เปิด 5 ข้อหา 5 ฆาตกรโหด สมุนไอ้มุ้ย สั่งอุ้มดีเจเตเต้ยิงทิ้งหมกป่า โทษสูงสุดประหารชีวิต ตำรวจยังปูพรมไล่ล่า ขืนสู้โดนวิสามัญแน่ ครอบครัวและเพื่อนๆร่วมส่งดวงวิญญาณดีเจเตเต้ พ่อวอนตำรวจเร่งจับคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณี นายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ หรือดีเจเตเต้ อายุ 33 ปี ถูกคนร้ายอุ้มตัวหายไป ในช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 14 พ.ค.68 ที่ผ่านมา ต่อมาวันที่ 18 พ.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพของดีเจเตเต้ ถูกคนร้ายนำไปทิ้งเอาไว้ที่ป่าละเมาะ ท้องที่หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่บริเวณศีรษะ 2 นัด แขนทั้ง 2 ข้างถูกมัดด้วยเชือกไขว้หลังเอาไว้

 


หลังเกิดเหตุ พลตำรวจตรีพรชัย  ชลอเดช ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พันตำรวจเอกสุรยุทธ  เมฆมังกร ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดเป็นการเร่งด่วน เหตุการณ์อุกฉกรรจ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ พลตำรวจโทนัยวัฒน์  ผะเดิมชิต ผบช.ภาค 7 ได้ลงพื้นที่สั่งการและเร่งรัดคดีด้วยตัวเอง และเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี  ได้ประกาศรางวัลนำจับผู้ต้องหาทั้ง 4 รายเป็นเงินจำนวน 1 แสนบาท ซึ่ง พลตำรวจโทนัยวัฒน์  ผะเดิมชิต ผบช.ภาค 7 ได้ประกาศในที่ประชุมไปแล้วว่า หากพบตัวคนร้ายแล้วมีการขัดขืนด้วยการยิงต่อสู้ ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามยุทธวิธีหรือวิสามัญคนร้ายได้เลย


ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภาค 7 รวมถึงเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.กาญจนบุรีและ สภ.เมือกาญจนบุรี ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฝีมือระดับพระกาฬ พร้อมอาวุธครบมือออกหาข่าวไปตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อแกะรอยในการติดตามจับกุมผู้ต้องหามาอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคือเพื่อกดดันให้คนร้ายยอมเข้ามอบตัว

โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มลูกสมุนของนายสุทัศน์ เดชคำ หรือ “มุ้ย” พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ระดับสั่งการแฟนหนุ่มของ น้ำ ลัดดา ที่สั่งกำจัดดีเจเตเต้ ที่ปัจจุบันหลบหนีหมายจับคดียาเสพติดหลายหมาย ไปอาศัยอยู่กับเจ้าพ่อยาเสพติดฝั่งประเทศเมียนมา ที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

ส่วนแนวทางการแกะรอยเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายทั้ง 4 รายนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะเกรงว่าคนร้ายจะไหวตัวทัน เบื้องต้นคาดว่ายังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี หรือจังหวัดใกล้เคียง 

สำหรับผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนี 4 ราย ประกอบด้วย 1.นายนพพิจิตร เดือนฉาย 2.นายธราเทพ ใบบัว 3.นายภัคนัท แจ่มน้อย และ 4.นายณรงค์เดช อ่อนละมุน ส่วนผู้ต้องหาที่ 5.คือนายธนเดช เชื้อทอง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวเอาไว้ได้ตั้งแต่วันหลังเกิดเหตุ แต่นายธนเดช เชื้อทอง ให้การไม่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยอัตราโทษที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี อนุมัติหมายจับใน 5 ข้อหานั้นมีอัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิต แต่ละข้อหา ดังนี้

1. ข้อหาร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตราย โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และเป็นการกระทำโดยอ้างอำนาจอั้งยี่หรือซ่องโจร ต้องระวางโทษ “จำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท” ตามมาตรา 309 วรรคสอง, มาตรา 83, มาตรา 210, มาตรา 213

2. ข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันลอบฝัง เผา ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือเหตุแห่งการตาย ต้องระวางโทษ “ประหารชีวิต” ตามมาตรา 288 ประกอบมาตรา 289 (4), มาตรา 199 วรรคหนึ่ง

3. ข้อหา ร่วมกันกระทำใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ต้องระวางโทษ “จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ตามมาตรา 150 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

4. ข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ และร่วมกันช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง โดยทำลาย ซ่อนเร้น หรือทำให้พยานหลักฐานสูญหาย ต้องระวางโทษ “จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท” สำหรับความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ ตาม มาตรา 335 (5) ต้องระวางโทษ “จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” สำหรับการช่วยเหลือให้พ้นผิดและทำลายพยานหลักฐาน ตาม มาตรา 184 วรรคหนึ่ง และ มาตรา 189

และ 5. ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะและร่วมกันกระทำความผิดฐานซ่องโจร ระวางโทษ ดังนี้ 

1.มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษ “จำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท” ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 7, มาตรา 72,2 พาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ระวางโทษ “จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ตามมาตรา 8 ทวิ วรรคสอง และ3.ร่วมกันกระทำความผิดฐานซ่องโจร ระวางโทษ “จำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสองแสนบาท” ตามมาตรา 210


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณบ้านเลขที่ 59 หมู่ 2 ตำบลหนองกุ่ม อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพของนายวราพงษ์ หรือ DJ เตเต้ ซึ่งมีกำหนดจัดพิธีฌาปนกิจศพในวันนี้ 22 พฤษภาคม 2568 โดยเมื่อถึงกำหนดการในเวลา 13.09 นาฬิกา ทางครอบครัวของดีเจเตเต้ ได้ร่วมกันยกโลงศพขึ้นรถเพื่อเคลื่อนขบวนไปยังเมรุ วัดหนองกระทุ่ม ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 200 เมตร โดยบรรยากาศพิธีฌาปนกิจศพ มีบรรดาครอบครัว ญาติๆ รวมถึงเพื่อนสนิทของดีเจเตเต้ เดินทางมาร่วมงานกันประมาณ 200 คน บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของผู้ที่มาร่วมงาน ซึ่งส่วนใหญ่ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะ พ่อแม่ น้องชายและครอบครัวของดีเจเตเต้

ก่อนเริ่มประกอบพิธีฌาปนกิจศพ นายวรากร ซึ่งเป็นน้องชายของดีเจเตเต้ เป็นตัวแทนครอบครัวกล่าวประวัติและคำไว้อาลัยให้กับดีเจเตเต้ โดยช่วงหนึ่ง นายวรกรกล่าวว่า ก่อนพี่ชายจะถูกอุ้มฆ่าได้เคยพูดคุยวางแผนไว้ว่าจะแต่งงานกับแฟนสาวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่เมื่อมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ทำให้ตนเองและครอบครัว รู้สึก เศร้าสลดกับการสูญเสีย พี่ชายที่เป็นเหมือนเสาหลักของครอบครัวไป 


จากนั้น ทางครอบครัวและเพื่อนๆได้ร่วมกันนำร่างของดีเจเต้เข้าสู่เตาเผาเพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจตามหลักศาสนา ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ของครอบครัวโดยเฉพาะน้าสาวที่ยังรับไม่ได้กับการสูญเสียหลานชายไปอย่างกะทันหัน จนถึงขั้นเป็นลมล้มพับไปในช่วงส่งร่างเข้าเตาเผาศพ


นายวิเชียร พ่อของดีเจเตเต้ กล่าวว่า จนถึงขนาดนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถติดตามจับตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีเพิ่มได้ ซึ่งพฤติกรรมการก่อเหตุของคนร้ายในคดีนี้ถือว่าเห*้ยมโหดอย่างมาก ทำกับลูกของตนเหมือนไม่ใช่มนุษย์ จึงอยากให้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีคืนความยุติธรรมให้กับลูกของตนให้ได้โดยเร็ว


ด้านนางเกศินี แม่ของดีเจเตเต้ กล่าวว่า ตอนนี้หวังเพียงให้ดวงวิญญาณของลูกชายได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี ส่วนเรื่องคดีความก็ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีอย่างเต็มที่


ด้านนายวรากร น้องชายของดีเจเตเต้ กล่าวว่า ตนเองยังรับไม่ได้กับความสูญเสียในครั้งนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีลางบอกเหตุใดๆมาก่อน พี่ชายของตนก็ไม่รู้ตัวว่าจะต้องมาจากไปกะทันหันเช่นนี้ แผนการที่เคยวางเอาไว้ทั้งเรื่องของการแต่งงานและการดูแลครอบครัว ก็จบไปพร้อมกับลมหายใจของพี่ชาย

/////////////////////////////////////////////////

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา   ไหลวารินทร์


แสดงความคิดเห็น