ย้ำทุกพื้นที่เอาจริงห้ามหยุดเผาทุกกรณี ขณะที่ ปภ.และนายอำเภอศรีบุญเรือง ตลอดจนเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่แจ้งความดำเนินคดีหญิงมือโพสต์”ขอบคุณพี่น้องที่มาช่วยดับ” มือเผายอมรับถือว่าเป็นบทเรียนไม่ขอทำอีก พร้อมเตือนเพื่อนเกษตรกร อย่ากระทำ
วันนี้(26 มค.)สืบเนื่องจากมีการแชร์โพสต์ในสื่อโซเซียลเมื่อวันที่ 23 มค.68 เวลาประมาณ 19.00 น.ระบุว่า”วันนี้จุดใบอ้อยค่ะ เตรียมตัวลงไร่ขอบคุณเพื่อนๆที่ไปช่วยดับไฟ” ภายหลังมีการแชร์ข่าวเกิดกระแสสังคมตำหนิถึงการกระทำดังกล่าว จนมีสื่อหลายสำนักนำไปเสนอข่าว
โดยเรื่องนี้เมื่อวันที่ 25 มค.ที่ผ่านมา นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผวจ.หนองบัวลำภู ได้สั่งการให้นายประเสริฐ นิมมานสมัย หน.สนง.ปภ.หนองบัวลำภู ลงพื้นที่อำเภอศรีบุญเรืองเพื่อตรวจสอบ ในขณะที่นายเพทาย จรกระโทก นายอำเภอศรีบุญเรือง ได้สั่งการให้ นายศักรินทร์ โพธินาม ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอศรีบุญเรืองพร้อมด้วยนายสมมาตร ไทรทอง ปลัดอำเภอเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอศรีบุญเรือง ลงพื้นที่ร่วมกับ รองนายก อบต.ทรายทอง กำนันตำบลทรายทอง ผญบ.บ้านกุดแข้ จนท.สาธารณสุขอำเภอศรีบุญเรือง จนท.สธ.รพ.สต.บ้านทรายมูล ต.ทรายทอง อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู พร้อมด้วย ร.ต.อ.นิติพัฒน์ จงดา ร้อยเวร สภ.ศรีบุญเรือง ร.ต.อ.ยงยุทธ แสงนิล ชุดสืบสวนและทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านกุดเข้ ต.ทรายทอง อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู หลังมีคนนำโพสต์ที่ตนเองลงขณะเผาใบอ้อยในสื่อโซเชี่ยล
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้โพสต์คือ นางพุทธ ขอสงวนนามสกุล อายุ 59 ปี ชาวบ้านกุดแข้ ต.ทรายทอง เป็นเจ้าของไร่อ้อยดังกล่าว โดยไร่อ้อยที่เกิดเหตุ อยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้าน ห่างหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตร บ้านกุดแข้ หมู่ 10 ต.ทรายทอง อ.ศรีบุญเรือง เป็นการจุดไฟเผา ใบอ้อยที่เหลือในพื้นที่หลังการเก็บเกี่ยว ไม่ได้เผาต้นอ้อยแต่อย่างใด พื้นที่ประมาณ 2.8 ไร่โดยเกิดเหตุ เมื่อ 23 มกราคม 2568 เวลาประมาณ 18.30 น.แต่หลังเกิดเหตุ ไม่สามารถดับได้เองจึงขับรถเข้าไปตามญาติพี่น้องเพื่อนบ้านในหมู่บ้าน มาเพื่อมาช่วยดับไฟ หลังไฟดับจึงได้โพสต์ขอบคุณชาวบ้านที่มาช่วยดับไฟทางสื่อโซเชี่ยลเฟสบุ๊ค
ขณะที่คณะของเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ จึงได้ดำเนินการแจ้งเจ้าของพื้นที่ผู้ที่เป็นผู้จุดไฟว่า เหตุการณ์เผาไร่อ้อยหรือพื้นที่ตอซังหลังเก็บเกี่ยว เป็นความผิดตาม กฎหมายและฝ่าฝืนข้อสั่งการการห้ามเผาในพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ต่างๆในจังหวัดหนองบัวลำภู มีโทษต้องถูกดำเนินคดี และจำเป็นดำเนินการแจ้งความ โดยมอบหมายให้ อบต.ทรายทองผู้เป็นเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายเข้าแจ้งความ ที่ สภ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู
ทั้งนี้ระหว่างเดินทาง คณะได้พบเหตุการณ์เผาตอซังขึ้นอีกจำนวน 4 แปลง เป็นลักษณะความผิดซึ่งหน้า รวมแปลงที่แจ้งความวันที่รวม 5 แปลงจึงได้สั่งการให้ อบต.ทรายทองเข้าแจ้งความดำเนินคดีภายในวันนี้ต่อไปทั้งหมดที่มีการดำเนินเผา ซึ่งลักษณะของความผิดที่กระทำ เป็นการก่อให้เกิดมลพิษทางด้านสาธารณสุข อัตราโทษปรับไม่เกิน 14,000 บาท
ทางด้าน นางพุทธฯกล่าวว่า ตัวเองไม่รู้ถ้ารู้ก็คงไม่ทำ และต้องขอโทษพี่น้องประชาชนและสังคมด้วย ที่ตนเองได้โพสต์ลงในเฟสบุ๊ค นั้นก็เพื่อจะขอบคุณผู้มาช่วยดับไฟ แต่ก็ด้วยความไม่รู้กฏหมาย เมื่อผิดก็ยอมรับผิดทุกอย่าง พร้อมทั้งก็ขอโทษสังคมด้วย เพราะว่าตนเองพึ่งมาทำไร่อ้อยปีแรก ไม่เคยทำมาก่อน แต่ก่อนก็ให้คนอื่นทำ เห็นคนอื่นเผาได้ก็เลยเผา ต่อไปจะไม่ทำจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก พร้อมทั้งฝากเตือนเพื่อนๆ เกษตรกร อย่าได้กระทำอย่างที่ตนเองทำ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย หากจะทำการเกษตรก็ขอให้ใช้วิธีการอื่นแทน
ส่วนทางด้าน นายศักรินทร์ฯ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่งคนอำเภอศรีบุญเรือง กล่าวว่านายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯจังหวัดหนองบัวลำภู ได้มีประกาศและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเผาพืชผลทางการเกษตร ในขณะที่นายเพทายฯนายอำเภอศรีบุญเรือง ได้กำชับหัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และทุกท้องถิ่น ให้มีการประกาศกำชับในเรื่องของการเผาอ้อยหรือป่า เนื่องจากส่งผลกระทบต่อมลพิษทางอากาศทำให้เกิดค่าฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาของประเทศอยู่ในขณะนี้ ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ต่อเนื่อง เพื่อลดการเผาและหากพบว่ามีการเผาเกิดขึ้น ขอให้ร้องทุกข์กล่าวโทษ พร้อมขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย หากท้องถิ่นไม่แจ้งความดำเนินคดีก็ถือว่าละเลย ทางอำเภอสามารถแจ้งความดำเนินคดีแทนได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผวจ.หนองบัวลำภู ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการเผาอ้อยในพื้นที่และเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลอย่างกว้างขวาง ว่า หลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและปลัดกระทรวงมหาดไทย มีนโยบายเรื่องการรณรงค์ป้องกันไม่ให้เผาเพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศ ทางจังหวัดหนองบัวลำภูได้กำชับพร้อมออกหนังสือแจ้งไปยังส่วนราชการแจ้งผู้นําท้องที่ผู้นําท้องถิ่นให้ช่วยกันดูแลไม่ให้มีการเผาทุกชนิดเพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 หากมีการเผาอ้อยในพื้นที่ใด ขอให้เจ้าหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายที่มีอยู่แล้วอย่างเต็มที่และเข้มงวด
ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาจังหวัดหนองบัวลำภู เคยมีปัญหาการเผาอ้อยแล้วตัดส่งโรงงานน้ำตาล แต่จากการสำรวจข้อมูลล่าสุดพบว่าที่ผ่านมาโรงงานฯเคยรับซื้ออ้อยที่ผ่านการเผาไหม้อยู่ที่ ร้อยละ 27 แต่ปัจจุบันโรงงานฯรับซื้ออ้อยที่ผ่านการเผาไหม้อยู่เพียง ร้อยละ 3 และจังหวัดฯได้มีหนังสือขอความร่วมมือไปยังโรงงานน้ำตาลในจังหวัดฯ ขอให้งดรับซื้ออ้อยที่ผ่านการเผาไหม้แล้ว เพื่อช่วยกันควบคุมดูแลมลพิษทางอากาศในจังหวัดหนองบัวลำภู แต่ที่เป็นประเด็นตามข่าว”เผาแล้วโพสต์”จึงต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สุภัชรกานต์ แก้วสิงห์ หนองบัวลำภู
แสดงความคิดเห็น