สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ทรงยกฉัตรเหนือพระมหารามัญเจดีย์ และทรงเปิดแพรคลุมป้ายงานสมโภช 150 ปี ณ วัดปรมัยยิกาวาส จังหวัดนนทบุรี

วันที่ 4 ธันวาคม 2568 เวลา 14.30 น. ณ วัดปรมัยยิกาวาส อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดปรมัยยิกาวาส อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โอกาสนี้ ทรงวางพวงมาลัย และทรงจุดรูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระประธานพระอุโบสถ ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง เป็นภาพพระพุทธประวัติ ไตรภูมิ และธุดงควัตร บานประตูหน้าต่างประดับลายปูนปั้นเขียนด้วยสี



จากนั้น ทรงยกฉัตรเหนือพระมหารามัญเจดีย์ และทรงเปิดแพรคลุมป้ายงานสมโภช 150 ปี วัดปรมัยยิกาวาส โดยเมื่อปี 2418 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร มายังวัดแห่งนี้ ซึ่งเดิมชื่อว่า "วัดปากอ่าว" แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ยกวัดเป็นพระอารามหลวง ชั้นโท ฝ่ายรามัญ และเปลี่ยนนามว่า "วัดปรมัยยิกาวาส" แปลว่า "วัดของสมเด็จพระเจ้าบรมมหัยยิกา" เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอแห่งรัชกาล ผู้ถวายการอภิบาลพระองค์มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ หลังจากนั้นมีการบูรณปฏิสังขรณ์พระอาราม เมื่อแล้วเสร็จปี 2427 ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ทรงเชิญมาจากพระบรมมหาราชวังในช่องเจดีย์ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างขึ้นใหม่ มีศิลปะผสมไทยและรามัญ แล้วทรงยกฉัตรยอดพระเจดีย์ พระราชทานนามว่า "พระมหารามัญเจดีย์" โดยปี 2534 ฉัตรพระมหารามัญเจดีย์ชำรุดหักพังลง คณะสงฆ์ได้มีดำริเป็นการสมควรที่จะเปลี่ยนฉัตรใหม่ และบูรณปฏิสังขรณ์พระอารามให้งดงาม ประกอบกับครบรอบ 150 ปี สมโภชวัดฯ ด้วย



จากนั้น ทรงพระดำเนินเข้าพระวิหารพระพุทธไสยยาสน์ ทรงวางพวงมาลัย และทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธไสยยาสน์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสมัยอยุธยา มีความยาว 19.50 เมตร พระพุทธบาทเขียนลายทองรดน้ำรูปมงคล 108 และทรงวางพวงมาลัยถวายสักการะพระพุทธรูปศิลาขาว และพระนนทมุนินท์ พระพุทธรูปประจำจังหวัดนนทบุรี


ต่อจากนั้น ทอดพระเนตรโครงการ "บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง" ซึ่งใช้พื้นที่ว่างภายในวัดปลูกผักสวนครัว สร้างความมั่นคงทางอาหาร ผ่านกิจกรรม "ผู้นำต้องทำก่อน" เริ่มจากผู้นำทางศาสนา ขยายผลต่อยอดไปยังนักเรียนโรงเรียนวัดปรมัยยิกาวาส ฝึกให้เรียนรู้การปลูกผัก ดูแลผัก เก็บเมล็ดพันธุ์ผัก รู้จักการสร้างความมั่นคงทางอาหาร อยู่อย่างพร้อมเผชิญเหตุภัยพิบัติ ในทุกสถานการณ์ตามแนวทางโครงการ


ส่วนนิทรรศการของชุมชนชาวมอญ จัดแสดงวิถีชีวิตชุมชนชาวมอญบนเกาะเกร็ด ส่วนใหญ่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่นี่ ยังคงรักษาวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของตนเองสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ผ่านวิถีชีวิต ประเพณี และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น งานเครื่องกระดาษมอญ, การตอกลายธงตะขาบ ใช้ในเทศกาลปีใหม่ และวันสำคัญ, การแต่งกายของชาวมอญผู้หญิง จะใส่เสื้อลูกไม้แขน 5 ส่วน หรือแขนกระบอก มีผ้าสไบ ลายปัก เดิมเป็นลายปักรูปหงส์ ปัจจุบัน ประยุกต์ เป็นลายดาวล้อมเดือน, สิ่งของเครื่องใช้ในการบวชนาคมอญ, เครื่องปั้นดินเผาที่มีรูปทรงและลวดลายเป็นเอกลักษณ์, อาหารคาวหวาน และการทำผ้าบาติก เนื่องด้วยวิถีชาวเกาะเกร็ด ประกอบอาชีพที่ต้องพึ่งพาแม่น้ำ ซึ่งเดิมการทำประมงเป็นอาชีพของคนในชุมชน แต่ปัจจุบันสภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาไม่เอื้อต่อการทำประมง จึงปรับวิถีชีวิตมาทำผ้าบาติกและยาสมุนไพร พัฒนาจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับเกาะเกร็ดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม วิถีชุมชนแบบดั้งเดิม ที่นำวัฒนธรรมประจำถิ่น มาถ่ายทอดให้คนได้รู้จัก ไม่สูญหายและสร้างอาชีพให้คนในชุมชน



โอกาสนี้ ทรงถวายผ้าห่มพระเจดีย์มุตาว หรือ เจดีย์เอียง ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของพุทธบริษัท ตั้งแต่ครั้งแรกเริ่มตั้งวัด เป็นสัญลักษณ์และที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของการก่อตั้งชุมชนชาวรามัญที่เกาะเกร็ด กรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อปี 2478 นอกจากนี้ ยังมีโบราณสถาน และพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงสิ่งของสำคัญในสมเด็จพระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร, ห้องคัมภีร์รามัญ รวบรวมคัมภีร์ภาษามอญ และพระไตรปิฎกภาษามอญที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ทั้งเป็นสำนักเรียนบาลีรามัญ ที่ปฏิบัติศาสนกิจด้วยจารีตและธรรมเนียมอย่างรามัญด้วย
Cr ภาพ/ข่าว: ระฆัง8
ทีมข่าวNEWS24:รายงาน
แสดงความคิดเห็น