(9 ธ.ค.68)  สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่อำเภอบ้ากกรวด  จังหวัดบุรีรัมย์  ยังได้ยินเสียงปืนใหญ่ยิงปะทะกันต่อเนื่อง  โดยเฉพาะช่วงประมาณตี 4 ถึงตี 5 มีเสียงปืนใหญ่ยิงปะทะค่อนข้างหนัก และยังยิงปะทะเป็นระยะจนถึงช่วงสาย   ทั้งนี้ยังพบแสงปริศนาเหนือท้องฟ้าเป็นระยะด้วย   จึงได้บันทึกภาพไว้   ก็คาดว่าน่าจะเป็นแสงจากอาวุธที่ยิงปะทะกัน และแสงจากโดรนสอดแนมด้วย   ซึ่งชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)  ที่ปฏบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่เพื่อคอยตรวจตราดูแลบ้านเรือน  ทรัพย์สิน และสัตว์เลี้ยงให้กับประชาชนที่อพยพออกจากหมู่บ้าน    ช่วงที่มีการยิงปะทะหรือพบแสงปริศนา ก็ได้เข้าหลบในบังเกอร์เพื่อความปลอดภัย 

แต่อย่างไรก็ตามแม้จะมีเสียงยิงปะทะกันอย่างหนักหน่วงช่วงเช้ามืด   ก็ยังไม่มีรายงานปืนใหญ่หรืออาวุธหนักของฝ่ายกัมพูชาที่ยิงตอบโต้ทหารไทย   ตกในพื้นที่อำเภอบ้านกรวดเพิ่มเติมแต่อย่างใด   และตั้งแต่ที่มีการเปิดฉากสู้รบกันมา ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 7 ธ.ค.68 จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานพลเรือนในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์  ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

มีเพียงประชาชนที่มีโรคประจำตัวได้เสียชีวิตขณะอพยพไปยังศูนย์พักพิง 2 ราย  

ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่ามีประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน 2 อำเภอ คือ อำเภอบ้านกรวด และ อ.ละหานทราย  ได้อพยพออกจากพื้นที่แล้วกว่า 30,000 คน  ในจำนวนนี้ได้ไปอยู่ในศูนย์พักพิงในตัวจังหวัด 10,000 คน ที่เหลือกระจายตามศูนย์พักพิงอำเภออื่น  และอาศัยตามบ้านญาติ   ขณะที่นายปิยะ  ปิจนำ   ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์  ก็ได้ลงพื้นที่ให้กำลังใจและสั่งการในการดูแลผู้อพยพด้วยตัวเอง   

จากจำนวนผู้อพยพที่มีจำนวนมาก  ประกอบกับช่วงนี้สภาพอากาศหนาวเย็น  ทางศูนย์พักพิงก็ยังต้องการผ้าห่มกันหนาวเพื่อแจกจ่ายผู้อพยพ  รวมถึงต้องการผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็ก และผู้ใหญ่จำนวนมากด้วย   หากใครต้องการจะบริจาคสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์พักพิงสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต





   สุรชัย    พิรักษา  / บุรีรัมย์
 

แสดงความคิดเห็น