วันนี้ (1 ธันวาคม 2568) เวลา  18.40 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา และทรงเปิดงาน “โครงการหลวง 2568 ” ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวง ชนกาธิเบศรดำริ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี พลเอก กัมปนาท  รุดดิษฐ์ องคมนตรี เลขาธิการและประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง นายวิรัตน์  ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน)  พร้อมคณะกรรมการจัดงาน และข้าราชการ  เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ

จากนั้น เสด็จฯ เข้าพลับพลาพิธี  ทรงจุดธูปเทียน

เครื่องนมัสการบูชาพระพุทธนวราชบพิตร  ทรงกราบ  ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จบแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายชัยการ  แบนสุภา หัวหน้าฝ่ายการเงินและบัญชี และนางสาวณัฐกานต์  เอมาวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายธุรการและการสนับสนุน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ก่อนจะพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ เลขาธิการและประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง กราบบังคมทูลรายงานวัตถุประสงค์การจัดตั้งอาคารเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา  จากนั้น  เสด็จฯ ไปยังแท่นพิธี  ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายอาคารเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา  โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์  ทรงหลั่งทักษิโณทก  พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา  ถวายอดิเรก

จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ เลขาธิการและประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง  กราบบังคมทูลเบิกผู้ให้การสนับสนุนการก่อสร้างอาคารเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานของที่ระลึกตามลำดับ และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายนาวิน  สุขเลิศ หัวหน้าฝ่ายบริหารผลิตผลและผลิตภัณฑ์  เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทูลเกล้าฯ ถวายแผ่นศิลา  เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธย  จากนั้น  เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ  ทรงลาพระสงฆ์  แล้วเสด็จฯ ออกจากพลับพลาพิธีไปทรงปลูกต้นรวงผึ้ง
สำหรับอาคารเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา  จัดตั้งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงก่อตั้งมูลนิธิโครงการหลวงและวางรากฐานการพัฒนาทางเลือกบนที่สูงอย่างยั่งยืน เป็นอาคารเรียนรู้ของสถาบันการเรียนรู้มูลนิธิโครงการหลวง  ในการสนองพระบรมราโชบายสืบสาน รักษา และต่อยอด งานของมูลนิธิโครงการหลวงที่ประสบผลสำเร็จจนเป็นที่ประจักษ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ  เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นอาคาร 3 ชั้น ประกอบด้วย ห้องปฏิบัติการเรียนรู้  ห้องอบรมประชุมสัมมนา  ห้องนิทรรศการ ถ่ายทอดประวัติศาสตร์โครงการหลวง และห้องการเรียนการสอนหลักสูตรต่าง ๆ อีกทั้งเป็นต้นแบบอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานอีกด้วย
จากนั้น เวลา  19.21 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงเปิดงาน “โครงการหลวง 2568“ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวง ชนกาธิเบศรดำริ  อำเภอเมืองเชียงใหม่  จังหวัดเชียงใหม่  เสด็จฯ ประทับยังศาลา 72 พรรษา พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายจตุพร  ปารมี รักษาการหัวหน้าฝ่ายสถานีวิจัยและศูนย์พัฒนาโครงการหลวงฯ และนางสาวศิรัส  เตชะอภิชาต หัวหน้าสำนักอำนวยการผู้บริหาร  เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี
จากนั้น  พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้  เลขาธิการและประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง  กราบบังคมทูลรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน “โครงการหลวง 2568”  ทอดพระเนตรการแสดง  สื่อผสม  แสง  สี  เสียง  ประกอบบทเพลงประสานเสียง  ชุด “ทศมมหาราชา พระมหากรุณานำการพัฒนาสู่ความยั่งยืน”  ซึ่งถ่ายทอดพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงสืบสาน  รักษา และต่อยอดแนวพระราชดำริของสมเด็จพระบรมชนกนาถ  ที่ทรงก่อตั้งมูลนิธิโครงการหลวง  นำไปสู่การพัฒนาในพื้นที่สูงด้วยแนวทางโครงการหลวงโมเดล  โดยนักร้องประสานเสียงเยาวชน  ร่วมกับวงดนตรีจิตอาสา  ในรูปแบบศิลปะล้านนาร่วมสมัย  ประกอบด้วย 3 องก์  ได้แก่ องก์ที่ 1  เสียงแห่งขุนเขา  องก์ที่ 2 แสงทองแห่งพระมหากรุณา  องก์ที่ 3 ความยั่งยืนแห่งแผ่นดิน สืบสาน รักษา ต่อยอด
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดงาน “โครงการหลวง 2568“ โอกาสนี้ ทรงทอดพระเนตรนิทรรศการ “ทศมมหาราชา พระมหากรุณานำการพัฒนาสู่ความยั่งยืน” ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการสืบสาน  รักษา และต่อยอด  งานโครงการหลวง และนำเสนอผลสำเร็จของงานวิจัยและนวัตกรรมของมูลนิธิโครงการหลวง  ประกอบด้วย  นิทรรศการ สืบสาน “นวัตวิจัย ผลลัพธ์ที่จับต้องได้”   นิทรรศการ รักษา “พืชพระราชทาน สร้างงาน สร้างคุณค่า”
นิทรรศการ ต่อยอด “พลังบูรณาการ เพื่อความยั่งยืนของพื้นที่สูง” และนิทรรศการ สืบสาน รักษา ต่อยอด “หัตถศิลป์พื้นที่สูง...ด้วยพระเมตตาแห่งแผ่นดิน”  ในโอกาสนี้  ทอดพระเนตรวิดีทัศน์แนะนำการใช้ประโยชน์อาคารเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา  ต่อจากนั้น  เสด็จพระราชดำเนินไปยังอาคารอเนกประสงค์ ทอดพระเนตรซุปเปอร์มาร์เก็ตจำหน่ายผลิตผลและผลิตภัณฑ์โครงการหลวง  ซึ่งปีนี้มีสินค้าที่โดดเด่น เช่น ข้าวเจ้าพันธุ์จาคูเนเน  ซึ่งเป็นข้าวเจ้าพันธุ์ท้องถิ่นของชนเผ่าลีซอ  น้ำนมข้าวโพดหวาน  ชาอู่หลงกลิ่นข้าวเหนียวมะม่วง  เป็นชาโครงการหลวงที่มีกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และกุหลาบพันธุ์รอยัล 4  จากนั้นเสด็จฯ ไปยังห้องประทับรับรอง (ห้องราชภักดิ์)  ทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธย ในสมุดที่ระลึก  สมควรแก่เวลา  จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง  เสด็จฯ ไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41 อำเภอเมืองเชียงใหม่  จังหวัดเชียงใหม่  เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง  เสด็จฯ กลับกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้  ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน  มีราษฎรมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ เป็นจำนวนมาก  ซึ่งเป็นราษฎรในพื้นที่ จังหวัดใกล้เคียง รวมถึงราษฎรและเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาโครงการหลวงของชาติพันธุ์ต่างๆ เช่น เมี่ยน (เย้า)  ละว้า  ม้ง  ไทลื้อ  อาข่า  คะฉิ่น  ลีซู  ดาราอั้ง และลาหู่ (มูเซอ)  ที่มาจากพื้นที่สถานีเกษตรหลวง  ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง และโครงการขยายผลแบบโครงการหลวงในจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือ ต่างพร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดประจำชาติพันธุ์อย่างสวยงามมาร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

 ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ กองแพทย์หลวง สำนักพระราชวัง ร่วมกับโรงพยาบาลต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ มอบพิมเสนน้ำและผ้าเย็นแก่ประชาชน พร้อมทั้งพระราชทานอาหารแก่ราษฎรที่มาร่วมเฝ้าฯ รับเสด็จในพื้นที่ด้วย

แสดงความคิดเห็น