Top News/ข่าวยอดนิยม

Recent News/ข่าวล่าสุด

“โตโยต้า” ร่วมน้อมรำลึกในหลวง ร.9 วางพวงมาลาถวายราชสักการะ เนื่องในวันนวมินทรมหาราช

  เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 ที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 9 นายชุมพร เพชรชุมชน พร้อมคณะผู้บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 วางพวงมาลาถวายราชสักการะ ณ พระบรมนุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ภายในอุทยานเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 9 เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร

 บรรยากาศในพิธีเต็มไปด้วยความสงบและความซาบซึ้งใจ เหล่าผู้บริหารและพนักงานต่างพร้อมใจแต่งกายด้วยโทนสีเหลือง–ขาว ร่วมยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทยนายชุมพร กล่าวว่า โตโยต้ามีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ซึ่งทรงเป็นแรงบันดาลใจในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม และมุ่งมั่นสืบสานแนวพระราชดำริเรื่องความยั่งยืนและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยทั้งนี้ “วันนวมินทรมหาราช” ซึ่งตรงกับวันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญแห่งการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรทั่วประเทศ ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีแห่งการครองราชย์

“ดส.“ บุกจับคาลานวัด หนุ่มแกลงซุกอาวุธปืนเถื่อน–ลูกซอง–กระสุนครบมือ

   ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผกก.ดส.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล, พ.ต.ท.วรปรัชญ์ วุฑฒิรักษ์ และ พ.ต.ท.มโรดม์ ขวัญเมือง รอง ผกก.ดส.บช.น.เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 ผ่านมา ชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.ดส.บช.น. นำโดย พ.ต.ท.รชต พุ่มพันธุ์ม่วง สว.กก.ดส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ชป.4 เข้าปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหาครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต บริเวณลานจอดรถ วัดเจ้าหลาว ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรีเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย ได้แก่ นายสรยุทธ อายุ 21 ปี ชาว อ.แกลง จ.ระยอง และนายภานุวัฒน์ อายุ 20 ปี ชาวบ้านเดียวกัน

จากการตรวจค้น พบของกลางอาวุธครบมือ ทั้ง ปืนพกแบงกันดัดแปลงขนาด .380 มม. ปืนลูกโม่ขนาด .38 ปืนลูกซอง Remington 870 กระสุนลูกซอง 8 นัด และเครื่องกระสุนขนาด .380 จำนวน 2 นัด สิ่งเทียมอาวุธปืนยี่ห้อ Amoeba รวมถึงอุปกรณ์เสริม เช่น ซองปืน พานท้าย ขาตั้ง และกล่องบรรจุปืน รถยนต์นิสสัน ทีด้า สีดำ ทะเบียน ขธ 872 ระยอง โทรศัพท์มือถือรวม 3 เครื่อง ใช้ติดต่อในการกระทำผิ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมนำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



 

1 ปีมีหนเดียว! ชาวเลแห่ลงทะเลชายหาดสวนสน “ล่ากุ้งเคย” ได้ทีเป็นตัน ขายสร้างรายได้งาม

  วันที่ 14 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ชายหาดสวนสน ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง คึกคักเป็นพิเศษเมื่อเข้าสู่ “ฤดูกุ้งเคย” ปีละครั้งเท่านั้น ชาวบ้านหลายสิบชีวิตพกผ้าอวนขาวบาง เดินลุยน้ำทะเลสูงถึงเอว ท่ามกลางสายตานักท่องเที่ยวที่มานั่งดูเพลินๆ บางคนโดนถามขำๆ “มีเคยโดนตีนบ้างไหม?” เพราะเจ้ากุ้งจิ๋ววิ่งมาชนขาเอาแบบไม่ทันตั้งตัว
ภาพที่เห็นคือทุกคนก้มหน้าก้มตาใช้ “ผ้าเจียรเคย” ลากไปข้างหน้า รอจังหวะที่น้ำหนักถ่วงลงแสดงว่ากุ้งเข้าเต็มอวน ก่อนจะยกขึ้นมารวบรวมขายต่อหรือเอาไปทำ “กะปิ” ราชาแห่งเครื่องปรุงน้ำพริกของไทย
ยายพยอม โชคภักดี อายุ 70 ปี หนึ่งในขาประจำล่ากุ้งเคย บอกว่า ฤดูนี้เพิ่งเริ่มมีเคยเข้าฝั่งเมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมา เพราะฝนตกหนักทำให้กุ้งเคยไหลตามน้ำมาใกล้ชายหาด โดยจะโผล่มาเช้าๆ ประมาณ 7 โมง พอแดดออกก็หายหมด แล้วจะกลับมาอีกตอนเย็นประมาณ 4 โมง
“วันนี้โชคดีมาก ได้มากว่า 1,500 กิโล!” ยายพยอมพูดด้วยรอยยิ้ม พร้อมเผยว่ามีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อถึงที่ กิโลละ 50 บาท ตีง่ายๆ วันนี้ยายพยอมรับทรัพย์กว่า 7 หมื่นบาทในวันเดียว
ลักษณะกุ้งเคยเป็นกุ้งตัวเล็กสีส้ม ตาดำ มักรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่จนเห็นได้จากบนเรือ บางก้อนหนักถึง 1,000 กิโลกรัม เรียกได้ว่าเป็น “ขุมทองของชาวเล” ในช่วงกันยายนถึงตุลาคม หรือปลายฝนต้นหนาว
ลักษณะกุ้งเคยเป็นกุ้งตัวเล็กสีส้ม ตาดำ มักรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่จนเห็นได้จากบนเรือ บางก้อนหนักถึง 1,000 กิโลกรัม เรียกได้ว่าเป็น “ขุมทองของชาวเล” ในช่วงกันยายนถึงตุลาคม หรือปลายฝนต้นหนาว
ชาวบ้านบอกว่า กุ้งเคยสด 2.5 กิโลกรัม เมื่อนำไปหมักทำกะปิจะได้กะปิ 1 กิโล ราคาในตลาดขายกันที่ 250-280 บาท เรียกได้ว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
นอกจากทำกะปิแล้ว ยังนำไปทำกับข้าวได้สารพัดเมนู เช่น ต้มเคยใส่หอมแดง พริกสด ใบกะเพรา บีบมะนาวแซ่บจี๊ด หรือจะ ทำลาบใส่น้ำปลาร้า ก็เด็ดไม่แพ้กัน บางคนเอา ไปต้มกับน้ำตาลทรายแดง กลายเป็นจานเด็ดของเด็กๆ ในหมู่บ้าน
ซีซั่นนี้ใครผ่านระยอง อย่าลืมแวะชายหาดสวนสน อาจได้เห็นภาพสุดมหัศจรรย์ “กุ้งเคยเต็มอวน” กับรอยยิ้มของชาวเลที่รอคอยแค่ปีละครั้งเท่านั้น!




 

นนทบุรี - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการผู้ให้บริการทางการเกษตรครบวงจร

 วันนี้ (15 ตุลาคม 2568) เวลา 14.00 น. ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิด “โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนสหกรณ์ภาคการเกษตรต้นแบบให้เป็นผู้ให้บริการทางการเกษตรครบวงจร” มีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนนโยบายยกระดับสหกรณ์ภาคการเกษตรให้สามารถให้บริการแก่สมาชิกได้ครบวงจรตั้งแต่การผลิต การแปรรูป จนถึงการตลาด โดยมีผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมพิธีฯ ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้บริหารสหกรณ์ภาคการเกษตร ผู้บริหารกรมส่งเสริมสหกรณ์ สหกรณ์จังหวัดและเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์ ในรูปแบบออนไซต์และออนไลน์ รวมกว่า 3,000 คน โครงการดังกล่าวถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาศักยภาพสหกรณ์ให้เป็นกลไกหลักในการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป
   ในโอกาสนี้ ตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมได้ยื่นข้อเสนอสะท้อนปัญหาราคาน้ำนมดิบตกต่ำและปริมาณการรับซื้อที่ลดลง โดยร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รับฟังและให้คำมั่นว่าจะเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว


















 ประยงค์  วิลัย /ภาพข่าว

จับแล้ว!!! ภายใน 24 ชั่วโมง สภ.เมืองเชียงใหม่ จับกุม 2 ผัวเมีย เพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำ ออกตระเวนขี่รถจักรยานยนต์ วิ่งราวทรัพย์ นักท่องเที่ยวสาวชาวฮ่องกง

13 ตุลาคม 2568

พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้รับรายงานจาก ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ กรณีเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 เวลา 18.05 น. ได้รับแจ้งเหตุ คนร้ายวิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวบริเวณถนนหน้าหมู่บ้านกาญจน์กนก 19 ได้ทรัพย์สินและเงินสด ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป หลังทราบเรื่อง ได้สั่งการให้ เร่งรัดติดตามผู้ก่อเหตุคดีนี้โดยเร็วเนื่องจาก ผู้เสียหายเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงใกล้ High season จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ต้องให้เกิดความปลอดภัยและความเชื่อมั่น ต่อพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่อย่างเต็มที่

พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ เร่งรัดให้ ชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่

(เหยี่ยวดำ) นำโดย พ.ต.ท.ชุวาพล ชัยสาร รอง ผกก.สส.,

พ.ต.ท.พูนศักดิ์ พักตร์ผ่องศรี สว.สส.ฯ,พ.ต.ต.วุฒิไกร ทาหอม สว.สส.ฯ เร่งรัดติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

จึงได้นำกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบหน้าบริเวณหมู่บ้านกาญจน์กนก 19 พบ Miss.HUANG อายุ 26 ปี สัญชาติฮ่องกง ให้การว่าขณะที่ตนเองปั่นจักรยานอยู่ในถนนภายในหมู่บ้านได้มีชายและหญิงขับขี่รถจักรยานยนต์สีน้ำเงินผ่านมาแล้วกระชากกระเป๋าผ้าสีดำของตนเองแล้วหลบหนีไป โดยภายในกระเป๋าผ้าสีดำมีกระเป๋าสตางค์พร้อมด้วยเงินสด 2,300 บาท, ขวดน้ำและพาวเวอร์แบงค์สีด

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบเส้นทางหลบหนีของคนร้ายโดยตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดทราบว่าคนร้ายทั้งสองได้หลบหนีไปตามถนนช้างคลานแล้วหลบหนีเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามอย่างกระชั้นชิดขณะที่ตรวจสอบภายในโรงแรมฯ พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ดรีม 125 สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจอดอยู่และพบชายและหญิงมีรูปพรรณตรงกันกับข้อมูลผู้ก่อเหตุ เดินอยู่ภายในโรงแรมฯ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าควบคุมตัวหญิงผู้ก่อเหตุส่วนชายคนดังกล่าวได้วิ่งหลบหนีไป โดยทราบว่าหญิงผู้ก่อเหตุคือ น.ส.จีราพร  อายุ 46 ปี ส่วนชายที่หลบหนีทราบว่าคือนายกิตติพงศ์  อายุ 38 ปี โดยน.ส.จีราพรฯ รับว่าตนเองและนายกิตติพงศ์ฯ ได้วิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงบริเวณหมู่บ้านดังกล่าว จริง และได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบที่ห้องน้ำภายในโรงแรม พบกระเป๋าผ้าสีดำ กระเป๋าสตางค์ ขวดน้ำและพาวเวอร์แบงค์ โดยน.ส.จีราพรฯ แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่านายกิตติพงศ์ฯ ได้เก็บเงินจำนวน 2,300 บาท พร้อมกับวิ่งหลบหนีไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวน.ส.จีราพรฯ พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์ฯ กระเป๋าผ้าสีดำ กระเป๋าสตางค์ ขวดน้ำและพาวเวอร์แบงค์ ไว้เป็นของกลางและนำตัวมายัง สภ.เมืองเชียงใหม่ ส่วนนายกิตติพงศ์ฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุญาตศาลจังหวัดเชียงใหม่เพื่อออกหมายจับ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง จนทราบว่านายกิตติพงศ์ฯ
ได้หลบหนีอยู่ที่บ้าน หมู่ 6 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ จากนั้นเวลา 14.30 น.ของวันที่ 13 ต.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้นำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านพักหลังดังกล่าว ขณะตรวจค้นพบนายกิตติพงศ์ฯ ได้ซ่อนตัวอยู่บริเวณชั้น 1 ของตัวบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายกิตติพงศ์ฯ พร้อมทั้งแสดงหมายจับ โดยนายกิตติพงศ์ฯ ให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์บริเวณหมู่บ้านดังกล่าวจริง จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวนายกิตติพงศ์ฯ มายัง สภ.เมืองเชียงใหม่เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาทั้ง 2 ว่า “ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป”

พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ทำการสอบสวนเบื้องต้น 

ผู้ต้องหาทั้ง 2 โดยนายกิตติพงษ์ฯ ให้การว่า ตนเคยถูกจับกุมข้อหาวิ่งราวทรัพย์ ,ลักทรัพย์และคดีเกี่ยวกับยาเสพติดมาหลายครั้ง ครั้งล่าสุด ถูกจับกุมคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ในพื้นที่ สภ.สารภีและพ้นโทษ ออกมาเมื่อ เดือนสิงหาคม 2568 แต่เมื่อพ้นโทษออกมา ก็ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ จึงตัดสินใจชักชวน น.ส.จีราพรฯ แฟนสาวออกก่อเหตุ ดังกล่าว 

และรับว่าก่อนมาก่อเหตุ วิ่งราวทรัพย์ครั้งนี้ว่า เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 68 เวลากลางวัน ตนกับ น.ส.จีราพรฯ ได้ไปลักรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นแกรนฟีลาโน่ สีดำ ทะเบียน เชียงใหม่  ซึ่งได้จอดอยู่บริเวณร้านแกลอรี่ บนถนนพระปกเกล้า ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวคืนแก่เจ้าของรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ จึงได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวเพิ่มเติม กับนายกิตติศักดิ์ฯและน.ส.จีราพรฯ ในข้อหาลักทรัพย์ผู้อื่น อีกข้อหาหนึ่ง และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป





ส่งศักดิ์ พรมเอี่ยม ศูนย์ข่าวภาคเหนือรายงาน