19 ก.ย.68)   กลุ่มโอโซนรักบ้านเกิด พร้อมตัวแทนชาวบ้านจาก 2 อำเภอ คือ อ.ชำนิ  และ อ.นางรอง จังหวัดบุรีรัมย์   หลายร้อยคนได้รวมตัวกันยึดพื้นที่บริเวณศาลากลางหมู่บ้าน บ้านหนองหัวลาว หมู่ 2 ต.หนองปล่อง อ.ชำนิ  ภายหลังทราบว่าบริษัทผู้ศึกษาและจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม    ได้แจ้งขอใช้สถานที่ดังกล่าว  เพื่อจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นและข้อกังวล เกี่ยวกับการขออนุญาตก่อสร้างโรงงานน้ำตาล และโรงไฟฟ้าชีวมวล    โดยกลุ่มโอโซนรักบ้านเกิดและตัวแทนชาวบ้าน

ได้ยึดพื้นที่ทั้งเต็นท์และเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้เปิดเวทีรับฟังความเห็น   เป็นการแสดงพลังคัดค้านไม่ให้มีการก่อสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลดังกล่าว  โดยมีการชูป้ายที่มีข้อความคัดค้าน   เพราะเกรงจะเกิดผลกระทบทั้งมลพิษทางอากาศ  ฝุ่นละออง  น้ำเสีย   และเสี่ยงอุบัติเหตุเพราะต้องการรถบรรทุกอ้อยเข้า-ออก จำนวนมาก   ขณะที่ตัวแทนบริษัท ผู้ศึกษาและจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม  ที่แจ้งขอใช้พื้นที่เพื่อรับฟังความเห็นประชาชนในพื้นที่   ก็ไม่ยอมถอยหรือยกเลิกการประชุมรับฟังความเห็นเช่นกัน  ถึงแม้ว่ากลุ่มผู้คัดค้านจะยึดพื้นที่ทั้งเต็นท์ และเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ก็ตาม   แต่ก็ได้ขอใช้สถานที่บริเวณที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน

ในการจัดประชุมรับฟังความเห็นจากชาวบ้านแทน    ซึ่งก็มีชาวบ้านฝ่ายที่เห็นด้วยและสนับสนุนให้สร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล  มาร่วมรับฟังหลายร้อยคนเช่นกัน   

ซึ่งบรรยากาศก็ค่อนข้างที่จะวุ่นวาย  ทาง สภ.ชำนิ  จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.ชำนิ  และท้องที่ใกล้เคียงกว่า 170 นาย ร่วมดูแลความเรียบร้อย  ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายหรือกระทบกระทั่งกัน   ซึ่งบรรยากาศโดยรวมก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีเหตุกระทบกระทั่งเกิดขึ้นแต่อย่างใด   

จากการสอบถามนายสมพงษ์  สงกูล   แกนนำกลุ่มโอโซนรักบ้านเกิด อ.ชำนิ  (เสื้อเขียว)  บอกว่า  ที่กลุ่มโอโซนรักบ้านเกิด  และตัวแทนชาวบ้าน  ออกมารวมตัวกันที่ศาลากลางหมู่บ้านครั้งนี้

เป็นการแสดงออกตามสิทธิชุมชนเพื่อแสดงพลังว่าชาวบ้านไม่ต้องการโรงงานน้ำตาล และโรงไฟฟ้าชีวมวล   ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน และยื่นหนังสือข้อกังวลผลกระทบต่างที่จะเกิดขึ้นไปยังหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง   รวมถึงยื่นหนังสือให้ตรวจสอบรายชื่อการเปิดเวทีรับฟังความเห็น ค.1 เพราะมีคนจากนอกพื้นที่มาร่วมเวทีด้วย   แต่คนในพื้นที่กลับไม่ได้เข้าร่วม  จึงเชื่อว่าไม่โปร่งใสตรงไปตรงมา  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ   ชาวบ้านจึงอยากให้ยกเลิกเวทีรับฟังความเห็น ค.1  และยุติการก่อสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล   เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับชาวบ้านในพื้นที่ รวมถึงลูกหลานในอนาคต

ขณะที่นางบุญช่วย   ฝอยจอหอ  ชาวบ้านหมู่ 5 บ้านสำโรง ต.หนองปล่อง อ.ชำนิ   (เสื้อลายขาว) บอกว่า ส่วนตัวอยากให้มีการสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล  เพราะอยากให้ลูกหลานมีงานทำใกล้บ้านจะได้ไม่ต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด    และส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะเกิดผลกระทบ  เพราะที่ผ่านมาเคยไปดูงานที่โรงงานน้ำตาลมาแล้ว   เขาก็มีระบบการจัดการผลกระทบเป็นอย่างดี   เพราะลูกชายก็กับภรรยาก็ไปทำงานอยู่ที่จ.นครราชสีมา  ก็ไม่เห็นมีผลกระทบอะไรเลย  แต่หากมีโรงงานในพื้นที่  ลูกหลานก็จะได้กลับมาทำงานในพื้นที่ไม่ต้องไปไกลบ้าน 

 ด้านนายณัฏฐ์วสินทร์  โสภา   ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและสังคม บริษัท เอ็นทิค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาให้กับโรงงานน้ำตาล  กล่าวว่า  ก่อนหน้านี้ได้มีการจัดรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 1 ไป เมื่อเดือนมีนาคม 2568  ก็มีชาวบ้านมีข้อห่วงกังวลหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับโรงงานน้ำตาล อย่างเช่น เรื่องการใช้น้ำ   น้ำเสีย   รวมถึงเรื่องการคมนาคม  มลพิษทางอากาศ  ทางที่ปรึกษาก็ได้รวบรวมข้อห่วงกังวลดังกล่าว ไปศึกษาผลกระทบว่ามันจะกระทบยังไง แล้วมีมาตรการป้องกันอย่างไร   ก็เลยเป็นที่มาของการจัดรับฟังความคิดเห็น   ซึ่งวันนี้จะไม่ใช่ครั้งที่ 1 หรือครั้งที่ 2  แต่เป็นการจัดเพิ่มเพื่อคลายข้อห่วงกังวลให้กับชาวบ้าน   หลังจากมีการร้องเรียนไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิ์ว่าเราไม่ได้ให้ข้อมูลชาวบ้าน ทำให้เกิดข้อห่วงกังวล   จึงเป็นที่มาของการเปิดเวทีรับฟังความเห็นและสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านได้รับทราบข้อมูลอย่างถูกต้อง
ในส่วนของทางบริษัท  ก็ยังคงเดินหน้าในการสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลต่อไป เพราะ ทางโรงงานน้ำตาล ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล (สอน.) ที่มีการตรวจสอบข้อมูลการตั้งโรงงาน ว่ามีระยะห่างไม่เกินกว่า 50 กม. จากโรงงานอื่น  แล้วก็อยู่ไกลจากแหล่งน้ำอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมที่ตั้งได้  ก็เลยเข้าสู่กระบวนการทำ EIA  ตามกำหนด    ส่วนการเปิดเวทีรับฟังความเห็น  จะมีทั้งหมด 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ได้ดำเนินการไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม   ครั้งที่ 2 อยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบ  แล้วกำหนดมาตรการ  จากนั้นก็จะมานำเสนอให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับทราบ   คาดว่าน่าจะจัดในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงมกราคม 2568   ซึ่งสิ่งที่ทางบริษัทกังวล คือ เกรงจะเกิดความขัดแย้งในพื้นที่ เพราะมีทั้งกลุ่มคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นในการก่อสร้าง   ก็อยากให้แต่ละฝ่ายเดินตามหลักกฎหมาย ไม่ละเมิดสิทธิ์ของกันและกัน










    สุรชัย    พิรักษา / บุรีรัมย์
 

แสดงความคิดเห็น