Top News/ข่าวยอดนิยม

Recent News/ข่าวล่าสุด

สระแก้ว ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ จ.สระแก้ว ประจำวัน 11 ธันวาคม 2568 เวลา 20.00 น.

กกล.บูรพา ปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยในสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ในปัจจุบัน เป็นวันที่ 4 โดยมีการปฏิบัติที่สำคัญดังนี้ พื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา : อยู่ระหว่างดำเนินกลยุทธ์เพื่อยึดพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังระดมยิงต่อ ฝ่ายเรา ด้วยอาวุธยิง BM-21, ปืน
ใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิดอย่างต่อเนื่องพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง : สามารถยึดครองพื้นที่ได้ตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.68   โดยวางกำลังตั้งรับตามแนวอ้างสิทธิ์ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังระดมยิงต่อฝ่ายเราด้วยอาวุธยิง
BM-21 ประมาณ 40 นัด, ปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิดอย่างต่อเนื่อง พื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง : อยู่ระหว่างดำเนินกลยุทธ์เพื่ออยู่ระหว่างยึดพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังระดมยิงต่อ ฝ่ายเรา ด้วยอาวุธยิง BM-21, ปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิดอย่างต่อเนื่องพื้นที่บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ : วางกำลังคุ้มครองพื้นที่ นอกจากนี้ สถานการณ์บริเวณด่านถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ฝ่ายไทยได้เตรียมการเปิดด่านเพื่อรับคนไทยจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชากลับประเทศ นำเข้าสู่กระบวนการรับตัว และคัดกรองตามขั้นตอน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการคัดแยกและตรวจสอบหลักฐานการเข้า-ออกประเทศตามกฎหมายต่อไป

แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายกัมพูชา ในการปล่อยตัวคนไทยกลับเข้าประเทศ อยู่ระหว่างการเจรจาของทั้ง 2 ฝ่ายพื้นที่ อ.คลองหาด : วางกำลังคุ้มครองพื้นที่ สำหรับกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เดิมได้รับบาดเจ็บ จำนวน 14 คน ซึ่งมีกำลังพลสูญเสียเพิ่มเติม โดยเสียชีวิต จำนวน 2 นาย และได้รับบาดเจ็บ จำนวน 20 นาย สรุปยอดกำลังพลได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ตั้งแต่ 8 ธ.ค.68 - ปัจจุบัน บาดเจ็บ จำนวน 34 นาย และเสียชีวิต จำนวน 2 นาย กองทัพภาคที่ 1 ขอยืนยันว่าจะยืนหยัดปฏิบัติงานตามภารกิจ อย่างเต็มกำลังความสามารถ ทั้งนี้ การปฏิบัติการทางทหารจะดำเนินการภายใต้กฎการปะทะและสิทธิในการป้องกันตนเอง จนกว่าภัยคุกคามในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว จะยุติเพื่ออธิปไตยของไทยและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ
///// สุพจน์บดินทร์(จัด) กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์นิวส์24สถานีประชาชน 77จังหวัด  โทร 0953071918









ชมรมมิตรภาพอาเซียนมอบไออุ่นสู่บ้านปางฮ่าง!

  เชียงใหม่, 11 ธันวาคม 2568 - ท่ามกลางลมหนาวที่พัดผ่านยอดดอย ชมรมมิตรภาพอาเซียน ได้สานต่อภารกิจแห่งการแบ่งปัน ด้วยการนำผ้าห่มกันหนาวคุณภาพดีไปมอบให้กับพี่น้องชาวเขาเผ่าลีซู ณ บ้านปางฮ่าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยหนาวที่กำลังมาเยือน

กิจกรรมการมอบไออุ่นในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก พันตำรวจเอก ศุภกช ประธานชมรมมิตรภาพอาเซียน เป็นผู้นำคณะด้วยตนเอง โดยมีพี่น้องชาวเขาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นและคับคั่ง ณ จุดแรกของการแจกจ่าย มีผู้มารับมอบผ้าห่มรวมกว่า 300 ท่าน

บรรยากาศเต็มไปด้วยความปลื้มปีติและรอยยิ้มแห่งความสุข ประธานชมรมฯ ได้กล่าวถึงความตั้งใจของคณะที่ต้องการส่งมอบกำลังใจและความอบอุ่นให้แก่ชุมชนผู้ด้อยโอกาส

 "รอยยิ้มและความสุขของพี่น้องในวันนี้ คือพลังขับเคลื่อนอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา ขอขอบคุณทุกท่านที่มารับมอบและให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น เราหวังว่าผ้าห่มผืนนี้จะช่วยให้ทุกท่านผ่านพ้นฤดูหนาวนี้ไปได้อย่างปลอดภัยและอบอุ่น"

ตัวแทนชาวเขาเผ่าลีซูที่มาร่วมรับมอบ ได้แสดงความขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ

> "พวกเราชาวบ้านปางฮ่างรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งที่ท่านประธานและคณะจากชมรมมิตรภาพอาเซียนไม่ทอดทิ้งพวกเรา การมาถึงของคณะในวันนี้ไม่เพียงแต่นำผ้าห่มมาให้ แต่ยังนำความเมตตาและมิตรภาพอันยิ่งใหญ่มามอบให้ด้วย ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจงดลบันดาลให้คณะทุกท่านประสบแต่ความสุขความเจริญ"

การเดินทางมามอบผ้าห่มในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงพันธกิจของชมรมมิตรภาพอาเซียนในการเชื่อมโยงและส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างผู้คนในภูมิภาค และเป็นเครื่องยืนยันว่า 'การแบ่งปัน' คือพลังที่สามารถสลายความหนาวเย็นใด ๆ ได้อย่างแท้จริง




ทีมข่าว News 24 สถานีประชาชน รายงาน
 

บุรีรัมย์ผู้สูงอายุในศูนย์อพยพผวาเขมรยิงจรวดระยะไกล แนวรบช่องสายตะกูปะทะต่อเนื่องกระสุนปืนใหญ่ตกกว่า 10 ลูก ผู้สูงอายุในศูนย์อพยพที่บุรีรัมย์นอนไม่หลับ ผวาเขมรยิงจรวดระยะไกล เรียกร้องผู้นำสหรัฐฯ –มาเลเซียหยุดแทรกแซง ชี้ไม่เชื่อใจเขมร ขณะแนวรบชายแดนช่องสายตะกูยังยิงปะทะต่อเนื่อง มีรายงานกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่พลเรือนแต่ยังไม่สามารถเข้าตรวจสอบความเสียหายได้ ยังเสี่ยงอันตราย

 (11 ธ.ค.68)  ชาวบ้านที่อพยพหนีภัยสู้รบมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวในตัวจังหวัดบุรีรัมย์   เข้าสู่วันที่ 4 เริ่มมีภาวะเครียดเพราะเป็นห่วงบ้านเรือน  สัตว์เลี้ยง    หนำซ้ำมีกระแสข่าวว่าฝ่ายกัมพูชาจะใช้จรวด PHL-30 ที่มีรัศมียิงระยะไกลกว่า 130 กิโลเมตร ยิงตอบโต้ไทย   ก็ยิ่งทำให้เกิดความกังวลนอนไม่ค่อยหลับ   ต่างเฝ้าติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวสถานการณ์ผ่านโทรศัพท์มือถือตลอด    ขณะที่ผู้อพยพไม่เห็นด้วยกับที่ผู้นำสหรัฐอเมริกา  และมาเลเซีย  จะมีการต่อสายพูดคุยกับ นายอนุทิน   ชาญวีรกูล   นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย   เพื่อเจรจาให้หยุดยิง   มองว่าเป็นปัญหาระหว่างสองประเทศไม่ควรจะเข้ามาแทรกแซง    ทั้งไม่เชื่อใจกัมพูชาว่าจะทำการข้อตกลงหากมีการเจรจา   เพราะที่ผ่านมาไม่เคยทำตาม
 นางบุญมี  ท่าประโคน (เสื้อสีส้ม) และนางคูณ  ท่าประโคน (เสื้อลายขาวดำ)  สองพี่น้องที่อพยพมาจากอำเภอบ้านกรวด  มาอยู่ในศูนย์พักพิง  บอกว่า   อยู่ในศูนย์พักพิงแม้ว่าจะสะดวกสบายทั้งที่พัก อาหารการกิน  แต่ก็เป็นห่วงบ้าน  สัตว์เลี้ยง  และยิ่งมีกระแสข่าวว่ากัมพูชาจะใช้จรวดยิงระยะไกล  ก็รู้สึกกังวลนอนไม่ค่อยหลับ  เพราะไม่รู้ว่าจะไปตกตรงไหน   ส่วนที่ผู้นำสหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย  จะเจรจากับนายกรัฐมนตรีไทยให้หยุดยิงนั้น   ก็ไม่เห็นด้วยเพราะไม่เชื่อใจกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำตามข้อตกลง   และหากจะหยุดตอนนี้ทหารแนวหน้าที่เสียชีวิตก็สูญเปล่า  ที่สำคัญหากไม่จบประชาชานชายแดนก็จะเดือดร้อนอพยพแบบนี้อีกไม่รู้กี่ครั้ง

 ส่วนสถานการณ์ตามแนวรบบริเวณช่องสายตะกู ชายแดนอำเภอบ้านกรวด   จากข้อมูลพบว่ายังมีการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง   และมีรายงานว่ามีกระสุนปืนใหญ่ตกเข้ามาในพื้นที่ชุมชน ในเขตอำเภอบ้านกรวดมากกว่า 10  ลูก   แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบความเสียหายได้   เนื่องจากยังอยู่ในห้วงอันตราย   เพราะยังมีการยิงปะทะต่อเนื่อง   และไม่รู้ว่าวิถีกระสุนจะตกซ้ำจุดเดิมหรือไม่

 ขณะที่ประชาชนในพื้นที่แนวชายแดนทั้งอำเภอบ้านกรวด   และอำเภอละหานทราย ก็ได้อพยพออกจากพื้นที่เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว  ที่เหลือมีเพียงผู้นำชุมชน  ชรบ. และ อส.ที่คอยดูแลความเรียบร้อยและทรัพย์สินให้ประชาชนเท่านั้น   

 ทั้งนี้มีประกาศจากทางราชการให้ประชาชนงดเดินทางเข้าพื้นที่อย่างเด็ดขาด  รวมถึงงดใช้ถนนสาย 224 บ้านกรวด-ละหานทราย และบ้านกรวด-พนมดงรัก  รวมถึงถนนสาย 348 บุรีรัมย์-ตาพระยา ด้วย  เนื่องจากเป็นเส้นทางที่เสี่ยงอันตราย จากการสู้รบ








   สุรชัย    พิรักษา / บุรีรัมย์

“เชียงราย”ตม.เชียงรายรับคนไทยจากเมียนมาร์กลับพื้นที่4คนพบมีหมายจับยาเสพติดรายสำคัญ”

 เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 เวลา 11.30 น. ณ.สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่สอง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยการอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. , พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.สราวุธ คนใหญ่ ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5  มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ เทียนทอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย , พ.ต.ท.ตุลย์วรรษ ณรงค์ศักดิ์,พ.ต.ท.วิชัย ปันนา,พ.ต.ท.ภัทรพงศ์ ชูชื่น สว.ตม.จว.เชียงราย ร่วมกันรับตัวบุคคลสัญชาติไทย พ้นโทษตามคำพิพากษาศาลประเทศเมียนมา จากเจ้าหน้าที่ ตม.จว.ท่าขี้เหล็ก จำนวน 4 ราย โดยจากการตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ระบบสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(POLIS) ระบบสารสนเทศสถานีตำรวจ(CRIMES) และระบบศูนย์ข้อมูลอาชญากรรม(PDC) ทราบชื่อดังนี้

1.นายวิรัตน์ ท้าวอุดม   อายุ 37 ปี สัญชาติไทย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่  ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในความผิดฐาน“จำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มของประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาต”นำส่ง สภ.แม่โป่ง

2.นางสาวธนิดา พวงเงิน อายุ 28 ปี สัญชาติไทย อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี   ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ ในความผิดฐาน“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริต และร่วมกันนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเป็นผู้เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้องฯ”นำส่ง สภ.เก้าเลี้ยว

3.นายพลชนะ พงษ์ทอง อายุ 33 ปี สัญชาติไทย อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์  ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุตรดิตถ์

ในความผิดฐาน“จำหน่ายโดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มของประชาชน กระทำโดยมีอาวุธ และเป็นการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”นำส่ง สภ.ด่านแม่คำมัน

4.นายเชิดชัย ภู่เจริญ อายุ 38 ปี อ.เมืองพิจิตร จ.พิจิตร ไม่มีหมายจับแต่อย่างใด

        จากการตรวจสอบสองในสามของผู้ต้องหาเป็นผู้ต้องหาของปปส.ที่ทางการไทยต้องการตัว

        จากนั้น เจ้าหน้าที่งานสืบสวนปราบปราม และงานตรวจบุคคลและพาหนะ ตม.จว.เชียงราย ได้ร่วมกันนำตัวบุคคลดังกล่าวมาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป







 ภาพ/ข่าง สหรัฐ แก้วตา/หัวหน้าศูนย์/รายงาน

บุรีรัมย์ปศุสัตว์มอบฟางพระราชทานให้เกษตรกรพื้นที่เสี่ยงภัยสงครามใน 2 ตำบล ปศุสัตว์จังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับ อ:บ้านกรวด นำหญ้าอาหารสัตว์พระราชทานฯ ไปแจกจ่ายให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ ที่ขาดแคลนในพื้นที่เสี่ยงภัยสงคราม 2 ตำบล หลังไม่สามารถนำโค-กระบือไปเลี้ยงได้ หวั่นเกิดอันตรายจากระเบิดและกระสุนปืนใหญ่

  (9 ธ.ค.68)  สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดบุรีรัมย์   พร้อมด้วยอำเภอบ้านกรวด  ได้นำหญ้าอาหารสัตว์ฟางอัดฟ้อน กว่า 200 ฟ่อน ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงห่วงใยเกษตรกรผู้เลี้ยง โค-กระบือ ในพื้นที่เสี่ยงภัยสงครามที่ขาดแคลนหญ้าอาหารสัตว์ในเขต 2 ตำบล มีตำบลสายตะกู และตำบลจันทบเพชร อ.บ้านกรวด  จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 40 ราย เพื่อนำไปเลี้ยงสัตว์ได้คลายความเดือดร้อนในช่วงนี้จากการสำรวจในตำบลจันทบเพชร มีโคอยู่ 1,655 ตัว  มีกระบืออยู่ 248 ตัว ส่วนตำบลสายตะกู มีโคอยู่ 2,107 ตัว และมีกระบืออยู่ 495 ตัว   ส่วนที่ยังขาดแคลนอีกจำนวนมากนั้นทางกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรฯ จะได้จัดหาหญ้าอาหารสัตว์และฟางอัดฟ่อน  มาแจกจ่ายให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ ให้ทั่วถึงเพื่อคลายความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรในเขตพื้นที่เสี่ยงภัยสงครามได้เพียงพอต่อไป
 นายจตุพร   แถวประโคน  เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนขาดแคลนอาหารสัตว์โค-กระบือในช่วงภาวะสงคราม  กล่าวว่า  ในช่วงนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือในหมู่บ้าน ได้ไปลี้ภัยที่ศูนย์พักพิงต่างๆและลี้ภัยอยู่ตามบ้านญาติทั้งในและต่างจังหวัดและได้ปล่อยโค-กระบือไว้ที่บ้าน  ซึ่งทั้งหมู่บ้านมีมากกว่า 50 ตัว ช่วงนี้ไม่สามารถนำไปเลี้ยงข้างนอกได้  ต้องผูกไว้ในคอกเพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย  หากมีปืนใหญ่ตก  ทำให้ประสบปัญหาขาดแคลนหญ้าอาหารสัตว์  ก็ขอบคุณที่ทางปศุสัตว์นำหญ้ามาแจกต่อเนื่อง  เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อแค่ไหน



    สุรชัย    พิรักษา / บุรีรัมย์

บุรีรัมย์ปะทะเดือด BM21 ตกหมู่บ้านเดียว 12 ลูกต้นยางหักขาดนับสิบทหาร เทศบาลลงพื้นที่ตรวจสอบ ชายแดนช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์ ปะทะเดือด BM21 ตกในพื้นที่ชุมชนหมู่บ้านเดียว 12 ลูก ต้นยางหักขาดเสียหายหลายสิบต้น ทหารกองทัพภาค 2 พร้อมเทศบาล และนักข่าวต่างประเทศ ตรวจสอบจุดระเบิดตกและสภาพความเสียหาย ขณะตรวจสอบมีกระสุนปืนใหญ่ตกซ้ำใกล้จุดเดิมต่างวิ่งหลบโกลาหล ล่าสุดประกาศอพยพเพิ่มอีก 2 อำเภอ มีรายงานพบทหารเขมรปลอมตัวเป็นพระแฝงตัวในพื้นที่ จนท.เร่งติดตามตัว

(11 ธ.ค.68)  สถานการณ์ในพื้นที่แนวชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์  ยังมีการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน  ล่าสุดมีจรวดหลายลำกล้อง BM21 ตกกระจายรอบชุมชนแนวชายแดน หมู่บ้านเดียวเพิ่มอีก 9 ลูก  จากเมื่อวานนี้มีกระสุนปืนใหญ่ตก 3 ลูก รวม 2 วันจำนวน 12 ลูก   โดยกระสุนปืนใหญ่ที่ตกในพื้นที่ทำให้ต้นยางพาราของเกษตรกรในพื้นที่ได้รับความเสียหายหลายสิบต้น  และมีรายงานกระจกบ้านเรือนประชาชนแตกร้าวด้วย   แต่อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายอีกครั้ง   ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดของชาวบ้านก็สามารถบันทึกเสียงปืนใหญ่ที่ยิงปะทะกันต่อเนื่อง 

ขณะที่นายธีระศักดิ์   บุญด้วง   นายกเทศมนตรีตำบลจันทบเพชร  อำเภอบ้านกรวด  พร้อมด้วยนายเจริญชัย    วงค์มณฑล   รองนายกเทศมนตรีตำบลจันทบเพชร  ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 2 รวมทั้งสื่อมวลชนต่างประเทศ  ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่ระเบิดตกในชุมชนและสภาพความเสียหาย   ขณะเจ้าหน้าที่และสื่อต่างประเทศลงพื้นที่ตรวจสอบจุดกระสุนปืนใหญ่ตกในชุมชน   ก็มีกระสุนปืนใหญ่ตกใกล้จุดเดิมเสียงดังสนั่น

ทั้งเจ้าหน้าที่และสื่อต่างประเทศที่กำลังบันทึกภาพความเสียหาย  ต่างวิ่งหลบกันอย่างโกลาหล     อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีรายงานพลเรือนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตแต่อย่างใด 

นายเจริญชัย    วงค์มณฑล   รองนายกเทศมนตรีตำบลจันทบเพชร  ระบุว่า  ตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.68  ได้มีการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง  และมีกระสุนปืนใหญ่ตกเข้ามาในพื้นที่รอบชุมชนแนวชายแดน 2 วันติดต่อกันรวม 12 ลูก ทำให้ต้นยางพาราของเกษตรกรได้รับความเสียหาย  ส่วนบ้านเรือนยังอยู่ระหว่างการสำรวจ   ซึ่งในพื้นที่ได้มีการอพยพประชาชนออกเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์เหลือเพียงเจ้าหน้าที่  ผู้นำชุมชน และ ชรบ.ที่คอยดูแลความเรียบร้อยในหมู่บ้านเท่านั้น   ส่วนที่มีข่าวว่าผู้นำสหรัฐ และมาเลเซีย จะเจรจากับผู้นำไทยให้หยุดยิงนั้น    ส่วนตัวก็ไม่อยากให้เข้ามาแทรกแซง   เพราะเป็นความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ  ควรจะให้แก้ปัญหากันเอง    ถึงแม้จะเจรจาก็ไม่เชื่อใจกัมพูชาปัญหาก็จะเรื้อรังไปจนรุ่นลูกหลานอีก  ก็อยากให้ดำเนินการให้จบๆ ไปเลย

ทีมข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์ที่ทหารไทยและกัมพูชายังปะทะกันอย่างดุเดือด  และแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น  ล่าสุดก็มีคำสั่งให้อพยพเพิ่มอีก 2 อำเภอ คือ  อำเภอประโคนชัย ประกอบด้วย ตำบลเขาคอก , ตำบลหนองบอน และตำบลละเวี้ย  สำหรับอำเภอเฉลิมพระเกียรติอพยพประชาชนในตำบลยายแย้ม  และตำบลถาวร  แม้ทั้ง 2 อำเภอจะอยู่ห่างจากแนวชายแดนที่มีการสู้รบกัน 40 – 50 กิโลเมตร แต่ก็ได้ยินเสียงปืนใหญ่ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยก็ต้องให้อพยพออกจากพื้นที่   

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าพบผู้ต้องหาสงสัย   น่าจะเป็นทหารกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระภิกษุแฝงตัวเข้ามาในพื้นที่ชายแดน   อาจจะเข้ามาชี้พิกัดให้กับฝ่ายกัมพูชา   เจ้าหน้าที่ก็กำลังเร่งตรวจสอบและติดตามตัว













 สุรชัย   พิรักษา  / บุรีรัมย์