วันนี้ (12 มิ.ย. 2568) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ  กล่าวว่า  “ตามที่คณะกรรมการแพทยสภา  ได้ประชุมพิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการ ที่มีสิทธิลงคะแนนทั้งคณะ ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2568 โดย มีกรรมการเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนกรรมการแพทยสภาที่มีสิทธิลงคะแนนเสียง 69 คน

และกระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติต่อไปอย่างเป็นทางการนั้น

       กรณีนี้ ต้องขอขอบคุณและชื่นชมคณะกรรมการแพทยสภาทุกท่านที่ พิจารณาอย่างตรงไปตรงมา  และถือหลักการ ความเป็นจริง  ความถูกต้อง มากกว่าประโยชน์ของคนบางคน  โดยเฉพาะคำกล่าวของ ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกฯที่กล่าวว่า  ขอเป็นตัวแทนแพทยสภา ขอบคุณท่านทั้งหลาย คนไทยทั้งหลาย ที่คิดว่าวันนี้ได้แสดงซึ่งชัดเจน อยากให้แพทย์สภาดำรงไว้ซึ่งความถูกต้องรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณวิชาชีพ และวันนี้กรรมการแพทยสภาได้ทำสิ่งเหล่านี้แล้ว ขอส่งเหล่านี้ส่งกลับทุกท่าน กำลังใจที่ส่งมาได้ส่งผลแล้ว


      ในขั้นต่อไป  เหลือเพียงรอผล การแจ้งผลการพิจารณาอย่างเป็นทางการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น   จากการพิจารณาของแพทยสภาเป็นการตอกย้ำเมื่อความปรากฏชัดเป็นเช่นนี้แล้วแสดงให้เห็นว่า นายทักษิณฯ อดีตนายกรัฐมนตรี “ป่วยทิพย์” ไม่ได้ป่วยในภาวะวิกฤติที่ต้องรับการรักษาตัวนานถึง 180 วัน  จะทำให้การส่งตัวมารับการรักษา  การควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ช่วงเวลาดังกล่าว  ตลอดจนการรับโทษจำคุก 180วัน เป็นไปโดยผิดกฎหมาย  และถือว่า  ไม่มีการควบคุมตัวมาก่อน  จึงทำให้ขาดคุณสมบัติในการขอพระราชทานอภัยโทษ 1 ปีที่เหลือด้วย

          นอกจากนี้  ผลการพิจารณาดังกล่าว  ยังส่งผลกระทบถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีด้วย  เนื่องจากตัวท่านนายกฯเอง ได้ เข้าเยี่ยมและ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงอาการป่วย ของนายทักษิณ  ชินวัตร เพื่อให้ประชาชนและศาลฯ หลงเชื่อว่า นายทักษิณฯ มีอาการป่วยหนักจริง  ตลอดจนการให้สัมภาษณ์ ของนายดนุพร ฯ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่บอกว่า ได้รับแจ้งอาการป่วยจาก หัวหน้าพรรค ก็คือ ตัวท่านนายกฯเองว่า นายทักษิณฯป่วย เป็นเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลอันเป็นเท็จที่หลอกลวงประชาชนทั้งประเทศ และหลอกลวงศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วยเช่นเดียวกัน  ซึ่งกรณีนี้  หากมีผู้ร้องเรียน ท่านนายกฯอาจจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย  ตอนนี้  ทางพรรค พปชร.จะคอยมอนิเตอร์ คาดว่า ปปช. และ ศาลฎีกาฯ คงจะมีมาตรการ  คำสั่ง และคำพิพากษา ไปในทิศทางเดียวกัน กับแพทยสภา เพราะมีองค์กรวิชาชีพได้ดำเนินการสอบสวนและตัดสินเบื้องต้นเป็นแนวทางแล้ว”

         พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าว “ กรณีท่านนายกฯ เดินทางไปราชการเกี่ยวกับเปิดช่องทางการค้า อียู ที่ประเทศอังกฤษ ทั้งๆที่ ประเทศอังกฤษได้ออกจากอียู หรือ เบร็กซิทเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563แล้ว  โดยใช้งบประมาณทางราชการ กว่า200 ล้านบาท ว่าเป็นการใช้งบประมาณซึ่งเป็นภาษีของประชาชนอย่างเหมาะสมหรือไม่  และ กรณีการโยกงบประมาณฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144  ยังเป็นประเด็นที่ พปชร.ให้ความสนใจ  และเตรียมคณะทำงานเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการต่อไป“

แสดงความคิดเห็น