรุงฟื้นฟูผิว ลดเลือนริ้วรอย ลดการเกิดสิว และเพิ่มความกระจ่างใส รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และเหมาะสมกับสภาพผิวของคนไทยและคนเอเชีย โดยมี “แมงจิเฟอริน” (Mangiferin) เป็นสารสกัดสำคัญหลักในผลิตภัณฑ์พร้อมด้วยส่วนผสมสำคัญอื่นๆ ทั้ง นิโคตินาไมด์ (Niacinamide), อะซิทิล กลูโคซามีน(Acetyl Glucosamine) หรือ ปาล์มมิโตอิล โอลิโกเปปไทด์(Palmitoyl Oligopeptide) เป็นต้น ซึ่งผสมผสานกันด้วยสูตรที่ลงตัว ขณะเดียวมีการนำนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีการห่อหุ้มระดับนาโน (Nano-encapsulation) ซึ่งช่วยทำให้เซรั่มสามารถซึมซาบเข้าสู่เซลล์ผิวได้ดี และรวดเร็ว พร้อมทั้งสารสำคัญออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง 

เภสัชกรหญิง ดร.ปองพรรณ บอกด้วย ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิวที่พัฒนาจากงานวิจัยสารสกัดจากใบมะม่วงไม่เพียงเห็นผลลัพธ์จากการทดสอบในกลุ่มตัวอย่างหรือห้องปฏิบัติการเท่านั้น แต่ยังได้รับการยืนยันจากผู้ใช้งานจริงด้วยว่าได้ผลอย่างดีเยี่ยมในการฟื้นฟูสภาพผิว ซึ่งเห็นผลอย่างชัดเจนภายใน 14 วัน ส่งผลทำให้ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีเป็นที่น่าพอใจนับตั้งแต่ที่เริ่มนำออกวางจำหน่าย โดยมองว่านอกจากผลิตภัณฑ์นี้จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับใบมะม่วงแล้ว ยังจะเป็นอีกส่วนหนึ่งในการช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่นควันอีกทางหนึ่งด้วย เพราะน่าจะช่วยลดปริมาณใบมะม่วงที่ถูกนำไปกำจัดทิ้งด้วยการเผาในแต่ละปีลงได้เป็นอย่างมาก เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการสกัดสารสำคัญนี้แทน

ส่วนของผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ “เซรั่มแมงจิเฟอร์รา แอนไทริงเคิล” ซึ่งพัฒนาต่อยอดจากงานวิจัยสารสกัดสำคัญจากใบมะม่วงนั้น เบื้องต้นมีการวางจำหน่ายที่ NSP INNO STORE อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ www.tevapure.com และ LINE Official Account :@tevapure



























แสดงความคิดเห็น