บช.ปส. ทลายเครือข่าย "Black Mirror TKP" หลังเปิดบริษัทบังหน้ารับฟอกเงิน พบผู้สมัคร สส.กทม.พรรคดังมีชื่อเป็นหุ้นส่วนบริษัท

  วันที่ 29 ธ.ค.2568 เวลา 11.00 น ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เขตหลักสี่ กทม. พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ปส.เป็นประธานแถลงผลการปฏิบัติการหลายวัง เครือข่าย "Black Mirror TKP" พร้อมด้วย นายคณิศร ภาพรนนท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส., พ.อ.พจฤทธิ์ รอบคอบ ผอ.สปส.ศปป.2 กอ.รมน. และ Miss Becky Kuo Taiwan Police Liaison Officer in Thailand เข้าร่วมฯเพื่อตอกย้ำ ความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปฏิบัติการ “ต้องชนะยาเสพติด” ให้ได้อย่างเด็ดขาด ศอ.ปส.ตร. โดย บช.ปส. จึงได้เดินหน้าเปิด ปฏิบัติการเชิงรุกอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อสกัดกั้นและทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญทั้งในประเทศและเครือข่ายข้ามชาติ ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มพัฒนาและเปลี่ยนรูปแบบการลักลอบค้ายาเสพติดในช่องทางใหม่ ทำให้การต่อสู้กับยาเสพติดยิ่งทวีความซับซ้อนและท้าทายมากขึ้น
ทั้งการเดินหน้าเชิงรุกในทุกมิติ ทั้งการปิดล้อม ตรวจค้น สืบสวน ขยายผล ปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดทั้งในและนอกประเทศ พร้อมยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำลายโครงข่ายทางการเงินของขบวนการอย่างเด็ดขาด เพื่อตอกย้ำ ความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปฏิบัติการ “ต้องชนะยาเสพติด” ให้ได้อย่างเด็ดขาด ศอ.ปส.ตร. โดย บช.ปส. จึงได้เดินหน้าเปิด ปฏิบัติการเชิงรุกอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อสกัดกั้นและทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญทั้งในประเทศและเครือข่ายข้าม ชาติ ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มพัฒนาและเปลี่ยนรูปแบบการลักลอบค้ายาเสพติดในช่องทางใหม่ ทำให้การต่อสู้กับยาเสพติดยิ่งทวี ความซับซ้อนและท้าทายมากขึ้น
 พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ปส. จึงได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการในสังกัดเพิ่ม ความเข้มข้นในการสืบสวน ขยายผล และเปิดปฏิบัติการเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บช.ปส. ได้ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ส. สำนักงาน ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดปฏิบัติการเชิงรุกในการปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดและการฟอกเงินรายสำคัญ ภายใต้ปฏิบัติการทลายรัง เครือข่าย "Black Mirror TKP” ซึ่งเป็นเครือข่ายการค้ายาเสพติด ซึ่งเปิดบริษัทบังหน้าใช้เป็นช่องทาง รับ-โอนเงินค่ายาเสพติด มีกลุ่มเครือข่ายที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติ มีทรัพย์สินและเงินหมุนเวียนนับหมื่นล้านบาท

 ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ก.พ.68 กองร้อยทหารพรานที่ 2101 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ทำการจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติ ลาว จำนวน 3 ราย ได้แก่ ท้าวพง, ท้าวลี่ และท้าวดำ ได้ที่บริเวณบ้านปากห้วยม่วง ต.นาเข อ.บ้านแพง จ.นครพนม พร้อมของ กลางไอซ์น้ำหนักประมาณ 658 กิโลกรัม ยาบ้า 116,000 เม็ด เรือกีบหางยาว 2 ลำ และรถตู้ 1 คัน ซึ่งใช้เป็นพาหนะลำเลียง ยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนเข้าสู่พื้นที่ดอนในของประเทศ จากนั้น บช.ปส.ได้สืบสวนขยายผลเรื่อยมาพบว่ากลุ่มเครือข่าย ดังกล่าวใช้เส้นทางการเงินจากการค้ายาเสพติดเชื่อมโยงผ่าน บริษัท ทีเคพี ฯ เกี่ยวเนื่องกัน อีก 7 คดี ดังนี้ 

(1) เมื่อวันที่ 18 มี.ค.68 บช.ปส. สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 3 ราย ได้แก่ นายจีระพงษ์, นายเอกภพ และ น.ส.ขนิษฐา พร้อมของกลางคีตามีน น้ำหนักประมาณ 199 กิโลกรัม และรถยนต์ 2 คัน ภายในห้องพักของรีสอร์ทในพื้นที่ อ.เอราวัณ จ.เลย และขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มจำนวน 2 คน ซึ่งเป็นผู้สั่งการ 

(2) เมื่อวันที่ 9 พ.ค.68 บช.ปส. จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายสิทธิศักดิ์ และนายกฤษฎา พร้อมของกลางยาบ้า 196,000 เม็ด และรถยนต์ 2 คัน โดยขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่โอนเงินตนเองผ่านบัญชีบริษัท ทีเคพี ฯ ได้อีก 2 ราย คือ นายณัฐพงษ์ และนายกิตติศักดิ์

 (3) เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.68 ตำรวจ สภ.ห้วยไร่ จ.แพร่ จับกุมนายอารีย์ พร้อมของกลางยาบ้า 10,000,000 เม็ด 

(4) เมื่อวันที่ 19 พ.ค.67 ตำรวจ สภ.วังสะพุง จวเลย จับกุม นายวิเชียร พร้อมของกลาง ยาบ้า 60,000 เม็ด 

(5) เมื่อวันที่ 8 ถ.ค.67 ศุลกากรได้หวัน ตรวจยึดพัสดุทุกซ่อนเฮโรอีน ในขวดโลชั่น น้ำหนัก 3.23 กก. ที่ได้หวัน ซึ่งถูกส่งจากต้นทาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย

 (6) เมื่อวันที่ 6 เม.ย.68 ตำรวจ สปพ.(191) จับกุม นายนพดล หรือตล พร้อมของกลาง ยาบ้า 10,000,000 เม็ด

 (7) เมื่อวันที่ 10 พ.ย.68 ตำรวจ สภ.บ้านคู่ ภ.จ.เชียงราย จับกุมผู้ต้องหา 5 คน พร้อมของกลาง ยาบ้า 10,000,000 เม็ด

 การขยายผลดังกล่าว พบการเชื่อมโยงทางการเงินกับอีก 3 บริษัท หมุนเวียนนับหมื่นล้านบาท ประกอบด้วย บริษัท เอ็มทีซี, บริษัท ทีเคพี ปิโตรเลียมฯ และบริษัท มาสเตอร์ เทรดฯ จึงได้ประสานข้อมูลกับ สำนักงาน ปปง. พบข้อมูลรายการเดิน บัญชีของกลุ่มบริษัทฯ ดังกล่าว มีลักษณะเป็นการทำธุรกรรม และขยายผลเชิงลึกในครั้งนี้ บช.ปล. ได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับในข้อหา “ร่วมกันฟอกเงินฯ” มีลักษณะเป็นการทำธุรกรรม ซึ่งต้องสงสัยว่ามีความเกี่ยวพันกันในหลายท้องที่ จากการสืบสวน กรรมการและผู้ถือหุ้น รวม 7 ราย และในวันนี้ 29 ธ.ค.68 (เวลา 06.00 น.) จึงได้เปิดปฏิบัติการ ปิดล้อมตรวจค้นทลายรังเครือข่าย "Black Mirror TKP" พร้อมกัน 22 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร,นนทบุรี,ปทุมธานี ,ลพบุรี และตรัง สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาฟอกเงิน ได้ 4 คน และตรวจยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่าย อาทิ เงินสด 1,562,000 บาท, ทองคำ น้ำหนักรวม 43 บาท (655 กรัม), บ้าน พร้อมที่ดิน 8 หลัง, อาคารขุด 12 ห้อง, รถยนต์ รวม 6 คัน, รถจักรยานยนต์ 1 คัน, อาวุธปืน 18 กระบอก และโฉนดที่ดิน 1 แปลง ฯลฯ อายัดเงินในบัญชี 30 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์ 246,604,500 บาท

  โดยพล.ต.ท.อาชยนฯ ได้กล่าวว่า เครือข่าย "Black Mirror TKP” นี้เป็นเครือข่ายที่ลักลอบค้ายาเสพติดทั้ง ในประเทศและ ต่างประเทศ มีผู้ร่วมขบวนการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เปิดบริษัทบังหน้าเพื่อฟอกเงินจากการค้ายาเสพติด ซึ่งในเครือข่ายนี้ สามารถตรวจยึดยาบ้าได้รวม 30.37 ล้านเม็ต, ไอซ์ 658 กิโลกรัม, เฮโรอีน 3.23 กิโลกรัม และคีตามีน 199 กิโลกรัม ผู้ต้องหารวม 24 คน ทรัพย์สินหมุนเวียนนับหมื่นล้านบาท ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการลตระดับ อิทธิพลของกลุ่มอาชญากร และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ในส่วนของผู้ต้องหาที่เป็นผู้สมัคร สส.กทม. พรรคการเมืองหนึ่งนั้น เป็นเรื่องจริงเพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส. ดำเนินการสืบสวนมามานกว่า1ปีและการขอหมายจับเป็นไปตามพยานหลักฐาน ซึ่งผู้ต้องหาก็มีสิทธิที่จะต่อสู้ทางกฏหมาย"

                          โดยเมื่อเวลา 06:00 น. วันที่29 ธ.ค. 2568  บช.ปส. ได้ปล่อยแถวกำลังพลเปิดปฏิบัติการ Black Mirror TKP ตรวจค้นและทลายเครือข่ายค้ายาเสพติด  โดยได้ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี รวมจำนวนกว่า 120 นาย โดยหนึ่งในจุดที่เข้าค้น คือบริเวณบ้านหรูหลังหนึ่งซึ่งอยู่ในพื้นที่แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน ซึ่งจุดดังกล่าวสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 2 ราย เป็นสามีชาวไทยและภรรยาชาวลาว พร้อมของกลางเป็นรถยนต์หรู 2 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน เงินสดมูลค่า 1 ล้านบาท อาวุธปืนสั้น 11 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง อาวุธปืนยาว 5 กระบอก และตุ๊กตาหรู 3 ตัว ขณะเดียวกันยังพบว่า หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ เป็นผู้สมัคร สส.เขต 33 เขตบางพลัดและบางกอกน้อย ยกเว้นแขวงศิริราช สังกัดพรรคการเมืองชื่อดังพรรคหนึ่ง ซึ่งทางตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเชิงลึกจนพบว่า มีพยานหลักฐานทั้งเรื่องของเส้นทางการเงินที่รับเงินจากเครือข่ายดังกล่าวเป็นรายเดือนและผู้ต้องหาสามีภรรยายอมรับว่า ให้เงินกับนักการเมืองรายนี้ จึงนำมาสู่การเสนอหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับ 

                 ต่อมาพล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. ได้เดินทางมาบ้านหลังดังกล่าวได้กล่าวชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ปฏิบัติ หน้าที่ด้วยความเสียสละและความมุ่งมั่น ในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง พร้อมเน้นย้ำว่าปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นผลลัพธ์จากการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการขจัดภัยยาเสพติดแบบ ง ในการขจัดภัยยาเสพติดแบบ “ขุดรากถอนโคน” เพื่อร่วมกันปกป้อง สังคมไทยจากภัยร้ายของยาเสพติดอย่างยั่งยืน ถือเป็นภาพสะท้อนถึงความตั้งใจจริง ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเป็นระบบและยั่งยืน สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ขับเคลื่อนมาตรการเชิงรุก ในทุกมิติ ทั้งการสืบสวน ปิดล้อม ตรวจค้น และขยายผลจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติด พร้อมยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำลายโครงสร้างทางการเงินของขบวนการให้ถึงที่สุด

ใหม่กว่า เก่ากว่า