ตำรวจ สภ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุรินทร์ควบคุมตัวคนไทย 6 คน ที่โทรศัพท์แจ้งตำรวจว่า ถูกตามทำร้ายร่างกายจากแก็งคอลเซนเตอร์ และหลบหนีมาจากเมืองโอร์เสม็ด ประเทศกัมพูชา หลังถูกกวาดล้าง จึงไม่สามารถเปิดบัญชีม้าได้ ทำงานไม่ได้ จึงหลบหนีออกมา ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบและขยายผลไปยังเครือข่ายที่เกี่ยวข้องโดยที่ผ่านมาพบข้อมูลแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่มาตั้งฐานประชิดชายแดนหลายพันคน กองกำลังสุรนารีได้เข้าช่วยเหลือคนไทย และชาวต่างชาติที่ถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ในพื้นที่ช่องจอม จากฝั่งประเทศกัมพูชา จำนวน 13 ครั้ง ช่วยเหลือได้ 37 ราย เป็นคนไทย 35 ราย และเวียดนาม 2 ราย

ล่าสุด พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน  ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์  ที่ตัวเมืองสุรินทร์และ  อำเภอกาบเชิง โดยได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์  หลังมีคนไทยซึ่งสมัครใจไปทำงานยังฝั่งโอร์เสม็ด จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ได้หลบหนีเข้ามายังฝั่งไทยก่อนขอความช่วยเหลือจากตำรวจ สภ.กาบเชิง  ซึ่ง จนท.ได้ขยายผล และสอบปากคำถึงกลุ่มคนในฝั่งว่ามีอยู่จำนวนเท่าไร และมีสัญชาติใดบ้าง   เนื่องจากพบว่า ยังจับสัญญาณได้ในการโทรมาหลอกคนไทยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์

แม้ว่าทางฝ่ายไทยจะตัดสัญญาณเสาไปแล้วก็ตาม  โดยกำลังประสาน กสทช. กับเสาสัญญาณที่เหลืออีก2ต้นบริเวณชายแดน  ทั้งนี้เตรียมนำเรื่องเสนอสภาความมั่นคง หากกลุ่มเครือข่ายมีการเบี่ยงเบน แหล่งจากฝั่งเมียนมามายังบริเวณฝั่งโอร์เสม็ด  ต้องมีการคิกออฟพร้อมกันเช่นเดียวกับฝั่งเมียนมา เช่น ตัด ไฟ น้ำมัน และสัญญาณทุกชนิด

 โดย ผบช.ภ.3 เดินทางมาตรวจเยี่ยมรับฟังบรรยายสรุป ยัง สภ.กาบเชิง ถึงสถานการณ์และการเฝ้าระวังป้องกัน  กำชับให้ จนท.ตำรวจ เข้มข้นในการปฏิบัติงาน และร่วมกับฝ่ายทหาร ในการสืบหาข่าว  ความเคลื่อนไหว ของกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติอย่างถี่ถ้วนและเป็นไปตามยุทธวิธี

 ก่อนเดินทางมายังจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด  ต.ด่าน อ.กาบเชิง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และประสานงานกับตำรวจฝ่ายกัมพูชา

ในการร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดย  ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค3 ได้ประสานความร่วมมือกับพล.ต.ต.เหลียม ซอ รองผู้การตำรวจกัมพูชาฝ่ายปราบปราบเสพติด จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา

ผบช.ภ.3 กล่าวว่า ได้หารือร่วมกับฝ่ายความมั่นคง _ทหาร _ทหารพราน  ตม.4กาบเชิง  ศุลกากร  และฝ่ายปกครองในการร่วมกันปราบปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทราบรายละเอียดทางลึกว่ายังมีอยู่อีกหลายพันคนในฝั่งกัมพูชา   ดังนั้นจึงเตรียมหารือกับผู้นำท้องที่ทั้งของฝ่ายไทย/กัมพูชา ที่สามารถตัดสินใจได้ในการบูรณาการร่วมกันในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งวันจันทร์นี้จะเชิญเข้ามาประชุมกับฝ่ายทหาร ร่วมถึงผู้บังคับการตำรวจในพื้นที่จ.สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ   ทั้งนี้ได้ประสานความร่วมมือกับรองผู้การตำรวจของ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา แล้ว

พร้อมซักถามถึงสิ่งบอกเหตุกับฝ่ายศุลกากรพื้นที่สุรินทร์  ถึงการกัดตุนน้ำมัน เครื่องปั่นไฟ ข้ามไปยังฝั่งกัมพูชาหรือไม่  โดย จนท.ศุลกากร ได้เฝ้าระวังติดตามหากมีสิ่งของ อุปกรณ์ที่ต้องสงสัยจะตรวจยึดเพื่อตรวจสอบทันที








 อัศววัฒน์ พัฒน์ทองกนก  News24 จ.สุรินทร์ รายงาน

แสดงความคิดเห็น