วันนี้ (1 ธันวาคม 2568) พล.ต.ต.จตุรภัทร์ ภิรมย์แก้ว ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเดินหน้ายกระดับมาตรฐานการบังคับใช้กฎหมายสู่สากล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ส่งคณะผู้แทนระดับสูง นำโดย พล.ต.ท.อุดร ยอมเจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรวัฒน์ อมรวิวัตน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล, ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่กองการต่างประเทศ เป็นผู้แทนประเทศไทย เข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่องค์การตำรวจสากล (INTERPOL General Assembly) ครั้งที่ 93 ระหว่างวันที่ 24 - 27 พฤศจิกายน 2568 ณ เมืองมาราเกช ราชอาณาจักรโมร็อกโก มุ่งเน้นวาระสำคัญด้านความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติกับมิตรประเทศ โดยมี Mr. Abdellatif Hammouchi อธิบดีกรมความมั่นคงแห่งชาติโมร็อกโก เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยประธานและเลขาธิการองค์การตำรวจสากล โดยมีผู้แทนองค์กรตำรวจจาก 170 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วม เพื่อกำหนดทิศทางความมั่นคงปลอดภัยของโลกร่วมกัน

สำหรับวาระสำคัญที่คณะผู้แทนไทยได้เข้าร่วมพิจารณาและผลักดันในการประชุมครั้งนี้ ประกอบด้วยประเด็นที่มีนัยสำคัญต่อความมั่นคงของไทยและโลก ได้แก่ 

1. การกำหนดทิศทางยุทธศาสตร์ตำรวจโลก : จากนโยบายของเลขาธิการใหญ่ INTERPOL และร่วมเปิดตัว "ศักยภาพการบังคับใช้กฎหมายระดับโลก" (Global Law Enforcement Capabilities) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อต้านอาชญากรรมยุคใหม่

2. ความหวังใหม่ในการช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม : การติดตามรายงานความคืบหน้าโครงการ Silver Notice และ Silver Diffusion ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ที่มุ่งเน้น "การติดตามและกู้คืนทรัพย์สิน" (Asset Recovery) จากการกระทำผิด ซึ่งถือเป็นวาระเร่งด่วนที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและฟอกเงิน เพื่อนำทรัพย์สินคืนสู่ผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด

3. มาตรฐานข้อมูลระดับสากล: การพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการควบคุมแฟ้มข้อมูล (CCF) เพื่อให้มั่นใจว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลอาชญากรระหว่างประเทศมีความถูกต้อง รวดเร็ว และเคารพสิทธิมนุษยชน

4. การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ : การรับรองระเบียบวาระ, การตั้งคณะกรรมการเลือกตั้ง และพิจารณาข้อตกลงด้านเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจข้ามพรมแดนมีความคล่องตัวสูงสุด

นอกจากเวทีประชุมหลัก คณะผู้แทนตำรวจไทยยังได้ใช้โอกาสนี้ในการหารือทวิภาคี (Bilateral Meetings) กับประเทศพันธมิตรสำคัญ เช่น ออสเตรเลีย ศรีลังกา ตุรกี อินเดีย และองค์การตำรวจยุโรป (Europol) ฯลฯ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเชิงลึกในการปราบปรามองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งจะนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ในการจับกุมผู้กระทำผิดที่หลบหนีเข้ามาในไทย หรือหนีจากไทยไปต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเป็นหุ้นส่วนความมั่นคงที่สำคัญในเวทีโลก พร้อมนำเทคโนโลยีและเครือข่ายความร่วมมือสากลกลับมาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชนไทยอย่างยั่งยืน



 

แสดงความคิดเห็น