ตัวแทนชาวบ้านบ้านผักกาดหญ้า ต.พรสำราญ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ บุกร้องศูนย์ดำรงธรรมอำเภอคูเมือง ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่บ้านผักกาดหญ้า และบ้านพรสำราญได้ทำโครงการฌาปนกิจหมู่บ้านร่วมกัน 2 หมู่บ้านมาประมาณ 30 – 40 ปี โดยหากชาวบ้านคนใดที่มีชื่อในทะเบียนบ้านทั้ง 2 หมู่บ้าน ครบ 90 วันตามเงื่อนไข แล้วเกิดเสียชีวิต ก็จะมีกรรมการไปจัดเก็บเงินฌาปนกิจจากชาวบ้านทั้ง 2 หมู่บ้านครัวเรือนละ 200 บาท เพื่อนำไปมอบให้ญาติผู้เสียชีวิตเป็นค่าจัดงานศพ
แต่ล่าสุดกรณีที่นายประวิทย์ ซึ่งเคยมีชื่อในทะเบียนบ้านในหมู่บ้านผักกาดหญ้า แต่ได้ย้ายภูมิลำเนาออกไปอยู่ที่หมู่บ้านโศกแต้ ต.พรสำราญ หลายปีแล้ว แต่เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.67 นายประวิทย์ ได้เสียชีวิต ผู้ใหญ่บ้านก็ให้กรรมการทั้ง 2 หมู่บ้าน ไปจัดเก็บเงินฌาปนกิจศพจากชาวบ้านทั้ง 2 หมู่บ้านครัวเรือนละ 200 บาท อ้างว่าเป็นค่าจัดงานศพให้กับผู้เสียชีวิต ก็สร้างความคลางแคลงใจให้กับชาวบ้าน เพราะมองว่าไม่เป็นไปตามข้อตกลงหรือเงื่อนไขของฌาปนกิจหมู่บ้านที่กำหนดไว้เพราะผู้ตายได้ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ตำบลอื่นหลายปีแล้ว แต่พอไปสอบถามผู้ใหญ่บ้านพรสำราญ ก็อ้างว่านายประวิทย์ ได้ส่งเงินฌาปนกิจในนามของอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นตาของผู้เสียชีวิตเอง เนื่องจากตอนที่อดีตเจ้าอาวาสอยู่วัดในหมู่บ้านผักกาดหญ้า ก็ได้เข้าร่วมโครงการฌาปนกิจหมู่บ้านด้วย แต่ต่อมาทั้งอดีตเจ้าอาวาส และนายประวิทย์ ซึ่งเป็นหลานก็ได้ย้ายออกจากหมู่บ้านไปหลายปีแล้ว แต่พอเสียชีวิตกลับจะได้รับเงินฌาปนกิจหมู่บ้านซึ่งไม่เป็นไปตามเงื่อนไข อีกทั้งผู้ใหญ่บ้านพรสำราญยังอ้างว่าเป็นคนจ่ายฌาปนกิจให้นายประวิทย์ ช่วงที่ขาดส่งเอง แต่พอขอดูหลักฐานกลับไม่ให้ดู
ยิ่งสร้างความสงสัยให้กับชาวบ้านว่าทำไมผู้ใหญ่บ้านถึงอ้างว่าเป็นคนจ่ายฌาปนกิจแทนคนตายรายดังกล่าวที่ย้ายออกไปอยู่หมู่บ้านอื่นแล้ว หวังจะได้ประโยชน์จากเงินฌาปนกิจหรือไม่ ชาวบ้านหลายคนจึงยังไม่จ่ายเงินฌาปนกิจศพของรายดังกล่าว เพราะมองว่าเป็นการเรียกเก็บที่ไม่ถูกต้องโปร่งใส แต่กลับถูกผู้ใหญ่บ้านพรสำราญ ขู่ว่าถ้าใครไม่จ่ายก็จะตัดสิทธิ์ไม่ได้เงินฌาปนกิจศพของหมู่บ้านพรสำราญอีก สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านเพราะบางคนจ่ายมาตั้งแต่ครัวเรือนละ 20 บาท จนถึง 200 บาท พอชาวบ้านทักท้วงถึงความไม่โปร่งใสกลับขู่จะตัดสิทธิ์ ทั้งที่ชาวบ้านไม่ได้ทำผิดเงื่อนไข
จึงได้พากันมาร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และขอดูหลักฐานย้อนหลังด้วยว่า นอกจากรายนี้ที่มีความผิดปกติ รายอื่นยังมีลักษณะนี้อีกหรือไม่ หากทำไม่ถูกต้องโปร่งใสก็ขอให้ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอน
ด้านนายจีรศักดิ์ ศิลป์ประกอบ ปลัดฝ่ายศูนย์ดำรงธรรมอำเภอคูเมือง ระบุว่า เบื้องต้นก็ได้รับเรื่องร้องเรียนเอาไว้ พร้อมรายงานนายอำเภอทราบ
จากนั้นก็จะทำการสอบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอน โดยจะต้องสอบสวนทั้งสองฝ่ายอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่หากมีการกระทำผิดจริงตามที่มีการกล่าวหา ก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการต่อไป
จากนั้นทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามผู้ใหญ่บ้านพรสำราญ ที่ถูกร้องเรียนกล่าวหาว่าเก็บเงินฌาปนกิจไม่โปร่งใส ก็ชี้แจงว่า เดิมนายประวิทย์ ผู้เสียชีวิตมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านผักกาดหญ้า ซึ่งตอนนั้นมีชื่อของอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นตาของนายประวิทย์ เป็นเจ้าบ้าน ก่อนที่นายประวิทย์ จะย้ายไปอยู่บ้านโศกแต้ ต.คูเมือง จนถึงปัจจุบันกระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา แต่ช่วงที่นายประวิทย์ ย้ายไปอยู่บ้านโศกแต้ก็ยังจ่ายเงินฌาปนกิจในนามของอดีตเจ้าอาวาสผู้เป็นตา หากช่วงไหนที่ไม่อยู่หรือไม่ได้จ่าย แล้วมีคนในหมู่บ้านเสียชีวิต ตนก็จะเป็นคนจ่ายฌาปนกิจให้แทน
เพราะสงสารเห็นว่าเขาจ่ายมาหลายปีแล้วไม่อยากให้เสียสิทธิ์ เพราะเมื่อเสียชีวิตจะได้เงินฌาปนกิจไปเป็นค่าจัดการศพ
ยืนยันว่าชาวบ้านทั้ง 2 หมู่บ้านรับรู้เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว และในส่วนที่ตนจ่ายฌาปนกิจศพแทนครอบครัวนี้ ก็พร้อมให้ตรวจสอบบัญชีการจัดเก็บเงินฌาปนกิจ ว่าดำเนินการอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา ส่วนปัญหาที่ตอนนี้ไม่สามารถจัดเก็บเงินฌาปนกิจบ้านผักกาดหญ้าได้ ก็มีการประชุมชาวบ้านในหมู่บ้านแล้วว่าจะยกเลิกการจัดเก็บเงินของบ้านผักกาดหญ้า ก็จะเก็บเฉพาะบ้านพรสำราญ เพราะที่ผ่านมาก็มีปัญหาเรื่องการจัดเก็บเงินฌาปนกิจหลายครั้ง ผู้ใหญ่ยังยืนยันว่าไม่มีการแอบอ้างเอาชื่อคนเสียชีวิตไปเก็บเงินฌาปนกิจ พร้อมสาบานและเอาตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านรับประกัน ส่วนกรณีที่มีชาวบ้านไปร้องเรียนก็เชื่อว่าน่าจะเกิดความไม่พอใจส่วนตัวมากกว่า
สุรชัย พิรักษา / บุรีรัมย์
แสดงความคิดเห็น