กระทั่งเดือนมกราคม 2566 มีหมายศาลส่งมาหาตนเองที่บ้าน เกี่ยวกับเรื่องรถยนต์ที่เพื่อนซื่อดาวน์แล้วไม่ได้ชำระค่างวดตามที่บริษัทไฟแนนซ์กำหนด ด้วยความตกใจจึงนำหมายศาลที่ได้รับ เดินทางไปหาเพื่อนที่บ้าน เพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนก็บอกว่าเดี๋ยวจะรับผิดชอบเอง โดยบอกให้ตนเองเซ็นมอบอำนาจให้เขาจะเป็นคนดำเนินการเองเรื่องที่ศาลเอง ด้วยความไว้ใจจึงไม่ได้ไปติดตามเรื่องอีก แต่มาทราบภายหลังว่าเพื่อนไม่ได้ไปที่ศาลเลย
และล่าสุด เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ก็ได้รับหมายบังคับคดีให้ยึดทรัพย์บ้านพร้อมที่ดินที่ตนเองอาศัยอยู่ในปัจจุบัน โดยบ้านและที่ดินทางบังคับคดีได้ประเมินในราคา 370,000 บาท แต่ยอดที่จะต้องจ่ายให้ไฟแนนซ์ที่เพื่อนค้างชำระค่างวดรวมต้นและดอกเบี้ย ประมาณ 600,000 บาท ดังนั้นถึงแม้จะถูกยึดบ้านและที่ดินไปแล้ว
ก็ยังมีส่วนต่างที่จะต้องชดใช้อีกเกือบ 300,000 บาท ก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหนมาจ่าย ทุกวันนี้ก็มีอาชีพแค่รับจ้างทั่วไป ทั้งต้องดูแลยายชรา และตาป่วยติดเตียงอีก ประมาณเดือน ก.ค.ที่จะถึงนี้หากไม่ไปติดต่อบังคับคดีหรือไปติดต่อ ก็อาจจะถูกยึดบ้านและที่ดิน ก็เครียดมากเพราะไม่รู้ว่าจะพายายทีแก่ชรา ตาซึ่งป่วยติดเตียง น้า และหลาน 8 ขวบรวม 6 ชีวิตไปอยู่ที่ไหน เครียดมากไม่รู้จะหาทางออกยังไง พยายามโทรติดต่อและไปหาเพื่อนที่บ้านหลายครั้ง เขาก็รับปากว่าจะหาเงินไปจ่ายคืนให้ แต่ก็ไม่ทำตามที่รับปากไปถามอีกก็บ่ายเบี่ยงอ้างโน่นนี่ตลอด ทั้งอ้างว่ารถไม่ได้อยู่ที่เขาพ่อเอาไปใช้แล้วเป็นคนเอาไปจำนำต่ออีก ก็อยากฝากถึงเพื่อนให้เห็นใจด้วย เพราะตอนนี้ครอบครัวตนกำลังจะไร้ที่อยู่อาศัย แต่เพื่อนยังมีธุรกิจกินอยู่สบายก็ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญในชีวิตและอยากให้เป็นอุทาหรณ์ว่าอย่าไปเชื่อใจค้ำประกันอะไรให้ใคร ไม่งั้นก็จะเดือดร้อนเหมือนตนเอง สุดท้ายนี้ก็อยากวิงวอนให้นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น ช่วยเหลือด้วย
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปสอบถาม น.ส.ปู (นามสมมุติ) เพื่อนสนิท ที่ น.ส.ติ๊ดตี่ เซ็นค้ำประกันซื้อดาวน์รถให้ ให้ข้อมูลว่า ได้ไปขอให้เพื่อนช่วยค้ำประกันซื้อดาวน์รถยนต์ให้จริง ที่ผ่านมาก็ส่งงวดเดือนละประมาณ 8,000 บาท มาเรื่อยๆ กระทั่งประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง จึงขาดส่งจนถูกไฟแนนซ์ฟ้องให้ยึดรถและให้จ่ายเงินส่วนต่าง ช่วงแรกก็ให้พ่อไปติดต่อและทยอยจ่ายบ้าง แต่ระยะหลังหาเงินไม่ทันจึงไม่ได้ไปจ่าย ส่วนรถกระบะไม่ได้อยู่กับตนเอง เพราะพ่อเป็นคนเอาไปใช้ ซึ่งพ่อบอกว่าเอาไปจำนำที่กรุงเทพฯ หลายปีแล้ว ตอนนี้ไม่รู้รถอยู่ไหน ซึ่งตอนนั้นพ่อบอกว่าไปจำนำไว้ 150,000 บาท ยืนยันว่าไม่มีเจตนาจะเบี้ยวหรือไม่รับผิดชอบ แต่ตอนนี้ยังหาเงินไม่ได้ถ้ามีเงินก็ยืนยันว่าจะรับผิดชอบแน่นอน
สุรชัย พิรักษา / บุรีรัมย์
แสดงความคิดเห็น