
โดยใช้เส้นทางตามคลองรังสิตคลอง 9 คลอง 10 ผ่านแม่น้ำนครนายกปากน้ำโยทะกาเข้าลำน้ำแม่น้ำปราจีนบุรี ขึ้นที่อำเภอศรีมหาโพธิ พระองค์ทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ (ในกาลต่อมารับราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6) พระราชบันทึกเรื่องราวการเสด็จประพาสโดยตลอดเส้นทางเสด็จ ดังนี้วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2451 ทรงลงเรือล่องไปขึ้นที่ทุ่งพลับพลา ณ อำเภอเมืองปราจีนบุรี เพื่อเยี่ยมชมตลาดหน้าเมือง จากนั้นล่องเรือขึ้นมาตามลำน้ำ เสวยพระกระยาหารที่ตำบลศรีมหาโพธิ ใต้ร่มไม้แห่งหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเป็นโคกสูง อยู่ทางใต้ของวัดอินทรแบกลงมา และได้ล่องเรือต่อไปยังพลับพลาที่ประทับแรม ณ อำเภอศรีมหาโพธิ โดยทรงประทับพักแรมเป็นเวลา 1 คืนได้ทรงช้างไปยังบ้านโคกขวางเพื่อทอดพระเนตรโบราณสถานบ้านพานหิน โบราณสถานลายพระหัตถ์ และโบราณสถานหลุมเมือง ณ เทวสถานโบราณดงศรีมหาโพธิพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้จารึกพระปรมาภิไธย “จปร 41/127”ลงบนแผ่นศิลาแลงขนาดสูง1เมตรกว้าง50เมตรยาว 1 เมตร ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นซากของอาคารเก่าในสมัยทวารวดี โดยมีความหมายคือ 41 หมายถึงปีที่รัชกาลของพระองค์ และ 127หมายถึง ร.ศ. 127 ที่พระองค์ได้เสด็จประพาสมายังเมืองศรีมหาโพธิในปี พ.ศ. 2457 ชาวเมืองศรีมหาโพธิ จึงสร้างมณฑปคลุมหินที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวลงพระปรมาภิไธยไว้ ต่อมาได้เกิดชำรุดจึงได้มีการสร้างมณฑปใหม่ขึ้นมาทดแทนมณฑปเดิม เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก มีลวดลายปูนปั้นรูปครุฑ ลายดอกไม้ เรียกสถานที่นี้ว่า “อนุสาวรีย์ลายพระหัตถ์” หรือ “ลายพระหัตถ์” จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินต่อไป
 ที่วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมโหสถ โดยในพระราชหัตถเลขา ระบุว่า…“ดงศรีมหาโพธินี้ ได้ชื่อจากต้นโพธิ์ต้นหนึ่ง ซึ่งว่าเป็นโพธิ์เก่าแก่ เป็นที่นับถือสักการะบูชา ระยะห่างจากโคกฝางนี้ประมาณเช้าชั่วเพลแต่ก็อยู่ชายดง ว่าโพธิ์นั้นตั้งอยู่บนโนน แต่คนแก่เขาบอกว่าไม่ใช่โนน เป็นทรายที่คนนับถือไปบูชา กองพอก ๆ ขึ้นไปจนเป็นโนนสูงสัก 6 ศอกเศษ มีพระรูปหนึ่งออกมาสร้างวัด เรียกชื่อว่าหลวงพ่ออิฐ จะถามหาปีเดือนว่าได้สร้างเมื่อใดก็บอกไม่ถูก ได้ความแต่ว่าวัดนั้น ได้สร้างมาแต่เมื่อยายแก่อายุ 60 ปี ได้เห็นเป็นวัดอยู่แล้ว พระเป็นไทยบ้าง ลาวบ้างปนกัน มีพระบาทจำลอง   ฤดูเดือนห้า ราษฎรพากันไปไหว้ต้นโพธิ์และพระบาท มาแต่ไกลจากเมืองพนมสารคามท่าประชุมและที่อื่น ๆ เป็นตลาดนัดซื้อขายจอแจกัน 2 วัน 3 วัน และมีดอกไม้เพลิงบ้องไฟเป็นต้นมาจุดในการ นักขัตฤกษ์นี้”…สำหรับต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ เชื่อว่าเป็นหน่อที่ได้มาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย มีอายุมากกว่า 2,500 ปี ซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ต้นโพธิ์นี้มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติโดยกรมศิลปากร และ ในคราวเสด็จประพาสครั้งนั้น ได้เสด็จถึง วัดบางแตน อำเภอบ้านสร้าง พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน เรือบิณฑบาต และ ปิ่นโต แด่พระภิกษุในวัด ถือเป็นของพระราชทานที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาและเป็นสิ่งล้ำค่าทางจิตใจของพุทธศาสนิกชน ต่อมาได้มีการสร้าง “พระบรมราชนานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ภายในบริเวณพลับพลาดังกล่าว ให้ประชาชนได้กราบสักการะและน้อมรำลึกถึงพระองค์ทุกปีในวันสำคัญ
ที่วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมโหสถ โดยในพระราชหัตถเลขา ระบุว่า…“ดงศรีมหาโพธินี้ ได้ชื่อจากต้นโพธิ์ต้นหนึ่ง ซึ่งว่าเป็นโพธิ์เก่าแก่ เป็นที่นับถือสักการะบูชา ระยะห่างจากโคกฝางนี้ประมาณเช้าชั่วเพลแต่ก็อยู่ชายดง ว่าโพธิ์นั้นตั้งอยู่บนโนน แต่คนแก่เขาบอกว่าไม่ใช่โนน เป็นทรายที่คนนับถือไปบูชา กองพอก ๆ ขึ้นไปจนเป็นโนนสูงสัก 6 ศอกเศษ มีพระรูปหนึ่งออกมาสร้างวัด เรียกชื่อว่าหลวงพ่ออิฐ จะถามหาปีเดือนว่าได้สร้างเมื่อใดก็บอกไม่ถูก ได้ความแต่ว่าวัดนั้น ได้สร้างมาแต่เมื่อยายแก่อายุ 60 ปี ได้เห็นเป็นวัดอยู่แล้ว พระเป็นไทยบ้าง ลาวบ้างปนกัน มีพระบาทจำลอง   ฤดูเดือนห้า ราษฎรพากันไปไหว้ต้นโพธิ์และพระบาท มาแต่ไกลจากเมืองพนมสารคามท่าประชุมและที่อื่น ๆ เป็นตลาดนัดซื้อขายจอแจกัน 2 วัน 3 วัน และมีดอกไม้เพลิงบ้องไฟเป็นต้นมาจุดในการ นักขัตฤกษ์นี้”…สำหรับต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ เชื่อว่าเป็นหน่อที่ได้มาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย มีอายุมากกว่า 2,500 ปี ซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ต้นโพธิ์นี้มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติโดยกรมศิลปากร และ ในคราวเสด็จประพาสครั้งนั้น ได้เสด็จถึง วัดบางแตน อำเภอบ้านสร้าง พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน เรือบิณฑบาต และ ปิ่นโต แด่พระภิกษุในวัด ถือเป็นของพระราชทานที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาและเป็นสิ่งล้ำค่าทางจิตใจของพุทธศาสนิกชน ต่อมาได้มีการสร้าง “พระบรมราชนานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ภายในบริเวณพลับพลาดังกล่าว ให้ประชาชนได้กราบสักการะและน้อมรำลึกถึงพระองค์ทุกปีในวันสำคัญนอกจากวัดบางแตนแล้วยังเสด็จไปยัง วัดบางกระเบา ได้ทรงพระราชทาน “เรือเก๋งจีน” แด่ หลวงพ่อจาด คงฺคสโร หรือ พระครูสิทธิสารคุณ พระเกจิอาจารย์ผู้มีเมตตาและเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้าน เพื่อใช้ในการเดินทางเผยแผ่พระธรรมและประกอบกิจทางศาสนา เรือพระราชทานลำนี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้ในวัดจนถึงปัจจุบัน และนับเป็นเครื่องหมายแห่งความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างพระมหากษัตริย์กับพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ










แสดงความคิดเห็น