หลังการพยายามออกติดตามหาตัว นายวราพงษ์ หรือ ดีเจเตเต้ ที่ถูกอุ้มหายตัวไปตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ซึ่งหลังจากการพยายามติดตามหาตัวอยู่นานหลายวัน ในที่สุดก็พบศพของดีเจเตเต้ ถูกยิงหัวเสียชีวิตอยู่ภายในป่าลึก พื้นที่บ้านทุ่งนานางหรอก หมู่ 3 ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรีนั้นล่าสุด เมื่อเวลา 20.00 นาฬิกา ทนายรณรงค์ แก้วเพชร พร้อมด้วยทีมงาน และนายวิเชียร พ่อของดีเจเตเต้ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี เพื่อแจ้งความเอาผิดกับแก๊งอุ้มดีเจเตเต้ ในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และปิดบังซ่อนเร้น สาเหตุการตาย โดยเมื่อ
เดินทางมาถึง นายวิเชียร ได้มอบกระเช้าผลไม้ให้กับตัวแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ได้ช่วยออกติดตามหาตัวของดีเจเตเต้มาตั้งแต่ต้น แม้สุดท้ายแล้ว ดีเจเตเต้จะไม่สามารถมีชีวิตรอดกลับมาพบครอบครัวได้ก็ตาม หลังจากนี้ เมื่อทำการชันสูตรศพเสร็จเรียบร้อย ก็จะนำร่างของดีเจเตเต้กลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดหนองกระทุ่ม และรอเวลาส่งน้องขึ้นสู่สวรรค์ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุมตัวนายธนเดช เชื้อทอง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ถูกนำมาสอบปากคำ 2 คนแรก ตามหมายจับของศาลจังหวัดกาญจนบุรี เข้าสู่ห้องควบคุมตัวสถานีตำรวจ
ภูธรเมืองกาญจนบุรีเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าในวันพรุ่งนี้ น่าจะมีการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่าดีเจเตเต้เพิ่มอีกอย่างน้อย 3 รายซึ่งหลังจากได้พบศพบริเวณเชิงเขาในไร่อ้อย บ้านทุ่งนานางหรอก ที่ผ่านมา ดีเจเตเต้  คดีจากเดิมในช่วงค้นหาคดีตัว ดีเจเตเต้ เมื่อพบกลายเป็นศพคดีก็ต้องเปลี่ยนไปกลายเป็นคดีฆาตกรรม ส่วนผู้กล่าวหาผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า ดีเจเตเต้ โดยต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป และเป็นการกระทำโดยอ้างอำนาจอั้งยี้หรือซ่องโจร ไม่ว่าอั้ง
ยี้หรือซ่องโจรนั้นจะมีอยู่หรือไม่ และ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตรตรองไว้ก่อน,ร่วมกันลอบฝัง เผา ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย, ร่วมกันกระทำใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมและร่วมกันช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลงทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนสมควรแก่พฤติการณ์ และ ซ่องโจร”/////////////ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา   ไหลวารินทร์////

แสดงความคิดเห็น