วันที่ 4 ก.ค.68 เวลา14.30น. ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ1 พร้อมด้วยพล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ1,พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ,พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี รอง ผบก.ฯ,พ.ต.อ.นิรันทร์ ปิตะกาศ รอง ผบก.ฯและพ.ต.อ.จักรกฤช ศรีโรจนากูร ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ ร่วมแถลงการจับกุมนายสิทธิเทพหรือแรงอายุ 32 ปี บ้านอยู่เขตบางกะปิ กทม.,นายกมลชัยหรือปอนด์อายุ 29 ปี อยู่ที่เขตบางกะปิ กทม.และนายสราวุธหรือจ๋อ อายุ 31 ปี อยู่ที่ อ.นาตาล จ.อุบลธานี ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
   ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เกิดเหตุคนร้ายโจรกรรมรถจักรยานยนต์ โดยมีผู้เสียหายจำนวน 5 รายในพื้นที่สภ.เมืองสมุทรปราการ จากการสืบสวนพบคนร้ายจำนวน 1 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ honda ไม่ทราบทะเบียนมาจอดไว้ริมทางภายในซอยภาณุวงศ์ 9 ต.เมืองใหม่  จ.สมุทรปราการ  จากนั้นคนร้ายได้เดินเท้ามาที่ลานจอดรถจักรยานยนต์หอพักพรลดาแมนชั่นที่เกิดเหตุ โดยแต่งกายอำพรางใบหน้าสวมกางเกงยีนส์ขายาวสีดำรองเท้าผ้าใบสีขาวและเอาอุปกรณ์ตรวจเครื่องติดตามตรวจว่ามีเครื่องติดตามติดอยู่ที่รถ จยย.หรือไม่ก่อนที่จะลงมือต่อสายไฟและต่อสายตรงรถจักรยานยนต์จำนวน 5 คันแล้วขี่นำไปจ่อภายในซอยดังกล่าว จากนั้นรอผู้ต้องหาที่ 2 มาขับรถทั้ง 5 คันไปจอดใต้คอนโดพรหมพิราม แขวงลาดพร้าว กรุงเทพฯ
   จากการสืบสวนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือนายสิทธิเทพหรือแรง และนายกมลชัยหรือปอนด์ พักอาศัยในคอนโดดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองตรวจค้นภายในห้องพักพบรถจักรยานยนต์หมวกกันน็อคและเสื้อผ้าที่คนร้ายสวมใส่ไปก่อเหตุ   สอบถามนายสุทธิเทพหรือแรงให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ต่อสายตรงรถจักรยานยนต์เมื่อเสร็จแล้วจึงเรียกให้ในกมลชัยหรือปังปอนด์ มาขี่ไปจอดไว้ใต้คอนโด หลังจากนั้นจึงร่วมกันถอดเบ้ากุญแจเพื่อนำไปทำการปั๊มกุญแจรถแต่ละคันและขี่รถจักรยานยนต์ทั้งหมดไปจอดไว้ที่เพิงพักไม่ทราบเลขที่ภายในซอยสตรีวิทย์ 2 ใกล้ท่ารถทัวร์ไป จ.อุบลราชธานี
 ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปตรวจสอบจุดเพิงพักดังกล่าวพบรถจักรยานยนต์จอดอยู่หลายคันซึ่งทุกคันไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนและมีการเสียบกุญแจรถไว้ที่เบาะ เมื่อเปิดเบาะดูพบแผ่นป้ายทะเบียนพร้อมเอกสารประจำรถอยู่ในกล่องใต้เบาะจากการตรวจสอบรถทั้ง 5 คัน คือรถที่ถูกโจรกรรมจาก สภ.เมืองสมุทรปราการและอีก 1 คันถูกโจรกรรมในพื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ

   ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าจะนำรถทั้งหมดไปขายให้นายสราวุธหรือจ๋อ ในราคาคันละประมาณ 10,000-20,000 บาทให้กับนายศราวุธหรือจ๋อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามจับกุมนายสราวุธหรือจ๋อ ซึ่งมีอาชีพเป็นนายท่าอู่รถทัวร์แห่งหนึ่งใน อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี โดยจะนำรถจักรยานยนต์ไปไว้ใต้ท้องรถทัวร์ที่เดินทางไปอ.นาตาล จ.อุบลราชธานี ซึ่งติดกับชายแดนฝั่งลาวและไปส่งให้นางฝน ชาวลาวขายต่อให้กับประเทศเพื่อนบ้านในราคา 60,000 บาทถึง 70,000 บาท

                            หลังจากนั้นพล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ1 ได้มอบกุญแจรถคืนให้กับผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายได้กล่าวชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอบคุณที่สามารถจับกุมคนร้ายจนได้รถคืน

 

แสดงความคิดเห็น