เมื่อวันที่ 20 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากผู้จัดการร้านซักอบผ้าแห่งหนึ่งตั้งอยู่ใน ต.ปากน้ำระยอง อ.เมืองระยอง ว่าพบสามพ่อแม่ลูกมานอนพักอยู่หน้าร้านทุกคืน ทางร้านตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดทางร้านเห็นตัวลูกสาวจะแต่งตัวนักศึกษาของวิทยาลัยเทคนิคระยอง เดินออกจากร้านตอนตี 5 เพื่อไปเรียนทุกวัน จึงได้
มาแจ้งครูวิทยาลัยเทคนิคระยอง ให้รับทราบ ครูตรวจสอบนักศึกษาดังกล่าวทราบชื่อคือ น.ส.อัยลดา สายคง อายุ 17 ปี เรียนอยู่สาขาการตลาด ปวช.1 มารดาชื่อ นางสำลี อายุ 54 ปี บิดาชื่อ นายบุญโฮม อายุ 53 ปีสอบถามทราบว่า นางสำลี ได้พาลูกสาวมาจาก จ.สมุทรปราการ พาลูกมาสมัครเรียนที่วิทยาลัย
เทคนิคระยอง หลังมีเพื่อนรุ่นพี่แนะนำให้มาเรียนที่นี่ โดยมาเช่าห้องพักในซอยสัมฤทธิ์ ต.ปากน้ำระยอง อ.เมืองระยอง ก่อนที่ผู้เป็นบิดาจะลาออกจากงานที่เป็น รปภ.ที่ จ.สมุทรปราการ มาอยู่ด้วย และหวังจะหางานทำ แต่ไม่มีงาน จนไม่มีเงินจ่ายค่าห้องเช่า จึงถูกไล่ออก กระทั่งได้พากันสามพ่อแม่ลูกไปพักอาศัยอยู่ศาลาริม
ทางหน้าวัดปากน้ำนานกว่า 3 เดือน โดยจะไปขอข้าววัดกินประทังชีวิต และใช้ห้องน้ำวัดอาบน้ำ โดยลูกสาวจะเดินทางมาเรียนทุกวัน ระยะทางกว่า 3 กม. ต่อมาได้พาลูกมานอนพักอยู่ร้านซักอบผ้านานหลายวัน ซึ่งอยู่ห่างจากที่เรียนของลูกสาวประมาณ 100 ม. ซึ่งทางร้านซักอบผ้า จะสังเกตเห็นลูกสาวตื่นตี 5 ใส่ชุดนักศึกษาแต่งตัวมาเรียนทุกวัน จึงได้มาแจ้งให้ครูทราบต่อมานายกิตติพงค์ อุตตมะเวทิน ผอ.วิทยาลัยเทคนิคระยอง เจ้าหน้าที่จากศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ระยอง
เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ระยอง และเจ้าหน้าที่เทศบาลนครระยอง ได้ลงไปดูสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวสามพ่อแม่ลูกดังกล่าว พร้อมมอบข้าวของเครื่องใช้อุปโภค บริโภคที่จำเป็นให้จำนวนหนึ่งนายกิตติพงค์ อุตตมะเวทิน ผอ.วิทยาลัยเทคนิคระยอง เปิดเผยว่า เบื้องต้นแนวทางการช่วยเหลือ จะรับพ่อของเด็กเข้าไปเป็น รปภ. และรับแม่เข้าทำงานเป็นแม่บ้านของวิทยาลัย พร้อมกับจะจัดหาบ้านพักภายในให้ เพื่อบรรเทาค่าใช้จ่ายเช่าบ้านพัก นอกจากนี้ยังจะจัด
กิจกรรมหาทุนการศึกษาให้ลูกสาวที่เรียนอยู่ระดับ ปวช.1 พร้อมกับจะหาอาชีพเสริมให้ทำระหว่างเรียน ตามความประสงค์ที่ตั้งใจจะเรียนให้จบระดับ ปวช. และนโยบายของวิทยาลัยมีอาชีพทำ และรายได้ระหว่างเรียนต่อไปด้าน น.ส.ธิดารัตน์ บุญชู นักสังคมสงเคราะห์ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ระยอง เปิดเผยว่า เบื้องต้นจะดูในเรื่องสิทธิของผู้พิการก่อน เนื่องจากตัวลูกมีบัตรคนพิการ โดยได้มีการประสานการรักษาเบื้องต้นแล้ว เหลือแค่พบแพทย์เพื่อนัดหมายเข้าพบ และเรื่องการตรวจสุขภาพของตัวแม่ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่อง.

แสดงความคิดเห็น