สำหรับวาระสำคัญที่คณะผู้แทนไทยได้เข้าร่วมพิจารณาและผลักดันในการประชุมครั้งนี้ ประกอบด้วยประเด็นที่มีนัยสำคัญต่อความมั่นคงของไทยและโลก ได้แก่
1. การกำหนดทิศทางยุทธศาสตร์ตำรวจโลก : จากนโยบายของเลขาธิการใหญ่ INTERPOL และร่วมเปิดตัว "ศักยภาพการบังคับใช้กฎหมายระดับโลก" (Global Law Enforcement Capabilities) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อต้านอาชญากรรมยุคใหม่
2. ความหวังใหม่ในการช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม : การติดตามรายงานความคืบหน้าโครงการ Silver Notice และ Silver Diffusion ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ที่มุ่งเน้น "การติดตามและกู้คืนทรัพย์สิน" (Asset Recovery) จากการกระทำผิด ซึ่งถือเป็นวาระเร่งด่วนที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและฟอกเงิน เพื่อนำทรัพย์สินคืนสู่ผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด
3. มาตรฐานข้อมูลระดับสากล: การพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการควบคุมแฟ้มข้อมูล (CCF) เพื่อให้มั่นใจว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลอาชญากรระหว่างประเทศมีความถูกต้อง รวดเร็ว และเคารพสิทธิมนุษยชน
4. การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ : การรับรองระเบียบวาระ, การตั้งคณะกรรมการเลือกตั้ง และพิจารณาข้อตกลงด้านเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจข้ามพรมแดนมีความคล่องตัวสูงสุด
นอกจากเวทีประชุมหลัก คณะผู้แทนตำรวจไทยยังได้ใช้โอกาสนี้ในการหารือทวิภาคี (Bilateral Meetings) กับประเทศพันธมิตรสำคัญ เช่น ออสเตรเลีย ศรีลังกา ตุรกี อินเดีย และองค์การตำรวจยุโรป (Europol) ฯลฯ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเชิงลึกในการปราบปรามองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งจะนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ในการจับกุมผู้กระทำผิดที่หลบหนีเข้ามาในไทย หรือหนีจากไทยไปต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเป็นหุ้นส่วนความมั่นคงที่สำคัญในเวทีโลก พร้อมนำเทคโนโลยีและเครือข่ายความร่วมมือสากลกลับมาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชนไทยอย่างยั่งยืน






แสดงความคิดเห็น