ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงสั่งการให้หน่วยต่าง ๆ ดำเนินการ โดยให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 เป็นหน่วยปฏิบัติหลักร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จัดทำข้อมูลท้องถิ่น ตรวจสอบกลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติต่าง ๆ ที่มีพฤติกรรมในการรวมกลุ่มในพื้นที่รับผิดชอบ แกนนำต่างด้าวที่มีพฤติกรรมในการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม หรือฝ่าฝืนกฎหมาย หรือมีการกระทำใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ แล้วรายงานข้อมูลให้ ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปชก.ตร.) เพื่อกำหนดแผนระดมกวาดล้างและเปิดปฏิบัติการในภาพรวม
กรณีที่พบเหตุคนต่างด้าวฝ่าฝืนกฎหมาย หรือกระทำกรณีที่ไม่เหมาะสม ให้เข้าเผชิญเหตุ ระงับ ยับยั้ง บังคับใช้กฎหมายโดยทันที อย่าให้เหตุลุกลามหรือส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในภาพรวม และกรณีที่มีการดำเนินคดีกับคนต่างด้าวให้ทุกสถานีตำรวจดำเนินการสืบสวนทุกมิติ รวมทั้งการขยายผลดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องให้กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ประชาสัมพันธ์เชิงรุก ชี้แจงนักท่องเที่ยวในพื้นที่ สร้างการรับรู้ภาพลักษณ์ที่ดีในการท่องเที่ยว ส่วนกองบัญชาการตำรวจสันติบาล รับผิดชอบด้านการข่าวความมั่นคง ข้อมูลคนต่างด้าวและสัญชาติที่มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคง และให้วิเคราะห์สถานการณ์คนต่างด้าวในระดับพื้นที่จังหวัด กำหนดพื้นที่เฝ้าระวัง พร้อมยังสั่งการให้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สนับสนุนการปฏิบัติภายในอำนาจและหน้าที่ ประสานและบูรณาการกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ปรากฏข้อมูลข่าวสารกลุ่มคนต่างด้าวในพื้นที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน นั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบและรายงานผลการปฏิบัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ ภายใน 7 วัน มอบหมายให้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติ โดยให้เปิดปฏิบัติการบูรณาการกำลังทุกหน่วยร่วมปฏิบัติดำเนินการเชิงรุกให้ปรากฎผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวทันที
ส่งศักดิ์ พรมเอี่ยม ศูนย์ข่าวภาคเหนือรายงาน
แสดงความคิดเห็น