ภาพวีดีโอจากกล้องวงจรปิด ภายในสถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่ง สายกาญจนบุรี-ทองผาภูมิ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี บันทึกภาพเหตุการณ์ ขณะที่รถยนต์ตู้สีขาวคันหนึ่ง ขับมาตามถนนมุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่อำเภอทองผาภูมิ โดยเมื่อขับมาใกล้จะถึงปั๊มน้ำมัน จู่ๆได้เกิดมีไฟลุกไหม้เกิดขึ้น บริเวณล้อหน้าฝั่งคนขับและใต้ท้องรถ ด้วยความตกใจ คนขับรถตู้คันดังกล่าว ได้ตัดสินใจเลี้ยวรถเข้ามาภายในปั๊มน้ำมันดังกล่าวทันที โดยที่เปลวไฟกำลังลุกไหม้บริเวณล้อหน้าด้านขวาและกำลังลุกลาม ใต้ท้องรถอย่างหนัก หลังจากรถตู้คันดังกล่าวเลี้ยวเข้ามาภายในปั๊ม พนักงานประจำปั๊มน้ำมันที่เห็นเหตุการณ์ ได้รีบวิ่งนำเอาถังดับเพลิงไปฉีด เพื่อระงับเพลิงที่กำลังลุกไหม้ใต้ท้องรถอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ไม่ลุกลามไปยังส่วนอื่นๆของตัวรถ และปั้มน้ำมัน
ผู้สื่อข่าว ได้พูดคุยกับนางสาวลลิตา โพธิ์เผือก อายุ 35 ปี เสมียนประจำปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุ ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้น เมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.40 นาฬิกา ของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา โดยในช่วงเวลาดังกล่าว มีฝนตกลงมาโปรยปรายอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่รถยนต์ตู้คันดังกล่าวจะเลี้ยวเข้ามาภายในปั๊ม ซึ่งในตอนแรกพนักงานเข้าใจว่าจะขับเข้ามาเติมน้ำมันตามปกติ แต่เมื่อสังเกตไปที่บริเวณ ล้อหน้าฝั่งคนขับและใต้ท้องรถ ได้สังเกตเห็นมีเปลวไฟกำลังลุกไหม้อยู่ ทางพนักงานประจำปั๊ม จึงรีบตะโกนบอกคนขับรถตู้ให้ทราบ ก่อนที่คนขับจะจอดรถบริเวณทางเข้าปั๊มน้ำมัน และรีบให้ผู้โดยสารซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่โดยสารมาในรถยนต์ทันที
ส่วนพนักงานประจำปั๊ม ได้รีบคว้าถังดับเพลิง ไปฉีดควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ก่อนที่เพลิงจะลุกลามไหม้รถตู้วอดทั้งคัน โดยเมื่อสอบถามจากคนขับรถตู้คันดังกล่าว ทำให้ทราบข้อมูลว่า ตู้คันดังกล่าวได้รับนักท่องเที่ยว เพื่อจะเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ อำเภอทองผาภูมิและอำเภอสังขละบุรี แต่เมื่อขับรถมาถึงบริเวณปั๊มน้ำมันดังกล่าว ได้เกิดไฟลุกไหม้บริเวณล้อหน้าฝั่งคนขับและใต้ท้องรถ โชคดีที่พนักงานประจำปั๊มเห็นเหตุการณ์และช่วยนำถังดับเพลิงมาควบคุมเพลิงที่กำลังลุกไหม้ไว้ได้ทันก่อนจะลุกลามจึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ส่วนสาเหตุนั้น คนขับรถคาดว่าน่าจะมาจากอาการเบรกร้อน เนื่องจากระหว่างขับรถมุ่งหน้าเข้าสู่อำเภอทองผาภูมิ มีฝนตกลงมาโปรยปรายตลอดเส้นทาง ทำให้มีการเหยียบเบรกเพื่อชะลอความเร็วหลายครั้งและอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นบริเวณใต้ท้องรถดังกล่าว
โดยนางสาวลลิตา ยังได้ฝากเตือนไปถึง ผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องขับรถเดินทางไกล ควรตรวจสอบสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้เกิดขึ้นอีก
////////////////////////////////////////////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์
แสดงความคิดเห็น