Top News/ข่าวยอดนิยม

Recent News/ข่าวล่าสุด

สระแก้ว แม่ทัพภาคที่1ลงพื้นที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก

 เมื่อวันที่ 12 พ.ย.68 เวลา1220 พ.อ.พงศกร เสืองาม ผบ.ชค.ทพ.12, ร.อ.อาคม มงคลนำ ผบ.ร้อย.ทพ.1201 พร้อมหน่วยงานในพื้นที่ สภ.คลองลึก, ตม.จว.สระแก้ว, ศุลกากรอรัญประเทศ, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาอรัญประเทศ, กสทช.เขต 4 และ ฝ่ายปกครองอำเภออรัญประเทศให้การต้อนรับ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 และนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วและคณะ ที่เดินทางมาตรวจการปฏิบัติงาน ของหน่วยงานบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก และตรวจพื้นที่ที่มีการดำเนินการตัดสายสัญญาณอินเทอร์เน็ตและกระแสไฟฟ้า บริเวณสถานีรถไฟบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว////ภาพข่าว//ทพ.เฉลิมเกียรติ กุ่มประสิทธิ์ ทีมข่าว///สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77จังหวัด
///ภาพข่าว//ทพ.เฉลิมเกียรติ กุ่มประสิทธิ์ ทีมข่าว///สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์นิวส์24สถานีประชาชน 77จังหวัด





อบจ.สงขลา ติดตาม”โครงการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่”

นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย นายฉัตรเพชร ครุอำโพธิ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นายอนุวัฒน์ พรมสวัสดิ์ , นายพงศธร ฆังฆะ เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นายสุรสิทธิ์ ศรีอินทร์ ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นายโยธิน ทองเนื้อแข็ง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เขตอำเภอกระแสสินธุ์ นางสาวภพภร ทองคณารักษ์ ผู้อำนวยการกองผังเมือง องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และคณะทำงาน โดยมี พันจ่าตรี เจนวาที เพชรรักษ์ ปลัดเทศบาลเมืองสะเดา นายอนุพงค์ สุวลักษณ์ ปลัดเทศบาลตำบลสำนักขาม ร่วมลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ประเทศมาเลเซีย ส่วนที่ 2 และโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 4 กับทางหลวงสายพรุเตียว-ด่านสะเดา แห่งที่ 2 ณ ถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่
กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ประเทศมาเลเซีย บริเวณหลักเขตแดนที่ Bp23/9 ตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลาโดย นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ได้สอบถามถึงความคืบหน้าของสายทาง ที่จะครบกำหนดส่งมอบงานวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 นี้ พร้อมหารือร่วมกับผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถึงแนวกั้นรถขาเข้า-ขาออก เพื่อความเป็นระเบียบในการเดินรถ และการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมีส่วนร่วมในพื้นที่ ภายหลังการเปิดถนนเชื่อมต่อ ส่วนที่ 2 จากนั้น เดินทางต่อไปยังพื้นที่โครงการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 4 กับทางหลวงสายพรุเตียว-ด่านสะเดา แห่งที่ 2 เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงาน พร้อมหารือถึงปัญหาอุปสรรคในการก่อสร้าง ในที่ดินถือกรรมสิทธิ์ที่เชื่อมต่อสายทาง เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขต่อไป 
นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดสงขลา////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวอนนไลน์ 77จังหวัด




กาญจนบุรี - เกษตรกาญจน์ประชุมคณะอนุกรรมการอ้อยระดับท้องถิ่น เขต 1 ครั้งที่ 11/2568

วันนี้ 12 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมสำนักงานเกษตรจังหวัดกาญจนบุรี นางสาวสุมณฑา มณเทียร เกษตรและสหกรณ์จังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการอ้อยระดับท้องถิ่น เขต 1 ครั้งที่ 11/2568 โดยมีนาย ชยุติ โสไกร หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต รักษาราชการแทนเกษตรจังหวัดกาญจนบุรี นายเกียรติชัย กาญจนกำเนิด นายอุดม เจียมจงวัฒนา คณะอนุกรรมการอ้อยระดับท้องถิ่น เขต 1 ตัวแทนกรรมการบริหาร สมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อย เขต 7 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิตสำนักงานเกษตรจังหวัดกาญจนบุรี เข้าร่วมประชุม ในการนี้นางสาววิสุดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี พรรคภูมิใจไทย เขต 4 เข้าร่วมเพื่อหารือเรื่องราคาพืชผลการเกษตร รวมถึงเงินเยียวยาชาวไร่อ่อย และการช่วยเหลือชาวไร่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำท่วม ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการบูรณาการการทำงาน เกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในพื้นที่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยในจังหวัดกาญจนบุรีวาระสำคัญของการประชุม ประกอบด้วย การจดทะเบียนชาวไร่อ้อยและหัวหน้ากลุ่มชาวไร่อ้อย
ประจำปี 2568 ครั้งที่ 2 การจัดสรรปริมาณอ้อยขั้นสุดท้ายประจำฤดูกาลผลิต ปี 2568/2569 การกำหนดวันและรายละเอียดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บเกี่ยวและขนส่งอ้อยเข้าสู่โรงงาน และการประชาสัมพันธ์การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จังหวัดกาญจนบุรี โดยกำหนดห้ามเผาในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 – 30 เมษายน 2569 การประชาสัมพันธ์โครงการส่งเสริมการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้กิจกรรม “Green Gain Day” ส่งเสริมแนวคิด “ไม่เผาแต่ได้รายได้” ณ ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรีการประชุมในครั้งนี้เป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการเมือง เพื่อขับเคลื่อนการผลิตอ้อย ให้มีประสิทธิภาพเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในพื้นที่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยในจังหวัดกาญจนบุรี อย่างยั่งยืนต่อไป
///////ข่าวภูมิภาค / ปรีชา  ไหลวารินทร์ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดกาญจนบุรี////สุพจน์บดอนทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวอนไลน์ 77จังหวัด

มุกดาหาร -สุดสลด! ลูกชายหลอนยาบ้า ทำร้ายพ่อแม่เลือดอาบกลางดึก ญาติช่วยพาหนีตายก่อนแจ้งตร.รวบทันควัน

เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น.วันที่ 11 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองมุกดาหาร พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองบ้านคำอาฮวน ต.คำอาฮวน อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร เข้าจับกุมชายอายุ 38 ปี ทราบชื่อภายหลังคือนายกึ่ม หรือ นายสุโขทัย นามดี หลังจากก่อเหตุทำร้ายร่างกายพ่อแท้ ๆ ของตนเองคือนายอ่อนครี อายุ 62 ปี จนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ และยังทำร้ายแม่วัย 60 ปี ได้รับบาดเจ็บเช่นกันเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังผู้ก่อเหตุมีอาการหลอนจากการเสพยาบ้า ใช้ของแข็งตีพ่อจนเลือดอาบ ก่อนหันไปทำร้ายแม่ จากนั้นเดินกลับไปนอนอยู่ในกระท่อมภายในสวนยางพาราเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่ชาวบ้านและญาติซึ่งเห็นเหตุการณ์ได้ช่วยนำพ่อแม่ผู้บาดเจ็บออกไปพักที่บ้านญาติ พร้อมโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าจับกุมนางสมคิด วงษ์สีทา อายุ 60 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ลูกชายติดยาบ้ามานาน ไม่ทำงาน และเริ่มมีอาการหลอน เหม่อพูดคนเดียว ตะโกนโวยวายเป็นประจำ “วันนี้เขาโวยวายแล้วก็เดินมาหาพ่อ ตีหัวพ่อจนเลือดไหล ฉันเข้าไปห้ามก็โดนตีด้วย จากนั้นเขาก็กลับไปนอนในกระท่อม เหมือนไม่รู้สึกผิด ฉันทนไม่ไหวเลยแจ้งตำรวจจับ เพราะกลัวจะกลับมาทำร้ายอีก”เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายกึ่ม ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร ดำเนินคดีตามกฎหมาย#คลั่งยาบ้า #ทำร้ายพ่อแม่ #มุกดาหาร #ข่าวอาชญากรรม #ตำรวจภ4 #ยาเสพติด #ข่าวมุกดาหาร #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้
///ภาพ/ข่าว เดวิท-ธวัชชัย โชคชัย ผู้สื่อข่าว news 24 สถานีประชาชน ประจำจังหวัดมุกดาหาร รายงาน////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77จังหวัด







กาญจนบุรี – เตือนยังมีให้เห็นอย่าฝ่าฝืนเผากันนะเจอโทษหนัก!! ผู้ว่าฯกาญจน์ เอาจริงประกาศกำหนดเขตควบคุมการเผาในทุกพื้นที่ ป้องฝุ่น PM2.5 กระทบสุขภาพ ปชช.ใครฝ่าฝืนเจอทั้งคุกทั้งปรับ

วันนี้ 12 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอธิสรรค์  อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี/ผู้อำนวยการจังหวัด กล่าวว่าด้วยสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จังหวัดกาญจนบุรี ช่วงเดือนพฤศจิกายน - เมษายน ของทุกปี เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพทำให้ส่งผลกระทบกับอากาศ และสุขภาพของประชาชน ติตต่อกันหลายวันอย่างต่อเนื่อง และหากมีแนวโน้มความรุนแรงมากขึ้นจะส่งผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน อันมีสาเหตุจากการเผาในพื้นที่ป่าไม้ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอนุรักษ์ ป่าชุมชนสาธารณะ การเผาในพื้นที่เกษตรกรรม การเผาในพื้นที่ชุมชน/เมือง พื้นที่ริมทาง และอื่น ๆฉะนั้นในฐานะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี/ผู้อำนวยการจังหวัด จึง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15,21 และ 22 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 จึงกำหนดให้พื้นที่ทุกหมู่บ้าน/ตำบล/อำเภอ ในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี เป็น "เขตควบคุมการเผา" และกำหนดมาตรการทางกฎหมายในการควบคุมการเผา ดังนี้ 1.เมื่อมีความจำเป็นต้องเผาวัชพืชในที่ดินทำกิน ให้ราษฎรผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าวขออนุญาตจากกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านในเขตปกครองท้องที่นั้น ๆ ก่อนที่จะดำเนินการทุกครั้ง พร้อมกับต้องจัดทำแนวกันไฟและควบคุมไฟไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่น ๆ โดยให้ประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่มีหน้าที่ในพื้นที่ เพื่อจัดเจ้าหน้าที่ควบคุมในการดำเนินการดังกล่าวด้วย
2.หากราษฎรผู้ใดไม่แจ้งขออนุญาตต่อกำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน หรือขออนุญาตแล้วแต่ไม่จัดทำแนวกันไฟและมิได้ควบคุมไฟให้อยู่ในพื้นที่ที่ตนถือครอง จนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามไหม้ป่า ให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้านแจ้งต่อนายอำเภอท้องที่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแก่ราษฎรที่ฝ่าฝืนทุกราย 3.การจุดไฟเผาให้ไฟลุกลามไปยังพื้นที่ต่าง ๆ มีโทษตามกฎหมาย พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484มาตรา 54 ผู้ใดผ้าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่ได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่ ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาทพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ผู้ใดผ้าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท ในกรณีที่ได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่ หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ ไม้สัก ไม้ยาง ไม้สนเขา หรือไม้หวงห้ามประเภท ข. ตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ หรือไม้อื่นที่เป็นต้นหรือท่อนอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างรวมกันเกินยี่สิบต้นหรือท่อน หรือรวมปริมาตรไม้เกินสี่ลูกบาศก์เมตร หรือ ต้นน้ำลำธาร หรือ พื้นที่ชายฝั่ง ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สีปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงสองล้านบาทพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี หรือปรับตั้งแต่สีแสนบาทถึงสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่ได้กระทำในพื้นที่ลุ่มน้ำขั้นที่ 1 หรือพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 2 ตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด หรือพื้นที่เปราะบางของระบบนิเวศหรือความหลากหลายทางชีวภาพ ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักกว่าโทษที่กฎหมายบัญญัติไว้กึ่งหนึ่ง ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 19 (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี
หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 19 (9) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 55 ผู้ใดฝ้าฝืนมาตรา 55 (2) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี หรือปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 67(2) ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินเจ็ดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่เป็นการกระทำแก่ทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถเกิดใหม่ทดแทนได้ตามฤดูกาลและมีมูลค่ารวมกันไม่เกินสองพันบาท ผู้กระทำต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาทพระราขบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ.2562 มาตรา 63 ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่เป็นการกระทำในบริเวณเพื่อการอนุรักษ์หรือกระทำแก่ไม้ทรงคุณค่าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใด ๆ แม้เป็นของตนเอง จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 74 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับ ไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับโดยให้ผู้อำนวยการอำเภอทุกอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ผู้นำท้องที่ผู้นำชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องสอดส่องดูแลเอาใจใส่ ร่วมชี้แจงสร้างการรับรู้ให้ประชาชนในพื้นที่ และปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้อย่างเคร่งครัด ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2569 หรือจนกว่าถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ” นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี/ผู้อำนวยการจังหวัด กล่าว//////ข่าวภูมิภาค / ปรีชา  ไหลวารินทร์ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจังหวัดกาญจนบุรี///สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77จังหวัด

แม่ทัพภาคที่ 2 เยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลบาดเจ็บจากเหตุเหยียบกับระเบิดชายแดน

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 พลโท วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางไปยังโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมอาการและให้กำลังใจกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 4 นาย ได้แก่- จ่าสิบเอก เทิดศักดิ์ สมาพงษ์ ได้รับบาดเจ็บ ข้อเท้าขวาท่อนล่างขาด- พลทหาร วชิระ พันธนา ได้รับบาดเจ็บ จากแรงอัดจากระเบิด มีอาการแน่นหน้าอก- พลทหาร อภิรักษ์ ศรีชมไชย ได้รับบาดเจ็บ โดนสะเก็ดระเบิด บริเวณขาขวาท่อนล่าง- พลทหาร อนุชา สุจารี ได้รับบาดเจ็บ โดนสะเก็ดระเบิด ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ถนัดในโอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบเงินบำรุงขวัญจากกองทัพบก และมอบเงินบำรุงขวัญในนามกองทัพภาคที่ 2 เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจแก่กำลังพลและครัวแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพร้อมดูแลกำลังพลและครอบครัวอย่างดีที่สุด พร้อมย้ำชัดเจนว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้วิธีการที่ไร้มนุษยธรรม ไม่สนใจข้อตกลงที่ให้ไว้ และได้สั่งการกำชับให้ทุกหน่วยตรวจสอบพื้นที่เสี่ยง และเพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เหตุลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก
ภาพ/ข่าว : กองทัพภาคที่ 2////เดวิท โชคชัย ผู้สื่อข่าวนิวสฺ์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดมุกดาหาร รายงาน////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77จังหวัด




ร้อยเอ็ด – จังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ขับเคลื่อนจังหวัดร้อยเอ็ดสู่เมืองอัจฉริยะ

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.00 น.ณ ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ให้การต้อนรับ นายพรชัย หอมชื่น ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) พร้อมด้วย นายประดิษฐ์ คงภูงา ผู้จัดการสาขาภาคอีสานตอนกลาง, ว่าที่ ร.ต. ดิน ศุภวัฒน์ หัวหน้างานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และ นายพีรกานต์ การภักดี นักส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลเข้าหารือแนวทางการขับเคลื่อนจังหวัดร้อยเอ็ดสู่เมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยมี นางรัดดา กลางบุญเรือง สถิติจังหวัดร้อยเอ็ด, นายกฤต อรรคศรีวร หัวหน้าสำนักงานจังหวัดร้อยเอ็ด และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมประเด็นสำคัญในการหารือ ได้แก่การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City Roi Et)การส่งเสริมและกระตุ้นการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อการพัฒนาประเทศการอบรมและยกระดับทักษะดิจิทัลของบุคลากรในพื้นที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) มีภารกิจหลักในการผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อยกระดับเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และความมั่นคงของประเทศ
โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในทุกระดับ เพื่อให้การพัฒนาเมืองอัจฉริยะเป็นไปอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนด้าน นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า จังหวัดร้อยเอ็ดเล็งเห็นศักยภาพด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนตลอดทั้งปี โดยมีแนวทางเตรียมความพร้อมสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ ผ่านโครงการสำคัญ เช่น การนำประเพณีท้องถิ่นอันทรงคุณค่า อาทิ ประเพณีสมมาน้ำคืนเพ็งเส็งประทีป และ งานมหาทานบารมีบุญผะเหวด มานำเสนอในรูปแบบดิจิทัล เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงข้อมูลและร่วมกิจกรรมได้ตลอดปีถือเป็นก้าวสำคัญของจังหวัดร้อยเอ็ดในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสร้างเศรษฐกิจฐานชุมชน และขับเคลื่อนจังหวัดสู่เมืองอัจฉริยะในอนาคต


////คมกฤช พวงศรีเคน ข่าว/ภาพ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดร้อยเอ็ด////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77จังหวัด