วันที่ 4 ธันวาคม 2568 เวลา 11.30 น.ที่ สน.ห้วยขวาง เขตดินแดง กทม. พ.ต.อ.ศรศักดิ์ ทองมี ผกก.สน.ห้วยขวาง พร้อมด้วยชุดสืบสวนสน.ห้วยขวาง ร่วมกันจับกุมนายจิรภัทร อายุ 20 ปี น.ส.สุดารัตน์ อายุ 26 ปี น.ส.ผกาวัลย์ อายุ 32 ปี พร้อมของกลาง บัตรกดเงินสด ATM ของธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 2 ใบ โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง) ธนบัตรรัฐบาลไทย ฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 50 ฉบับ รวมเป็นเงิน 50,000 บาท บริเวณธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาประชาสงเคราะห์ 30 แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม.
   ทั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง ได้รับแจ้งจาก War Room ศปอส.บก.น.1 ว่ามีกลุ่มบุคคลที่ใช้บัญชีม้ากระทำความผิด มาทำธุรกรรมถอนเงินสดที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาประชาสงเคราะห์ 30 แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ จึงได้รีบไปตรวจสอบ เมื่อเดินทางถึงบริเวณดังกล่าว พบกลุ่มบุคคลจำนวน 3 คน ซึ่งมีรูปพรรณตรงตามข้อมูลยืนอยู่บริเวณตู้ ATM ธนาคารกสิกรไทย (สาขาตลาดห้วยขวาง) อยู่ติดกับธนาคาร ไทยพาณิชย์ สาขาประชาสงเคราะห์ 30 แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอทำการตรวจสอบทราบชื่อคือผู้ต้องหาทั้ง 3 คน จากการสอบถามได้มีการถอนเงินสดจำนวน 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2568 เวลาประมาณ 11.22 น. นายจิรภัทรเป็นคนกดเงินเงินสดจำนวน 30,000 บาท ที่ตู้ ATM บริเวณหน้าธนาคารดังกล่าว สาขาประชาสงเคราะห์ 30 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2568 เวลาประมาณ 11.25 น. นายจิรภัทรกับน.ส.สุดารัตน์ กดเงินสดที่ตู้ ATM ธนาคารแห่งหนึ่ง บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ตลาดห้วยขวางติดกับธนาคารดังกล่าวที่ถูกจับกุม โดยมี น.ส.ผกาวัลย์ มีหน้าที่ตรวจสอบและดูแลในการกดเงิน จึงได้นำตัวทั้ง 3 คน มาที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อขยายผล ทราบว่าเจ้าของบัญชี คนกดเงินได้รับค่าตอบแทน 4,000 บาท และคนควบคุมคนกดเงินรอรับเงินได้ 1,000 บาท ต่อการกดเงินออกมาจำนวน 100,000 บาท โดยเป็นเครือข่ายบัญชีม้าคนไทย เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันให้บุคคลอื่นใช้บัญชีธนาคาร บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือซิมโทรศัพท์เพื่อรับโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำผิด ส่งพนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
  ต่อมาเวลา 20.30 วันที่ 4 ธ.ค. 68 นาย นริทร์ เกิดแจ้ง อายุ 47 ปี ผู้เสียหาย เหยื่อแก็งค์สแกมเมอร์ เดินทางจาก สวนผึ้ง จ.ราชบุรี มาที่สน.ห้วยขวาง เพื่อรับเงินและแจ้งความ โดยมอบเงินจำนวน50,000บาท และจะดำเนินการถอนอายัดจากบัญชีม้าอีกในภายหลังอีก จำนวน82,000 รวมทั้งสิน 132,000 บาท
  นาย นรินทร์ กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจมาก และอยากจะบอกว่าอยากให้ช่วยคนอื่น ที่ตกเป็นเหยื่อหลอกลงทุน ที่ได้รับผลตอบแทนสูง ซึ่งตนก็ไม่รู้อยากได้เงินจึงร่วมทำกิจกรรม ก็โอนทบไปเรื่อย กระทั่งมารู้ตัวอีกทีตอนที่ตนอยู่ในธนาคารกำลังเอาเงินเพื่อโอนไปไถ่เงินคืนรวมเงินที่ขอยืมแม่มา100,000บาท เพื่อที่เอาไปจ่ายค่าภาษีเป็นจำนวนเงินกว่า 130,000บาท แต่มิจฉาชีพบอกว่าไม่ผ่านต้องโอนเงินมาอีกจำนวน150,000บาท  ถึงจะ ถอนเงินจำนวน600,000บาทได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนก็ได้มีการโอนไปเกือบแสนบาท รวมเป็นเงินกว่า2แสน ตนจึงเริ่มเอะใจทวงเงินคืน แต่มิจฉาชีพไม่คืน ตนจึงโทรถามธนาคารและญาติที่อยู่เรือนจำทำให้ตาสว่าง รู้ตัวถูกแก็งค์สแกมเมอร์ ทางธนาคารจึงประสานให้ตนโทรเบอร์ 1141 เป็นสายด่วนของ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) ซึ่งตั้งโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ถูกหลอกลวงทางออนไลน์ โดยสามารถโทรแจ้งเหตุ, อายัดบัญชีคนร้าย, และรับคำปรึกษาได้ตลอด 24 ชั่วโมง หากถูกสแกมเมอร์หลอก สามารถโทร 1441 ทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง ได้รับแจ้งจาก War Room ศปอส.บก.น.1 จึงสามารถติดตาม บัญชีม้าที่ตระเวนกดเงิน ทำให้ติดตามเงินจำนวนดังกล่าวคืนมาได้ และนำข้อมูลที่ได้มาขยายผลเพื่อสืบสวนดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป

 

แสดงความคิดเห็น