ผลการปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม น.ส.ปิยะพร อายุ 56 ปี ชาว จ.พังงา ซึ่งอยู่ในพื้นที่ระหว่างการตรวจค้น พร้อมตรวจยึดของกลางจำนวนมาก ได้แก่ รถแทรกเตอร์คีบไม้ 2 คัน รถแทรกเตอร์อีก 1 คัน รถบรรทุกสิบล้อพร้อมหางลาก 1 คัน และเลื่อยโซ่ยนต์พร้อมบาร์และโซ่ 1 เครื่อง
จากการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ พบว่ามีการ โค่นต้นยางพาราเป็นบริเวณกว้าง กินพื้นที่รวมกว่า 19-3-11 ไร่ ป่าถูกทำลายต่อเนื่องเป็นแนวยาวหลายร้อยเมตร นอกจากนี้ยังพบเพิงพักคนงานหลายหลังตั้งกระจัดกระจายอยู่กลางสวนยาง ขณะที่ยานพาหนะและอุปกรณ์ตัดไม้ครบชุดถูกวางไว้ใกล้จุดลักลอบตัดไม้ คาดว่ามีการดำเนินการมาได้สักระยะแล้ว
ขณะตรวจสอบพื้นที่ นายกานต์ ผู้ดูแลสวนยางแห่งนี้ เปิดเผยกับเจ้าหน้าที่ว่า สวนยางแห่งนี้เป็นพื้นที่เดียวกับที่เคยตกเป็นข่าวก่อนหน้านี้กรณี “นายย้ง” เข้ามาเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการตัดไม้ โดยมีการเรียกรับเงินไปแล้วกว่า 200,000 บาท เพื่อให้สามารถลักลอบตัดต้นยางออกจากพื้นที่ได้โดยไม่ถูกตรวจสอบ ซึ่งยิ่งเพิ่มน้ำหนักว่ามีเครือข่ายผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง
เจ้าหน้าที่ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวกรมป่าไม้อนุญาตให้กรมชลประทานใช้เพื่อก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเท่านั้น ไม่ครอบคลุมการตัดไม้หรือการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ใดๆ จึงถือเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนอย่างชัดเจน
เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหา ครอบครองเลื่อยโซ่ยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
ด้านเจ้าหน้าที่เผยว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเหตุครั้งนี้เกี่ยวข้องกับ เครือข่ายลักลอบตัดไม้เชิงพาณิชย์ในพื้นที่ภาคตะวันออก คาดว่าอาจมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง จึงอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางขนย้ายไม้ การออกหมายจับเพิ่มเติม รวมถึงการตรวจสอบความเชื่อมโยงกับบุคคลที่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ในพื้นที่ ขณะนี้ยังไม่พบผู้ร่วมขบวนการรายอื่น แต่จะเร่งขยายผลอย่างต่อเนื่อง.














แสดงความคิดเห็น