จากกรณีตำรวจทางหลวงพบรถยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน กย-5389 กาญจนบุรี  ขับมาด้วยความเร็วขับแซงรถตำรวจทางหลวง โดยรถคันดังหล่าวมีลักษณะต้องสงสัยบรรทุกหนัก จึงได้วิทยุแจ้งหน่วยงาสตำรวจตรวจคนเข้าเมืองร่วมสกัดจับรถต้องสงสัยโดยรถคันดังกล่าวขับใช้ความเร็วสูงมากหวาดเสียว หวิดตกข้างทางหลายครั้ง โดยตำรวจทางหลวงได้ติดตามไปจากพื้นที่ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค มุ่งหน้าไปตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี เลี้ยวซ้ายสาดโค้งข้ามทางรถไฟ มุ่งหน้าตำบลหนองบัว เลี้ยวขวาเข้าทางไปวัดเมตตาธรรม ตำบลหนองหญ้า ก่อนจะชะลอรถไปอีกเลนขวา ก่อนคนขับรถฟอร์จูนเนอร์ เปิดประตูรถแล้วกระโดดออกจากรถเข้าไปในพุ่มไม้ข้างทางแล้ววิ่งหลบหนีไป  ทิ้งแรงงานต่างด้าวไว้ในรถ ก่อนเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ได้ 9 คน เป็นชาย 4 คน เป็นหญิง 3 คน เป็นเด็กชาย 1 คนเป็นเด็กหญิงอีก 1 คน ไล่ติดรวมระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น และพ่อเมืองได้ออกมาชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงฯ

วันนี้ 30 มี.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตำรวจตรีคงกฤช  เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. , พันตำรวจเอกภคพล  สุชล ผกก.2 บก.ทล.,พันตำรวจโทอุดมศักดิ์  สุวรรณแสง รอง ผกก.2 บก.ทล.,พันตำรวจโทณรงค์ฤทธิ์  งามแฉ่ง รอง ผกก.2 บก.ทล.พันตำรวจตรีโจ  เสาร์ประโคน สว.ทล.6 กก.2 บก.ทล. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล.นำโดย ร้อยตำรวจเอกอำนาจ  สีนวล รอง สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ร้อยตำรวจตรีพีรธรรม  หนุนุรัตน์  ร้อยตำรวจตรีสุรศักดิ์  จิตมณี ร้อยตำรวจตรีกุศล ยะฝั่น ร้อยตำรวจตรีพิชิต  ชาวจุ้ย รอง สว.(ป) ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. พร้อมกำลังนำรถตรวจการออกลาดตระเวนไปตามเส้นทางรับผิดชอบในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อป้องกันและปราบปรามผู้ลักลอบกระทำผิดกฎหมายทุกชนิดอย่างเคร่งครัดตามนโยบาลของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจังหวัดกาญจนบุรี นั้นมีผลงานการจับกุมขบวนการลักลอบนำพาต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายแล้วแล้วหลายคดี ซึ่งแต่ละคดีเจ้าหน้าที่ต้องเสียงภัยมาโดยตลอดเนื่องจากต้องขับรถไล่ล่าขบวนการดังกล่าวแบบเสี่ยงภัยที่มีความอันตรายมาโดยตลอด

เช่นกับเมื่อค่ำคืนของวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ ร้อยตำรวจเอกอำนาจ  สีนวล รอง สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล.พร้อมกำลังนำรถตรวจการออกลาดตระเวนไปตามเส้นทางรับผิดชอบ เมื่อไปถึงบริเวณทางหลวงสาย 3455 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี มุ่งหน้าไปยัง ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค เจ้าหน้าที่สังเกตด้วยสายตาพบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ( รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน กย 5389 กาญจนบุรี ลักษณะคล้ายบรรทุกสิ่งของน้ำหนักมากผิดปกติ

เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้คนขับหยุดรถ แต่คนขับกลับไม่ยอมแถมยังเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วหลบหนีการจับกุมแบบไม่คิดชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขับรถตรวจการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด ระหว่างขับรถติดตามเจ้าหน้าที่ได้พยายามส่งเสียงผ่านไมโครโฟนเป็นระยะๆเพราะเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงขึ้นได้ แต่คนขับไม่ได้สนใจคำเตือนของเจ้าหน้าที่แม้แต่น้อยนิด จนกระทั่งไปถึงบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ขนขับได้เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปทาง ตำบลหนองบัว จากนั้นเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปทาง ตำบลหนองหญ้า เมื่อถึงถนนสาย กจ.4023 หมู่ 7 ตำบลหนองหญ้า อำเภอเมืองกาญจนบุรี คนขับเห็นท่าว่าจะหนีไม่รอด ได้หักรถเข้าไปที่เลนขวาซึ่งเป็นป่าละเมาะริมทาง จากนั้นรถยนต์ได้ชะลอความเร็วลง ก่อนที่จะจอดคนขับได้เปิดประตูแล้วกระโดดลงจากรถอาศัยความมือดวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าละเมาะข้างทางอย่างรวดเร็ว ซึ่งการไล่ล่าเป็นระยะทางไกลกว่า 30 กิโลเมตร

แต่ยังนับว่าโชคดีที่รถยนต์ไม่เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำจึงทำให้ผู้โดยสารมากับรถที่ทั้งเด็กเล็กรวมอยู่ด้วยไม่ได้รับอันตราย  จากการตรวจสอบผู้โดยสารที่มากับรถยนต์คันดังกล่าวปรากฏเป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาทั้งหมด  9 ราย เป็นชาย 4 ราย หญิง 3 ราย และเด็กหญิงกับชาย อายุ 10 อีก 2 ราย ทั้งหมดไม่มีเอกสารมาแสดงตน เจ้าหน้าที่จึงนำรถยนต์ของกลางพร้อมแรงงานทั้งหมดมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี 

โดยผู้ต้องหาให้การว่าพวกตนเป็นชาวทวาย ประเทศเมียนมา เดินเท้าข้ามชายแดนเข้ามาในประเทศไทยด้วยการใช้ช่องทางธรรมชาติ ตำบลบ้องตี้ อำเภอไทรโยค เมื่อข้ามมาถึงฝั่งไทยคนขับที่กระโดดรถหลบหนีได้นำรถยนต์คันดังกล่าวมารอรับอยู่แล้ว โดยแรงงานที่เป็นผู้ใหญ่ จำนวน 2 คน ต้องการเดินทางไปทำงานในพื้นที่ อำเภอมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร เสียค่าใช้จ่ายให้กับนายหน้าคนละ 28,000 บาท อีก 2 คนต้องการไปทำงานที่ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางคนละ 20,000 บาท และอีก 2 คนต้องการไปทำงานในพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เสียค่าเดินทางคนละ 10,000 บาท  ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 ราย พร้อมลูก 2 คน จะเดินทางไปทำงานที่ กทม.เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 19,000 บาท

หลังจากยอมรับสารภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจึงส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีตาม พรบ.คนเข้าเมือง ในความผิดฐาน "เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต" ส่วนคนขับรถยนต์ยนต์ที่กระโดดลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีไป เจ้าหน้าที่จะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อไป ซึ่งจะต้องตรวจสอบด้วยว่ารถยนต์ของกลางนั้นใครเป็นผู้ครอบครอง หากมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะมีความผิดด้วยเช่นกัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่รู้ชื่อผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวแล้ว แต่จะเป็นคนขับที่หลบหนีไปหรือไม่ จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งต่อไป ล่าสุดการตรวจสอบพบว่ารถยนต์คันดังกล่าว ได้มีการสวมป้ายทะเบียน ที่ไม่ตรงกับทะเบียนที่เสียภาษีอีกด้วย รวมถึงชื่อเจ้าของรถก็ยังเป็นคนละคนกันอีกด้วย

 


ด้านนายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่าคลิปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจังหวัดกาญจนบุรี ขับรถตรวจการติดตามจับกุมขบวนการขนต่างด้าวดังกล่าวนั้นตนได้ดูและได้รับการรายงานแล้วตั้งแต่วันเกิดเหตุ ซึ่งต้องขอชมเชยเจ้าหน้าที่ทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยงานสนธิกำลังเฝ้าระวังป้องกันอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องต่อไป




                                                       ..............................

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา   ไหลวารินทร์                 


แสดงความคิดเห็น