นายดลฮอนี สุวาหลำ กำนันตำบลเกาะสาหร่าย แจ้งว่า บ่ายสองของวันที่ 19 ที่ผ่านมาขณะทำภารกิจบนแพของรองโสน ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมืองสตูล ชาวบ้านบนแพและตนได้เห็นร่างของพะยูนขนาดใหญ่ลอยน้ำมาเข้าใกล้แพดังกล่าว  โดยพะยูนที่ตายมีลำตัวยาวประมาณ 2 เมตรยี่สิบเซนติเมตร สภาพตายหงายหน้าตามตัวมีร่องรอยถลอกคาดว่าจากแดดที่เผา น้ำหนักประมาณ 50-60 กิโลกรัม (ยกสองคนไม่ขึ้น) โดยไม่สามารถแน่ชัดว่าเป็นเพศอะไร สภาพเหมือนพะยูนโตเต็มวัยหนุ่มสาว จึงรีบแจ้งให้ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง มารับตัว ไปพิสูจน์สาเหตุตายที่แน่ชัดอีกครั้ง


          กำนันตำบลเกาะสาหร่าย บอกด้วยว่า พะยูนตัวนี้นับเป็นตัวที่ 2 ในรอบปีนี้ที่พบพะยูนตายที่เกาะสาหร่าย อำเภอเมืองสตูล โดยส่วนใหญ่ที่ตายผ่านมาพบว่าไม่บาดเจ็บ หรือตายจากปัญหาขยะทะเล โดยที่ผ่านมามีหลายมหาลัยวิทยาลัยมาทำวิจัย ซึ่งพบว่าใกล้เกาะสาหร่ายเป็นแหล่งอยู่อาศัยของพะยูน และโลมา แต่ทางชาวบ้านไม่ทราบเรื่องประชากรที่แน่ชัด มีหลายองค์กรเข้ามาจะมาปลูกหญ้าทะเลเพิ่มให้แต่ก็เงียบหายไป จึงทำให้การดูแลปกป้อง พะยูน โลมา ทำได้ไม่เต็มที่ ส่วนตนเคยนำเอาแผนเสนอท้องถิ่น ในการกำหนดให้ตำบลเกาะสาหร่ายเป็นจุดชมพะยูน แต่ไม่สำเร็จเพื่อที่จะได้ให้ชาวบ้านและชาวสตูลช่วยกันดูแลพะยูนให้เต็มที่ ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชม ความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลอันดามันที่เกาะสาหร่าย เหมือนอย่างที่ตรังเขาทำประสบความสำเร็จ อีกทั้งปัญหาประมงพื้นบ้านของเราก็ยังไม่เข้มแข็ง เป็นการคุยกันเฉพาะกลุ่ม และปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้ชาวประมงหมู่บ้านอื่นเข้ามาทำลายมากกว่าเข้ามาหากินเหมือนประมงพื้นบ้านทั่วไป



นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัด


แสดงความคิดเห็น