ได้ยึดพื้นที่ทั้งเต็นท์และเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้เปิดเวทีรับฟังความเห็น เป็นการแสดงพลังคัดค้านไม่ให้มีการก่อสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลดังกล่าว โดยมีการชูป้ายที่มีข้อความคัดค้าน เพราะเกรงจะเกิดผลกระทบทั้งมลพิษทางอากาศ ฝุ่นละออง น้ำเสีย และเสี่ยงอุบัติเหตุเพราะต้องการรถบรรทุกอ้อยเข้า-ออก จำนวนมาก ขณะที่ตัวแทนบริษัท ผู้ศึกษาและจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่แจ้งขอใช้พื้นที่เพื่อรับฟังความเห็นประชาชนในพื้นที่ ก็ไม่ยอมถอยหรือยกเลิกการประชุมรับฟังความเห็นเช่นกัน ถึงแม้ว่ากลุ่มผู้คัดค้านจะยึดพื้นที่ทั้งเต็นท์ และเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ก็ตาม แต่ก็ได้ขอใช้สถานที่บริเวณที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน
ในการจัดประชุมรับฟังความเห็นจากชาวบ้านแทน ซึ่งก็มีชาวบ้านฝ่ายที่เห็นด้วยและสนับสนุนให้สร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล มาร่วมรับฟังหลายร้อยคนเช่นกัน
ซึ่งบรรยากาศก็ค่อนข้างที่จะวุ่นวาย ทาง สภ.ชำนิ จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.ชำนิ และท้องที่ใกล้เคียงกว่า 170 นาย ร่วมดูแลความเรียบร้อย ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายหรือกระทบกระทั่งกัน ซึ่งบรรยากาศโดยรวมก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีเหตุกระทบกระทั่งเกิดขึ้นแต่อย่างใด
จากการสอบถามนายสมพงษ์ สงกูล แกนนำกลุ่มโอโซนรักบ้านเกิด อ.ชำนิ (เสื้อเขียว) บอกว่า ที่กลุ่มโอโซนรักบ้านเกิด และตัวแทนชาวบ้าน ออกมารวมตัวกันที่ศาลากลางหมู่บ้านครั้งนี้
เป็นการแสดงออกตามสิทธิชุมชนเพื่อแสดงพลังว่าชาวบ้านไม่ต้องการโรงงานน้ำตาล และโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน และยื่นหนังสือข้อกังวลผลกระทบต่างที่จะเกิดขึ้นไปยังหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยื่นหนังสือให้ตรวจสอบรายชื่อการเปิดเวทีรับฟังความเห็น ค.1 เพราะมีคนจากนอกพื้นที่มาร่วมเวทีด้วย แต่คนในพื้นที่กลับไม่ได้เข้าร่วม จึงเชื่อว่าไม่โปร่งใสตรงไปตรงมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ชาวบ้านจึงอยากให้ยกเลิกเวทีรับฟังความเห็น ค.1 และยุติการก่อสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับชาวบ้านในพื้นที่ รวมถึงลูกหลานในอนาคตขณะที่นางบุญช่วย ฝอยจอหอ ชาวบ้านหมู่ 5 บ้านสำโรง ต.หนองปล่อง อ.ชำนิ (เสื้อลายขาว) บอกว่า ส่วนตัวอยากให้มีการสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล เพราะอยากให้ลูกหลานมีงานทำใกล้บ้านจะได้ไม่ต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด และส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะเกิดผลกระทบ เพราะที่ผ่านมาเคยไปดูงานที่โรงงานน้ำตาลมาแล้ว เขาก็มีระบบการจัดการผลกระทบเป็นอย่างดี เพราะลูกชายก็กับภรรยาก็ไปทำงานอยู่ที่จ.นครราชสีมา ก็ไม่เห็นมีผลกระทบอะไรเลย แต่หากมีโรงงานในพื้นที่ ลูกหลานก็จะได้กลับมาทำงานในพื้นที่ไม่ต้องไปไกลบ้าน
ด้านนายณัฏฐ์วสินทร์ โสภา ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและสังคม บริษัท เอ็นทิค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาให้กับโรงงานน้ำตาล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการจัดรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 1 ไป เมื่อเดือนมีนาคม 2568 ก็มีชาวบ้านมีข้อห่วงกังวลหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับโรงงานน้ำตาล อย่างเช่น เรื่องการใช้น้ำ น้ำเสีย รวมถึงเรื่องการคมนาคม มลพิษทางอากาศ ทางที่ปรึกษาก็ได้รวบรวมข้อห่วงกังวลดังกล่าว ไปศึกษาผลกระทบว่ามันจะกระทบยังไง แล้วมีมาตรการป้องกันอย่างไร ก็เลยเป็นที่มาของการจัดรับฟังความคิดเห็น ซึ่งวันนี้จะไม่ใช่ครั้งที่ 1 หรือครั้งที่ 2 แต่เป็นการจัดเพิ่มเพื่อคลายข้อห่วงกังวลให้กับชาวบ้าน หลังจากมีการร้องเรียนไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิ์ว่าเราไม่ได้ให้ข้อมูลชาวบ้าน ทำให้เกิดข้อห่วงกังวล จึงเป็นที่มาของการเปิดเวทีรับฟังความเห็นและสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านได้รับทราบข้อมูลอย่างถูกต้องในส่วนของทางบริษัท ก็ยังคงเดินหน้าในการสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลต่อไป เพราะ ทางโรงงานน้ำตาล ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล (สอน.) ที่มีการตรวจสอบข้อมูลการตั้งโรงงาน ว่ามีระยะห่างไม่เกินกว่า 50 กม. จากโรงงานอื่น แล้วก็อยู่ไกลจากแหล่งน้ำอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมที่ตั้งได้ ก็เลยเข้าสู่กระบวนการทำ EIA ตามกำหนด ส่วนการเปิดเวทีรับฟังความเห็น จะมีทั้งหมด 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ได้ดำเนินการไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม ครั้งที่ 2 อยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบ แล้วกำหนดมาตรการ จากนั้นก็จะมานำเสนอให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับทราบ คาดว่าน่าจะจัดในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงมกราคม 2568 ซึ่งสิ่งที่ทางบริษัทกังวล คือ เกรงจะเกิดความขัดแย้งในพื้นที่ เพราะมีทั้งกลุ่มคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นในการก่อสร้าง ก็อยากให้แต่ละฝ่ายเดินตามหลักกฎหมาย ไม่ละเมิดสิทธิ์ของกันและกัน
สุรชัย พิรักษา / บุรีรัมย์
แสดงความคิดเห็น