วันนี้ (10 พ.ย. 68) ที่ ห้องประชุม สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่  นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมหารือเพื่อรวบรวมข้อมูลการดำเนินงานในด้านต่างๆ ที่ส่งผลให้งานเทศกาลยี่เป็ง เชียงใหม่ ประจำปี 2568 ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จได้รับการชื่นชมอย่างกว้างขวาง ก่อนที่จะมีการนำเสนอผู้บริหาร และถอดบทเรียนการจัดกิจกรรมร่วมกันในภาพรวมของจังหวัดเชียงใหม่ ในวันพุธที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ที่จะถึงนี้
  โดยการรวบรวมข้อมูลเพื่อเตรียมถอดบทเรียนการจัดเทศกาลยี่เป็ง เชียงใหม่ ประจำปี 2568  เป็นการรวบรวมข้อมูลตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 2568  เพื่อให้ครอบคลุมตั้งแต่ก่อนเริ่มเทศกาล  ซึ่งประชาชนและนักท่องเที่ยวได้มีการจองที่พักและทยอยเดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่  ต่อเนื่องมาถึงช่วงระหว่างการจัดงาน ที่แต่ละภาคส่วนได้จัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย ไปจนถึงหลังสิ้นสุดเทศกาลที่เกี่ยวเนื่องกับการเดินทางกลับของประชาชน  โดยได้กำหนดกรอบข้อมูลที่จะมานำเสนอและถอดบทเรียนร่วมกันออกเป็น 2 หัวข้อหลัก คือ (1) การสรุปจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวและการประเมินผลกระทบเชิงเศรษฐกิจตลอดช่วงเทศกาลยี่เป็ง และ (2) การบริหารจัดการ ทั้งในส่วนของกิจกรรมการจัดงานและการดูแลนักท่องเที่ยว
สำหรับข้อมูลเบื้องต้นในด้านเศรษฐกิจ พบว่า เทศกาลยี่เป็ง เชียงใหม่ ในปีนี้ภาพรวมของการท่องเที่ยวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอย่างมาก  ทั้งในส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น มีการเข้าพักในจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย  ซึ่งจะมีการประเมินผลและสรุปตัวเลขเชิงเศรษฐกิจที่แน่ชัดอีกครั้ง  โดยเฉพาะจากกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ของงานที่มีผู้เที่ยวชมและร่วมงานเป็นจำนวนมาก อาทิ การจัดขบวนแห่กระทงใหญ่ และกิจกรรมปล่อยโคมนับแสนดวงในจุดที่ได้รับอนุญาตซึ่งมีความปลอดภัยสูง ทำให้เกิดการกระจายรายได้ไปยังชาวบ้านที่อยู่ในอำเภอและชุมชนต่างๆ นอกเขตตัวเมืองเชียงใหม่
ส่วนด้านการบริหารจัดการ พบว่า มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่เป็นจำนวนมากทุกช่องทาง ทั้งจากเครื่องบิน รถโดยสารขนส่งสาธารณะ รถไฟ รวมถึงรถส่วนบุคคล  ที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่มาคอยจัดระเบียบและบริการอำนวยความสะดวกให้กับผู้เดินทางและนักท่องเที่ยว ทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง  มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยคอยดูแลความมั่นคงปลอดภัยในทุกพื้นที่ ทำให้เหตุร้ายแรงลดน้อยลง  ขณะที่การควบคุมการปล่อยโคมลอยในปีนี้ถือว่าเป็นที่น่าชื่นชมอย่างมาก  เพราะแทบไม่เห็นการปล่อยโคมลอยหรือจุดพลุในเขตพื้นที่ต้องห้ามเด็ดขาด  โดยหันไปปล่อยยังจุดศูนย์รวมที่ได้รับขออนุญาตแทน  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะประชาชนและนักท่องเที่ยวเริ่มมีการเรียนรู้แนวทางปฏิบัติ มีการปรับตัว เข้าใจถึงความสำคัญของการควบคุมเขตพื้นที่ปลอดภัย และเริ่มเคารพกฎกติกามากขึ้น  จึงทำให้ภาพลักษณ์ในการปล่อยโคมในปีนี้สะท้อนถึงความปลอดภัย ความสวยงาม ตลอดจนการดูแลสิ่งแวดล้อมควบคู่กัน







ส่งศักดิ์ พรมเอี่ยม ศูนย์ข่าวภาคเหนือรายงาน
 

แสดงความคิดเห็น