โดยการเกิดปัญหาเช่นนี้แต่ละครั้งประชาชน นักท่องเที่ยว คนขับรถบรรทุก รถโดยสาร ต้องติดอยู่ในรถนานหลายชั่วโมงเพื่อรอการกู้รถคันที่ประสบอุบัติเหตุ ทำให้ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่สามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางตามเวลาที่วางแผนไว้ รวมถึงการขับถ่ายก็ลำบากมากๆ ซึ่งปัญหาดังกล่าวกำลังสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน นักท่องเที่ยว รวมทั้งบริษัทขนส่งในพื้นที่อำเภอสังขละบุรี
ทั้งนี้หลังจากมีปัญหาการสู้รบระหว่างรัฐบาลเมียนมา และชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนไทยเมียนมา ส่งผลให้ช่องทางการค้าสำคัญๆ หลายพื้นที่ไม่สามารถขนส่งสินค้าข้ามแดนได้ ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทั้งไทย และเมียนมา หันมาใช้ขนส่งสินค้าผ่านช่องทางด่านเจดีย์สามองค์ ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เพิ่มขึ้นจนสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากปริมาณรถบรรทุกเพิ่มขึ้น ขณะที่ถนน 323 สังขละบุรี-ทองผาภูมิ เป็นถนนขนาด 2 ช่องทางจราจร ที่ไม่ได้ถูกสร้างมาเพิ่มรองรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ประกอบกับลักษณะภูมิประเทศของอำเภอสังขละบุรี ที่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน ถนนมีความสูงชัดและคดเคี้ยว ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนถนนบ่อยครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งใช้เวลายาวนานในการแก้ไขเพื่อเปิดให้ใช้งานได้อีกครั้ง
สำหรับเหตุการณ์รถบรรทุก 18 ล้อ พลิกคว่ำในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 10.00 น ของวานนี้ (7 กค 2567) แม้จะผ่านพ้นระยะเวลามากว่า 27 ชม แล้วก็ยังไม่สามารถกู้รถบรรทุกที่พลิกคว่ำได้ทั้งหมด เนื่องจากรถบรรทุก18 ล้อ มีน้ำหนักเยอะ ต้องรอรถเครนขนาดใหญ่จากกรุงเทพฯ ซึ่งผู้ประกอบการต้องจัดหามาซึ่งต้องใช้เวลา
จากการสอบถามผู้ประกอบการรถบรรทุกค้นที่ประสบอุบัติเหตุให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า จะเร่งกู้รถให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ เนื่องจากตอนนี้ตัวรถบรรทุกลากจูงสามารถกู้ออกจากจุดเกิดเหตุได้แล้ว หรือในส่วนของรถพ่วงที่มีสินค้าซึ่งเป็นของอุปโภคบริโภคที่จะส่งให้ลูกค้าในฝั่งประเทศเมียนมา ที่จะทำการกู้และเคลื่อนย้ายออกในลำดับต่อไป
ขณะที่ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ สังขละบุรี และอาสาสมัครมูลนิธิพิทักษ์กาญน์ (สังขละบุรี) เข้ามาดูแลประชาชน นักท่องเที่ยว และจัดการจราจร ให้รถทยอยขึ้นลง พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ขณะผ่านจุดที่เกิดเหตุ มาตั้งแต่ช่วงหลังเกิดเหตุตลอดทั้งกลางวันกลางคืน เนื่องจากเส้นทางเป็นช่วงลาดชัน-ขึ้นลงเขาและทางโค้ง
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์
แสดงความคิดเห็น