ทั้งนี้ทีมข่าวยังได้ไปติดตามบรรยากาศ ที่ศูนย์พักพิงสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นจุดหลักที่มีผู้อพยพหนีภัยสงครามมาพักอาศัยมากเกือบ 15,000 คน ซึ่งต่างก็รู้สึกดีใจที่มีการเจรจาหยุดยิง เพราะไม่อยากให้ทั้งทหาร และประชาชนเกิดการสูญเสียอีก แต่ส่วนใหญ่ก็ยังไม่เชื่อใจกัมพูชา เพราะตลอดการสู้รบที่ผ่านมากัมพูชาจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน และยังเปรียบกัมพูชาเหมือน “ชาวนากับงูเห่า” ที่พร้อมจะแว้งกัดตลอดเวลา ทั้งนี้ผู้อพยพยังบอกอีกว่า หากการเจรจาไทยมีแนวโน้มจะเสียดินแดน หรือเสียเปรียบไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม ประชาชนก็พร้อมจะทิ้งบ้านอยู่ที่ศูนย์พักพิงต่อ เพื่อให้ทหารแนวหน้า ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มที
ทั้งนี้ยังได้ฝากสื่อสารถึงประชาคมโลก ว่าให้ความเป็นธรรมกับไทยด้วย เพราะที่ผ่านมาไทยเป็นฝ่ายถูกกัมพูชารุกรานมาตลอด ไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ไทยเป็นคนซื่อสัตย์และใจเคยไปรุกรานใครก่อน แต่เมื่อถูกรังแกก็พร้อมจะสู้กลับเพื่อปกป้องบ้านเมืองของตัวเองทุกเมื่อ
ขณะที่โรงเรียนตามแนวชายแดนกว่า 80 แห่ง ยังมีการประกาศปิดเรียนต่อไปจนถึงวันที่ 1 ส.ค.68
สุรชัย พิรักษา /บุรีรัมย์
แสดงความคิดเห็น