วันนี้ 1 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า เนื่องด้วยขณะนี้ในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ พบว่ามีกลุ่มบุคคลได้เข้าไปแอบลักลอบขุดดินเพื่อร่อนหาแร่ทองคำในบริเวณพื้นที่ตำบลปิล๊อก ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรวมทั้งส่งผลกระทบ ต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยอำเภอทองผาภูมิ ได้จัดทำประกาศมาตรการป้องกันและปราบปรามการลักลอบขุดดิน
เพื่อร่อนหาทองคำเพื่อให้ทุกส่วนราชการประชาสัมพันธ์ให้บุคลากร ในหน่วยงานและประชาชนในพื้นที่ทราบไปแล้ว นั้นที่ผ่านมา อำเภอทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ปิล๊อก เจ้าหน้าที่ร้อย ตชด.ที่ 135 รวมถึงผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดได้อย่างต่อเนื่อง แต่กลับยังมีกลุ่มบุคคลแอบลักลอบเข้าไปชุดดินเพื่อร่อนหาแร่ทองคำมากยิ่งขึ้น เพื่อหวังผลประโยชน์จากการนำแร่ทองคำออกมาขายอำเภอทองผาภูมิได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ไปถึงผู้ประกอบการร้านค้า ร้านของชำ ในพื้นที่บ้านโบอ่อง หมู่ 2
บ้านโพธิ์สามต้น หมู่ 3 บ้านปิล๊อกคี่ และกลุ่มบ้านเกริงแกละ หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ เพื่อขอความร่วมมือไม่รับซื้อแร่ทองคำที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดหากฝ่าฝืนแล้วถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ ผู้ซื้ออาจมีความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2560 และประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดวิธีการร่อนแร่ หลักเกณฑ์และวิธีการแจ้งและรับแจ้งการร่อนแร่ พ.ศ.2560 ฐาน "การซื้อแร่ การขายแร่ การครอบครองแร่ หรือการขนแร่ ต้องได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่สามเท่าถึงห้าเท่าของมูลค่าแร่ หรือทั้งจำทั้งปรับ" หากพบบุคคลที่นำทองคำจาก
การกระทำความผิดตามกฎหมายมาขายให้ ขอให้แจ้งเบาะแสได้ที่ นายวัลลภ จินดา ปลัดอำเภองานป้องกัน ที่หมายเลขโทรศัพท์ 06-39041970นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ กล่าวว่า นอกจากนี้แล้ว อำเภอทองผาภูมิ ยังได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีกลุ่มบุคคลทำการขุดดินเพื่อร่อนหาแร่ทองคำในเขตพื้นพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ บริเวณสองฝั่งแม่น้ำแควน้อย ซึ่งการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านและอำเภอทองผาภูมิ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ดังนั้น อำเภอทองผาภูมิ จึงได้ดำเนินการใช้มาตรการป้องกันและปราบปรามการลักลอบขุดดินเพื่อร่อนหาแร่ทองคำภายในแม่น้ำแควน้อย พร้อมทั้งดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ตามพระราชบัญญัติระเบียบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 และพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2560 ประกอบกับประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดวิธีการร่อนแร่ หลักเกณฑ์ และวิธีการแจ้งและรับแจ้งการร่อนแร่ พ.ศ.2560 ห้ามบุคคลใดหรือกลุ่มบุคคลใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในเขตพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ ดังนี้1.ห้ามมิให้ผู้ใดสำรวจแร่ในที่ใด ไม่ว่าที่ซึ่งสำรวจแร่นั้นจะเป็นสิทธิของบุคคลใด หรือไม่ เว้นแต่จะได้รับอาชญาบัตรสำรวจแร่อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ หรืออาชญาบัตรพิเศษ ฝ้าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ2.ห้ามมิให้ผู้ใดทำเหมืองในที่ใด ไม่ว่าที่ซึ่งทำเหมืองนั้นจะเป็นสิทธิของบุคคลใดหรือไม่ เว้นแต่จะได้รับประทานบัตร ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3.ห้ามมิให้ผู้ใดขุดหาแร่รายย่อย เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตขุดหาแร่รายย่อยจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นในท้องที่ซึ่งมีการขุดหาแร่รายย่อย ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 4.การซื้อแร่ การขายแร่ การครอบครองแร่ การเก็บแร่ หรือการขนแร่ ต้องได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่สามเท่าถึงห้าเท่าของมูลค่าแร่ หรือทั้งจำทั้งปรับ 5.ห้ามยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป้า หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิม ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 400,000 บาท  2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 6.ห้ามเก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใด อันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี หรือปรับไม่เกิน 400,000 บาท ถึง 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 7.ห้ามเปลี่ยนแปลงทางน้ำหรือทำให้น้ำในลำน้ำ ลำหัวย หนอง บึง ทะเล ท่วมทัน เหือดแห้ง เน่าเสีย หรือเป็นพิษ ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 8.ห้ามปิดกั้นหรือทำให้กีดขวางแก่ทางน้ำหรือทางบก ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 9.ห้ามยิงปืน ทำให้เกิดระเบิด หรือจุดดดอกไม้เพลิง ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 10.ห้ามทิ้งสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงซึ่งอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ ฝ้าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 11.ห้ามกระทำให้หลักเขตหรือเครื่องหมายแสดงแนวเขต ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่จัดให้มีตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 เคลื่อนที่ ลบเลือน เสียหาย สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้ ต้องระวางโทษตามกฎหมายหนด” นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ กล่าว /////ข่าวภูมิภาค/ ปรีชา  ไหลวารินทร์///ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดกาญจนบุรี 

แสดงความคิดเห็น