นายประกาศิต สาณะเสน นายอำเภอวังม่วง กล่าวว่า อำเภอวังม่วง มีประชากรราวสองหมื่นคน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม การปศุสัตว์ และรับจ้างโรงงานอุตสากรรม พื้นที่ของอำเภอวังม่วงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ใช้สำหรับภาคการเกษตร โดยมีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ อ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง จึงประสานความร่วมมือกันในการส่งเสริมให้เกษตรกร โรงงาน และทุกภาคการผลิตทางการเกษตร ในการส่งเสริมกระบวนการผลิตทุกมิติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และส่งผลกระทบต่อชุมชนน้อยที่สุด เพื่อตอบสนองการขับเคลื่อนสระบุรีแชนด์บ็อกซ์ ยกตัวอย่างเช่น งดการเผาไร่อ้อยเพื่อลดฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PMM_2 การใช้กระบวนการจุรินทรีย์ในการกำจัดซากอ้อย การใช้เครื่องสางใบข้าวการใช้เครื่องสับคลุกใบในร่องอ้อย รวมไปถึงมาตรการป้องกันไฟป่าหมอกควัน โดยมีผู้ประกอบการที่ให้ความร่วมมือ และสามารถเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่นสามารถนำไปปรับใช้ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีในภาพรวมได้ ทางอำเภอวังม่วงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้จัดกิจกรรมขับเคลื่อนสระบุรีแชนด์บ็อกซ์ (SARABURI SANDBOX) "ชาววังม่วงร่วมใจงดเผาไร่อ้อยรวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำ" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือกันระหว่างหมู่บ้าน ชุมชน เกษตรกร และโรงงาน ในการงดการเผาไร่อ้อยซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ สร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนการปลูกและเก็บเกี่ยวอ้อยอย่างยั่งยืน ซึ่งจะทำไปสู่การสร้างเมืองที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน อีกด้วย
นาย บัญชา เชาวรินทร์ (ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี) กล่าวว่า กิจกรรม"ชาววังม่วงร่วมใจงดเผาไร่อ้อย รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำ" เป็นกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับโครงการ SARABURI SANDBOX ซึ่งเป็นโครงการที่จังหวัดสระบุรีให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ในการเป็นพื้นที่นำร่องสำหรับการพัฒนาและทดสอบนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาชีพการปลูกอ้อย ถือว่าเป็นอาชีพหลักของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอวังม่วง ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผ่านมามีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเผาอ้อย ซึ่งส่งผลให้เกิดมลพิษทางอากาศและปัญหาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ จึงมีความจำเป็นที่ต้องหาวิธีการจัดการที่เหมาะสม และสร้างความเข้าใจในวิธีการที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพ ดังนั้นการงดเผาอ้อยไม่เพียงแต่เป็นการลดมลพิษทางอากาศ แต่ยังเป็นการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ในการจัดการปัญหาด้านการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้เครื่องจักรเก็บเกี่ยวอ้อยแบบไม่ต้องเผา ส่งเสริมการใช้วัสดุทางการเกษตรที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ รวมถึงการบำรุงดินและการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยลดการเผาอ้อยที่เป็นสาเหตุสำคัญของมลพิษทางอากาศได้ ต้องขอบคุณชาววังม่วงที่ตอบสนองนโยบายของรัฐในการงดเผาอ้อย นอกจากพวกเราจะช่วยกันสร้างเมืองอากาศบริสุทธิ์แล้ว ยังเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้เกิดขึ้นในจังหวัดสระบุรี ซึ่งจะส่งผลดีทั้งในด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว และต้องขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือกันในการสร้างสรรค์และสนับสนุนโครงการ SARABURI SANDBOX อีกทั้งขอเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการลดการเผาอ้อย และช่วยกันพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนต่อไปครับ
นาย เนรมิตร เชนศรี (กำนันอำเภอวังม่วง) กล่าวว่า วันนี้ท่านผู้ว่า เรียกว่าทำโครงการแซนด์บ็อกซ์ เราก็ขานรับนโยบายภาพลักษณ์ คือการตัดอ้อยสด ลดค่า pm.2.5 เราพี่น้องชาววังม่วง ก็ให้ความร่วมไม้ร่วมมือกับโครงการนี่เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการตัดอ้อยสด ไม่มีการจุดเผาไฟ ซึ่งกระบวนการต่างๆ เราก็ได้รับความรู้ว่า การที่เราไม่ได้เผาไฟอ้อยนั้น จะให้เกิดปุ๋ยอินทรีย์ อีกส่วนนึงเขาเรียกว่าพลังงานขีวมวล ซึ่งผู้ว่าท่านสุดยอดมาก ที่เอาโครงการนี่มาใช้กับชาวสระบุรีอย่างเรา ก็ปรากฎว่าพี่น้องชาวไร่อ้อยได้เกิดประโยชน์จากโครงการนี่มาก นั้นคือการค่าลดPM2.5 ลดฝุ่นละออง พี่น้องเกษตรชาวไร่อ้อยที่ผ่านมาก็คือการจุดเผาไฟอ้อยนั้น ซึ่งโครงการนี่เข้ามาพี่น้องชาวไร่อ้อยก็ให้ความร่วมมือและก็รู้ถึงผลประโยชน์กับโครงการนี้ ปรากฏว่าที่ผ่านมานี่ไม่มีการจุดไฟเผาอ้อยเลย ที่เขตอำเภอวังม่วงมีที่ประมาณ2หมื่นกว่าไร่ ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นประมาณ90เปอร์เซ็นที่ตัดสด แต่มีบางเปอร์เซ็นที่มีไฟไหม้ก็สาเหตุเกิดจากไฟที่ลามเข้าไปเป็นไฟป่า
นาย อุทัย อัษฎาธร (เจ้าของโรงงานน้ำตาล) กล่าวว่า เรื่องการที่ไม่เผาอ้อยนั้น อยู่ในสมองผมตั้งแต่ 20ปีที่แล้ว เพราะเวลาไปดูงานต่างประเทศ กลับมามองอนาคตอีกสัก10-20ปี ประเทศไทยคงมีปัญหาเรื่องแรงงานและพอมีปัญหาเรื่องแรงงาน คนงานที่เคยตัดอ้อยก็จะไม่ยอมตัดอ้อยสด เพราะว่ามันคัน ค่าแรงก็ไม่คุ้มสำหรับการตัดก็เลยคิดขึ้นมาว่าถ้ารถคันนึงสามารถแทนคนได้200กว่าคน โดยไม่ต้องเผานี่คือสิ่งที่เราต้องการ และก็จะต้องตัดสดและสะอาด ทั้งใบอ้อยทั้งทราย เราคืนสู่ไร่อ้อย ใบอ้อยนี่จะเป็นประโยชน์สำหรับประเทษชาติด้วย เพราะว่าสิ่งนี้คือที่เราจะคลุมดินไม่ให้ใช้ยาฆ่าแมลง ก็คือเราจะลดยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลงหรือว่าแม้กระทั่งปุ๋ย ซึ่งเป็นปุ๋ยเคมี ทางด้านสิ่งแวดล้อมเราจะต้องคิดถึงตลอดเวลาว่าเราจะต้องทำยังไงให้โลกนี้สะอาด โลกไม่ร้อน และก็ทุกคนอยู่เย็นเป็นสุขตลอดไป ในส่วนของการเผาอ้อยที่กำบังเป็นกระแสในขณะนี้ ตอนนี่ก็คือมีอยู่14เปอร์เซ็นที่เรียกว่าเราไม่ต้องการให้เผา แต่เขาเผาข้างๆ และบังเอิญมาติดไร่อ้อยเราอย่างเนี่ย เราก็จะมีการจัดการโดยคัดอ้อยที่ยังไม่ถูกเผาออกไปก่อน เพื่อไม่ให้ติดไฟอันดับแรกเลย แต่สมมุติถ้าทางจังหวัดทางอำเภอเนี่ยสามารถยืมรถคล้ายๆรถดับเพลิงมาช่วยได้ ก็จะสามารถหยุดการเผาอ้อยได้ เพราะคนที่เผาอ้อยเนี่ยส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ตัดเอง ไม่ใช่เจ้าของไร่นะครับ พอลมมันพัดมามันก็จะลาม เราต้องหาโดรนหรือหาเทคโนโลยีที่สามารถตามได้ว่ามันเกิดจากจุดไหน แล้วรีบส่งทีมพิเศษเข้าไป ถ้าเป็นรถของอำเภอหรือรถของตำบลจะเข้ามาช่วยดับไฟด้วย มันจะทำให้การลามไม่ไปไกลขนาดนั้นได้ครับ
สมพงษ์ ปานรุ่ง ราย งาน สระบุรี
Home ภาคกลาง อำเภอวังม่วง สระบุรี นำเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย ทำกิจกรรม “ชาววังม่วงร่วมใจงดเผาไร่อ้อย รวมพลังสร้างเมืองคำร์บอนต่ำ“
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น
(
Atom
)
แสดงความคิดเห็น