เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2568 ที่ศาลจังหวัดระยอง ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ สวพ.5/2566 ระหว่างสมาคมประมงพื้นบ้านท้องถิ่นจังหวัดระยอง กับพวก รวม 832 คน เป็นโจทก์ ฟ้องบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) กับพวก รวม 2 คน เป็นจำเลย กรณีเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลในทะเลระยอง โดยโจทก์ขอให้จำเลยร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในมูลละเมิด และตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 เป็นเงิน 5,000 ล้านบาท พร้อมทั้งฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ได้รับความเสียหาย


ศาลพิจารณาพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นว่า ในประเด็นที่โจทก์ทั้ง 832 คน ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยร่วมกันฟื้นฟูแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ ระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงชดใช้ค่าเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมนั้น ไม่มีกฎหมายให้อำนาจโจทก์ฟ้องร้องในประเด็นดังกล่าว จึงถือว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องในส่วนนี้

ส่วนประเด็นความรับผิดของจำเลย ศาลเห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ครอบครองน้ำมันดิบซึ่งเป็นทรัพย์อันก่อให้เกิดอันตรายได้


โดยสภาพ ต้องรับผิดหากพิสูจน์ได้ว่าน้ำมันดิบที่รั่วไหลส่งผลกระทบต่อรายได้หรือการประกอบอาชีพของโจทก์ แต่จากการไต่สวนไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าการใช้สารเคมีขจัดคราบน้ำมันของจำเลยที่ 1 เป็นไปโดยฝ่าฝืนแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำ เนื่องจากได้รับอนุญาตจากกรมควบคุมมลพิษ และเป็นการดำเนินการเพื่อป้องกันคราบน้ำมันเข้าสู่พื้นที่ชายฝั่งอ่อนไหว จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์


ขณะที่จำเลยที่ 2 ศาลเห็นว่า ไม่ได้เป็นผู้บริหารจัดการทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล และมิได้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองน้ำมันดิบที่รั่วไหล จึงไม่มีหน้าที่ดูแล ซ่อมแซม หรือบำรุงรักษาทุ่นรับน้ำมันและอุปกรณ์ขนถ่ายน้ำมันดิบ อีกทั้งไม่ได้กระทำละเมิด จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์


สำหรับความเสียหายของโจทก์ทั้ง 832 คน ศาลระบุว่า โจทก์ไม่ได้นำข้อมูลหรือสถิติพันธุ์สัตว์น้ำ สัตว์น้ำสำคัญ หรือภาวะการเจริญพันธุ์ก่อนและหลังเกิดเหตุมาแสดงให้เห็นถึงความแตกต่าง ไม่มีงานวิจัยสนับสนุน ขณะที่สถิติการจับสัตว์น้ำและข้อมูลด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดระยองไม่ปรากฏว่าลดลงจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหล อีกทั้งโจทก์ไม่สามารถพิสูจน์รายได้ รายรับ รายจ่าย และผลประกอบการสุทธิของแต่ละรายได้อย่างน่าเชื่อถือ


นอกจากนี้ รายงานของผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลและสมุทรศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งศึกษาผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ระบุว่า ไม่พบการลดลงของปริมาณสัตว์น้ำ ความอุดมสมบูรณ์ ความหลากหลายทางชีวภาพ และภาวะการเจริญพันธุ์ตามที่โจทก์อ้าง


ศาลจึงมีคำพิพากษา ยกฟ้อง คดีนี้ โดยให้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีเป็นพับ ทั้งนี้ คำพิพากษาดังกล่าวเป็นคำพิพากษาศาลชั้นต้น คู่ความยังมีสิทธิอุทธรณ์ได้ตามกฎหมาย.

แสดงความคิดเห็น