วันที่ 23 มิถุนายน2568 ที่ด่านช่องจอม เปิดด่านปกติ ซึ่งบรรยากาศด่านชายแดนช่องจอมไทย-กัมพูชา มีประชาชนชาวกัมพูชา มาซื้อสินค้าไทยกลับเป็นจำนวนมาก เช่น อาหารสำเร็จรูป ไข่สด มาม่า ซอสปรุงรส น้ำปลา น้ำตาล (หลังมีกระแสข่าวจะปิดด่านชายแดนข่องจอม)

พร้อมกันนี้ ยังมีสินค้าต้องห้ามนำออกไปเช่น เกลือ อุปกรณ์ก่อสร้าง ยุทธภัณฑ์ ปุ๋ย ที่พบเจอก็จะถูกห้ามนำออกไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ยึดเกลือหลายกระสอบที่ชาวกัมพูชาจะขนข้ามฝั่งไปโอร์เสม็ดอีกด้วย

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวด รวมทั้งมีการตรวจสอบ นำเข้ามันสำปะหลังเส้น

หลังทางการไทยสั่งห้ามนำเข้ามันสำปะกหลังทั้งหมดจากกัมพูชา โดยยังไม่พบการลักลอบนำเข้ามา   เนื่องจากผู้นำเข้าต้องมีใบขออนุญาตขนย้าย และยังไม่พบกองทัพมดลอบขนเข้ามา ซึ่งบริษัทนำเข้าส่วนใหญ่ซื้อเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ

ในส่วนของนักเสียงโชคจะเข้าไปที่บ่อนคาสิโนนั้น เจ้าหน้าที่ ตม.ไม่อนุญาตให้ข้าไป พบเพียงแต่รถบรรทุกพ่วงเปล่าที่จอดเป็นแถวยาวรอเข้าไปรับสินค้าออกมา ซึ่งยังคงเข้าไปไม่ได้ตั้งแต่เมื่อวาน

ขณะเดียวกันที่ห้องประชุมหน่วยประสานงานชายแดนประจำพื้นที่ 2 พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.4 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพร้อมกับประชุมปรึกษาหาแนวทางร่วมกัน ที่ด่านช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ โดยยึดหลักในการควบคุมดูแล และให้บริการแก่คนต่างด้าวที่เดินทางเข้าออกราชอาณาจักร รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคนเข้าเมือง

ตลอดจนการรักษาความมั่นคงของประเทศ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

สืบเนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยประเด็นที่เกิดขึ้นมีความขัดแย้งในเรื่องของหลักเขตแดนและพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารของทั้งสองฝ่ายในพื้นที่ชายแดน จนทำให้มีการปิดด่านชายแดนเพื่อความมั่นคงหรือเพื่อตอบโต้ทางการเมืองจึงทำให้มีการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา และตามคำสั่งกองทัพภาคที่ 2 (เฉพาะ) ที่ 163/68 สั่ง ณ วันที่ 7 มิ.ย.68 กำหนดให้มีการเปิด-ปิด

จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ในวันจันทร์ พุธ และศุกร์ เวลา 18.00-15.00 น. ทำให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจชายแดน และการสัญจรของประชาชน พร้อมทั้งส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา

ซึ่งการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจาก

ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างสันติและยั่งยืน จึงได้ร่วมประชุมหารือและติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในครั้งนี้ เพื่อให้ได้ทราบแนวทางในการเตรียมความพร้อมของแต่ละหน่วยงานในด้านต่าง ๆ เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ และเป็นแนวทางในการประสานการปฏิบัติร่วมกันของทุกภาคส่วนอย่างเป็นรูปธรรม

โดยตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุรินทร์ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 ขอให้คำมั่นว่า

จักปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบ เป็นธรรรม โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจในสถานการณ์ และให้การสนับสนุนหน่วยงานความมั่นคงภายในจังหวัดสุรินทร์ทุกภาคส่วนอย่างความสามารถ เพื่อความมั่นคงและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและประเทศชาติต่อไป


อัศววัฒน์ พัฒน์ทองกนก ภาพ/ข่าวNews24 จ.สุรินทร์ รายงาน

 

แสดงความคิดเห็น