วันนี้ (1 พฤษภาคม 2568) ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการบริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงโยจากกระทรวงสาธารณสุข "30 บาทรักษาทุกที่ อสม. มั่นคง สาธารณสุขเข้มแข็ง เพื่อคนไทยห่างไกล NCDs" โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข คณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และ อสม.เข้าร่วมกว่า 10,0000 คน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลมึนโยบายสำคัญในการดูแลสุขภาพประชาชนทุกมิติ ทั้งการคัดกรอง ป้องกัน ค้นหา และการดูแลรักษา ยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เป็นปัญหาสำคัญของประชาชน อาทิ โรคอ้วนที่พบมากขึ้นทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs โดยเฉพาะโรคไตเรื้อรัง พบผู้ป่วยระยะที่ 3 ถึง 506,593 ราย ในปี 2567 พบอัตราตายในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายชนิดหลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน ร้อยละ 9.01 ส่วนโรคหลอดเลือดสมอง ในปี 25666 มีผู้ป่วยถึง 349,126 ราย เสียชีวิต 36,214 ราย ส่วนใหญ่มีอายุน้อยกว่า 60 ปี ขณะที่ผู้ป่วยเบาหวานทั่วประเทศกว่า 3.6 ล้านราย ได้รับการคัดกรองภาวะแทรกช้อนทางตาเพียง 1.7 ล้านราย หรือร้อยละ 47 และยังมีผู้สูงอายุที่สายตาไม่ดี การมองเห็นไม่ชัดเจน และเกิดภาวะสายตาเลือนรางสูงถึงร้อยละ 70 รวมถึงโรคมะเร็งปากมดลูก ที่พบเป็นอันดับ 5 ในเพศหญิง เป็นต้น

นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขจึงจัดโครงการบริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุขฯ

ให้บริการทางการแพทย์และการตรวจสุขภาพเชิงรุกครอบคลุมทุกช่วงวัย ทั้งการดูแลผู้ที่มีภาวะโรคอ้วน, การจัดการโรค NCDs เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง, การดูแลไตตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การรักษาในคลินิกชะลอไตเสื่อม, การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรค เช่น การใช้ AI ตรวจจอประสาทตาในผู้ป่วยเบาหวาน, การคัดกรองและป้องกันโรค เช่น การฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก และฉีดวัดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยง รวมถึงการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ เช่น การมอบเครื่องช่วยฟังให้ผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยิน โดยมี อสม. เป็นกำลังสำคัญในการในการขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกล NCDs เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและถ่ายทอดความรู้ไปสู่ประชาชน โดยตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม จนสิ้นสุดโครงการวันที่ 30 กันยายน 2568 ตั้งเป้าว่าจะมีประชาชนได้รับบริการทางการแพทย์รวม 38,203,000 คน ซึ่งจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2568 คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ 22,873,265,0000 บาท
















นายประยงค์ วิลัย /ภาพข่าว
 

แสดงความคิดเห็น