เมื่อเวลา 19.40 น.วันที่ 27 พ.ย. 67 ร.ต.อ.สหชาติ สังข์สม รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งหุตรถยนต์เก๋งรถชน จยย.มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บนถนนทางหลวงชนบทสาย จ แยกโค๊ก-ทุ่งเบี้ย ม.1 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์ รพ.ชุมพรฯและหน่วยกู้ชีพกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์
ในจุดเกิดเหตุ ห่างจากศพแรก เพียง 20 เมตร เจ้าหน้าที่พบรถ จยย.ฮอนด้า สีดำ รุ่นเวฟ 110 ไอ หมายเลขทะเบียน 1 กณ 9257 ชุมพร ถูกชนท้ายอย่างแรงจนรถอยู่ในสภาพหักงอ ส่วนรถคู่กรณี คือรถยนต์เก๋งสีดำ ยี่ห้อ BMW หมายเลขทะเบียน กจ 44 นครศรีธรรมราช จอดสนิทอยู่บนถนนคู่ขนาน โดยหันหน้าส่วนทางกับรถขาออก ห่างจากรถ จยย.เกือบ 100 เมตร อยู่ในสภาพตั้งแต่กันชนไปถึงล้อด้านหน้าขวา พังยับเยิน นอกจาก นี้ล้อหลังด้านขวา ยังพับหักจากอุปกรณ์ส่วนยึดล้ออีกด้วย ส่วนคนขับรถคันดังกล่าวไม่พบในที่เกิดเหตุแล้ว
เจ้าหน้าที่จึงตรวจค้นภายในรถพบสมุดใบคู่มือจดทะเบียนประจำรถอยู่หลายเล่ม และยังพบกระเป๋าเงินตกอยู่ภายในรถ จึงได้นำมาตรวจสอบพบว่าบัตรประจำประชาชนและบัตรขับขี่ ระบุชื่อ น.ส.ภารดา แพนุ้ย อยู่บ้านเลขที่ 111/32 ถนนศาลาแดง ต.ท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ กำลังเต้นแอโรบิค กันอยู่ที่ลานหน้าบ้านริมถนนคู่ขนาน ใกล้เชิงสะพาน ได้เสียงดังโครมสนั่นกลบเสียงดนตรี ทุกคนหันไปเห็นคล้ายคนกระเด็นปลิวตกจากสะพานลงมากระแทกพื้น จึงวิ่งออกไปดูก็พบว่าสิ่งที่กระเด็นมานั้นก็คือคน จำนวน 2 คน และอีก 1 คน นอนบนถนนเชิงสะพาน จึงได้แจ้งให้ทางตำรวจได้มาตรวจสอบดังกล่าว
ในขณะชาวบ้านอีกราย(ปิดหน้าด้วย)ได้ให้ข้อมูลว่า บ้านตนเองอยุ่ฝั่งตรงข้าม ขณะที่นั่งเล่นกันอยู่หน้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงดังโครม จึงหันไปมองตามต้นเสียง ก็พบรถยนต์เก๋ง หมุนเคว้งจากบนถนนสายหลักชนเข้ากับเกาะกันทางข้ามไปจอดนิ่งบนถนนคู่ขนาน ตนเองจังวิ่งข้ามถนนมาเพื่อจะได้ช่วยเหลือเพราะตอนแรกคิดว่ารถเสียหลักเอง โดยไม่คิดว่าเฉียวชนรถคนอื่นมา
ชาวบ้านรายนี้ เล่าต่อว่า เมื่อมาถึงก็พบหญิงสาว อายุไม่มากเท่าไหร่ เปิดประตูลงมาจากรถ ตนเองก็ถามว่าเป็นอะไรรึเปล่าให้ช่วยเหลืออะไรหรือไม่ โดยหญิงคนขับร้องขอให้ช่วยหาแมวให้หน่อย มันตกใจวิ่งออกจากรถ ตนเองก็ช่วยหาจนเจอพบอยู่ใต้ท้องรถ และทางหญิงสาวนั้น ก็หยิบมือถือมาโทรหาใครไม่ทราบ พร้อมบอกว่าเดี่ยวให้แฟนมารับ ประกอบตอนนั้นตนเริ่มเห็นบริเวณสะพานมาคนส่งเสียงดังลั่น จึงเดินไปดูและหันไปที่หญิงสาวอีกที ก็พบว่าเดินอุ้มแมวหายไปความมืดแล้ว
เบื้องต้นตำรวจพบว่า รถ จยย.สามคนแม่ลูกกำลังขับรถ จยย.กลังจากเรียนพิเศษเพื่อจะกลับบ้านที่ ต.วิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 6 กม.โดยใช้ถนนสายทางหลวงชนบท สาย จ. แยกโค๊ก-ทุ่งเบี้ย จนมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสะพานข้ามรางรถไฟ และก่อนจะลงสะพานพบว่าเป็นทางโค้งขวา สันนิษฐานว่า รถยนต์เก๋งน่าจะมาด้วยความเร็ว แล้วคุมรถไม่อยู่ หหรืออาจไม่ทันสังเกตเห็น รถ จยย. หรืออาจจะหยอกเล่นอยู่กับแมว จนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามได้นำเมมโมรีการ์ดจากกล้องที่ติดหน้ารถยนต์ไปตรวจสอบอีกครั้ง และจะออกหมายเรียกนางสาวภารดา แพนุ้ย ว่าเป็นบุคคลเดียวที่ขับรถยนต์วันเกิดเหตุหรือเปล่า ถ้าใช่ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
//ประสิทธิ์ ลีฬหคุณากร/ชุมพร
แสดงความคิดเห็น