ยังไม่ทันหย่อนบัตร แต่ตั้งรัฐบาลกันแล้ว! การเมืองไทยเปิดศึกแบ่งขั้วอำนาจ ก่อนประชาชนได้ตัดสิน


 ต๊ะ ชยภัทร อดีตโฆษกพรรคการเมืองและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ชี้การเมืองไทยกำลังเดินเกม “จัดตั้งรัฐบาลล่วงหน้า” ด้วยวาทกรรม แบ่งขั้ว และปิดประตูทางเลือกของประชาชน ทั้งที่ยังไม่มีการเลือกตั้ง ไม่มีผลคะแนน แต่บางพรรคกลับเลือกแล้วว่าจะร่วมกับใครหรือไม่ร่วมกับใคร สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของอำนาจ ที่อาจทำให้เสียงประชาชนถูกลดความหมายตั้งแต่ยังไม่เข้าคูหา


เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2568

ต๊ะ ชยภัทร อดีตโฆษกพรรคการเมือง และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์บทความวิเคราะห์การเมืองไทยอย่างดุเดือด ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Taa Chayaphat” ภายใต้หัวข้อ

 “ยังไม่ทันหย่อนบัตร แต่ตั้งรัฐบาลกันแล้ว! การเมืองไทยเปิดศึกห้ำหั่น แบ่งขั้วอำนาจก่อนประชาชนตัดสิน”


ต๊ะ ชยภัทร ระบุว่า แม้ประเทศยังไม่มีการเลือกตั้ง ยังไม่มีผลคะแนน

แต่การเมืองไทยกลับเร่ง “ตั้งรัฐบาลด้วยวาทกรรม” ไปก่อนแล้ว

ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่สร้างแรงกดดันทั้งด้านความมั่นคงและความเชื่อมั่นของประเทศ เวทีการเลือกตั้งกลับร้อนแรงยิ่งกว่า เมื่อพรรคการเมืองใหญ่ต่างเร่งเปิดตัวผู้สมัครครบ 400 เขต + 100 บัญชีรายชื่อ พร้อมดันแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีออกมาแสดงวิสัยทัศน์ ราวกับชัยชนะอยู่แค่เอื้อมมือ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เด่นชัดกว่านโยบายกลับไม่ใช่เนื้อหาการบริหารประเทศ

แต่คือ การแบ่งค่าย แบ่งขั้ว และปักธงศัตรูทางการเมือง ตั้งแต่การแข่งขันยังไม่เริ่ม

กรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทย ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะ

“ไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาชนเด็ดขาด”

โดยยกประเด็น มาตรา 112 ขึ้นมาเป็น “กำแพงการเมือง” เพื่อแยกฝ่าย 


"ต๊ะ ชยภัทร" มองว่า นี่ไม่ใช่เพียงการประกาศจุดยืน แต่คือการส่งสัญญาณไปยังชนชั้นอำนาจเดิมว่า

“ผมอยู่ฝั่งคุณ”

พร้อมทั้งเป็นการบอกประชาชนโดยนัยว่า เสียงบางเสียงจะไม่มีวันถูกเชิญเข้าสู่ห้องอำนาจ


ขณะเดียวกัน พรรคประชาชนไม่ปล่อยให้เกมนี้ถูกกำหนดฝ่ายเดียว

เมื่อ ณัฐพงษ์ เท้ง ออกมาสวนกลับว่า

“การเลือกตั้งครั้งนี้ คือการแข่งขันจัดตั้งรัฐบาล ระหว่าง ‘รัฐบาลประชาชน’ กับ ‘รัฐบาลภูมิใจไทย’”


"ต๊ะ ชยภัทร" วิเคราะห์ว่า ประโยคดังกล่าวไม่ใช่แค่การตอบโต้ทางการเมือง แต่คือการ “ฉีกหน้ากากการเมืองไทย” ที่ทำให้เห็นชัดว่าการเลือกตั้งรอบนี้อาจไม่ใช่การแข่งนโยบาย แต่คือการแข่งขันว่า ใครจะเป็นเจ้าของอำนาจรัฐ

ฝ่ายหนึ่งขายคำว่า “เสถียรภาพ”

อีกฝ่ายขาย “การเปลี่ยนแปลง”

แต่คำถามสำคัญที่ถูกโยนกลับมาหาประชาชนคือ

เสถียรภาพนั้นเพื่อใคร

และการเปลี่ยนแปลงนั้น เพื่อประชาชนจริง หรือแค่เปลี่ยนคนคุมเกม

ในขณะที่พรรคการเมืองบางพรรคเลือกยืนดูเชิง เพื่อรอต่อรองหลังการเลือกตั้ง

ประชาชนกลับถูกบีบให้ “เลือกข้างล่วงหน้า”

ทั้งที่สิทธิ์ในการตัดสินใจยังไม่ถูกใช้แม้แต่ใบเดียว


"ต๊ะ ชยภัทร" สรุปว่า

การเมืองไทยวันนี้น่ากลัว ไม่ใช่เพราะความขัดแย้ง

แต่น่ากลัวเพราะ อำนาจกำลังถูกจัดสรรก่อนประชาชนจะได้พูด

เมื่อยังไม่เลือกตั้ง

แต่บางพรรคกลับเลือกแล้วว่าจะจับมือกับใคร และไม่จับมือกับใคร

คำถามสุดท้ายจึงไม่ใช่

“ใครเหมาะเป็นนายกรัฐมนตรี”

แต่คือ

“ประชาชนยังมีสิทธิ์กำหนดเกมอยู่หรือไม่?”

ใหม่กว่า เก่ากว่า