(30 ก.ค.68)   พ.ต.อ.จำรัส   ศิริเลี้ยง   ผู้กับการ สภ.เมืองบุรีรัมย์   พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์  ได้จับกุมนายพรหมลิขิต   หรือกานต์  อายุ 34 ปี ชาว อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา  อดีตเจ้าของธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์กรองน้ำและตู้หยอดเหรียญทั่วภาคอีสาน    และนายชาญชัย  หรือชัย  อายุ 43 ปี  ชาว จ.บุรีรัมย์  พร้อมรถจักรยานยนต์  และเครื่องมือที่ใช้ในการก่อเหตุงัดแงะ  เช่น  ค้อนตอกตะปู    ไขควง   ประแจ  คีมตัดเหล็ก   หลังพากันขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนก่อเหตุงัดตู้หยอดเหรียญเครื่องซักผ้า และตู้หยอดเหรียญน้ำดื่ม   ที่ติดตั้งไว้ตามอพาร์ทเมนต์  และหอพักต่างๆ ในตัวเมืองบุรีรัมย์รวม 7 แห่ง เพื่อขโมยเงินเหรียญในตู้  ได้เงินไปเครื่องละประมาณ 3,000 บาท  สร้างความเดือดร้อนให้กับทั้งผู้ประกอบการอพาร์ทเมนต์   หอพักนักศึกษา

เพราะเสียหายทั้งตู้หยอดเหรียญที่ถูกงัดแงะตู้หลักหมื่น  และยังสูญเงินที่ลูกค้างในแต่ละเครื่อง    แต่สุดท้ายก็ไม่รอดสายตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ   หลังแกะรอยจากหลักฐานกล้องวงจรปิดที่บันทึกได้  ขณะไปตระเวนก่อเหตุ    จึงได้ติดตามจับกุมได้ถึงห้องเช่าแห่งหนึ่งใน ต.อิสาณ  อ.เมือง  

 จากการสอบถามนายพรหมลิขิต    หนึ่งในผู้ต้องหา  บอกว่า  เมื่อก่อนทำธุรกิจจำหน่ายติดตั้งอุปกรณ์กรองน้ำ   และตู้หยอดเหรียญน้ำดื่ม  เครื่องซักผ้าทั่วภาคอีสาน   แต่เมื่อปี 2563  ได้เจอพิษโควิดทำให้ประสบปัญหาขาดทุน   ทำให้ธุรกิจเจ๊ง    จากนั้นก็ผันตัวไปเป็นช่างรับติดตั้งและซ่อมตู้หยอดเหรียญตามจังหวัดต่างๆ    แต่ก็ไม่ค่อยมีงานทำให้รายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย

จึงตัดสินใจก่อเหตุตระเวนงัดตู้หยอดเหรียญเพราะมีความชำนาญในการติดตั้งและซ่อมตู้หยอดเหรียญลักษณะนี้อยู่แล้ว   ด้วยความชำนาญจึงใช้เวลาก่อเหตุตู้ละแค่ 2-3 นาทีเท่านั้น   ก็ได้เงินเครื่องละประมาณ 3,000 บาท  โดยเงินที่ได้ไปก็จะนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน   บางส่วนเอาไปเล่นการพนันออนไลน์  และเสพยาเสพติดด้วย    ก็อยากจะขอโทษเจ้าของอพาร์ทเมนต์ และหอพักต่างๆ ที่ไปก่อเหตุงัดแงะตู้หยอดเหรียญด้วย  เพราะบางที่ก็เป็นลูกค้าที่เคยไปติดตั้งและซ่อมให้  

จากนั้นชุดจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสอง  ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา  “ร่วมกันลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น  โดยใช้ยานพาหนะ”








         สุรชัย    พิรักษา / บุรีรัมย์

แสดงความคิดเห็น