ที่ประชุมมีมติเลือก นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ เป็นหัวหน้าพรรค นายนันทวิชช์ วรรณเสน เลขาธิการพรรค น.ส.ปุณยวีร์ เต็มเจริญ เหรัญญิกพรรค และ นายกร โอสถานุเคราะห์ นายทะเบียนพรรค ส่วนกรรมการบริหารพรรคประกอบด้วย นายบุญธร อุปนันท์ นายศุรศักดิ์ คันธพรสิริ และน.ส.วีระนุช ธีระภูธร ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการพรรคด้วย
ด้านทีมโฆษกพรรค ได้แก่ นายประสิทธิชัย หนูนวล โฆษกพรรค นายอริญชัย กาวิกุล รองโฆษกพรรค และ น.ส.ศรัณย์รัชต์ อัศววงศ์ธาดา รองโฆษกพรรค และว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม. เขต 32 พร้อมเปิดตัว นายภัทรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์ ว่าที่ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ
ไฮไลต์สำคัญ พรรคเป็นธรรมประกาศเปิดตัว 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้แก่ นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ น.ส.ปุณยวีร์ เต็มเจริญ น.ส.มนต์วลี พันธโนทัย พร้อมชูสโลแกนพรรค “ประชาธิปไตยที่เป็นธรรม”
นายปิติพงศ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเป็นธรรมจะมี สส.มากกว่าหนึ่งคน ทั้งระบบบัญชีรายชื่อและระบบเขต หลังจากเริ่มต้นจากศูนย์ในการเลือกตั้งปี 2566 วันนี้พรรคมีความพร้อมมากขึ้น และตั้งเป้าเป็นฝ่ายบริหารเพื่อ “สร้างงาน สร้างโอกาส” ให้ประชาชน ด้วยนโยบายที่ชัดเจนและจับต้องได้พร้อมย้ำบทบาทคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ ดร.นันทวิชช์ วรรณเสน เลขาธิการพรรค ซึ่งจะลงสมัคร สส.ขอนแก่น เขต 4 เป็นคนทำงานพื้นที่จริง ขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ด้านวัฒนธรรมไทยอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับนโยบายพรรค นายปิติพงศ์ระบุว่า พรรคเป็นธรรมยึดหลักการ 6 ประการ คือ 1.อำนาจต้องไม่อยู่เหนือหลักการ 2.การบริหารต้องออกจากเกมการเมือง 3.ใช้ความสามารถเป็นตัวตั้ง 4.ระบบตรวจสอบถ่วงดุลต้องทำงานจริง 5.การเมืองต้องรักษาคำพูด 6.ปฏิเสธการเมืองสีเทาและการทุจริตทุกรูปแบบ
ขณะที่นโยบายหลักตั้งอยู่บน 3 เสาหลัก คือ ความมั่นคงด้านอาหาร ความมั่นคงของผู้คน และความมั่นคงของสังคม โดยย้ำว่า ประเทศจะมั่นคงไม่ได้ หากกฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ และการเมืองยังถูกครอบงำด้วยเงินเทาและอำนาจนอกระบบ
นอกจากนี้ พรรคเป็นธรรมยังประกาศความร่วมมือกับ มูลนิธิอิมมานูเอล ประเทศไทย (IMF) ในการขับเคลื่อนการปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการช่วยเหลือเหยื่อสแกมเมอร์
เมื่อถูกถามถึงสถานะพรรคเล็ก นายปิติพงศ์ย้ำว่า พรรคไม่ได้ต่อสู้กับพรรคใหญ่ แต่เสนอตัวเป็น “ทางเลือกที่ยืนบนหลักการ” พร้อมร่วมรัฐบาลกับพรรคใดก็ตามที่เห็นคุณค่า โดยมั่นใจว่าพรรคเป็นธรรมคือพรรคการเมืองที่ขาวสะอาดและทำงานเพื่อประชาชนจริง
ส่วนเป้าหมายจำนวน สส. คาดว่าจะได้อย่างน้อย ราว 5 ที่นั่ง ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อ โดยเชื่อมั่นในพื้นที่ขอนแก่นเป็นหลัก พร้อมย้ำจุดขายสำคัญคือ การเมืองตรงไปตรงมา ไม่ซื้อเสียง ไม่เล่นเกมอำนาจ และให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง







แสดงความคิดเห็น