ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการปราบปราม กลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญหาปล่อยเงินกู้นอกระบบและกลุ่มแก๊งที่ประกอบธุรกิจรับจำนำรถผิดกฎหมายที่หลอกลวงประชาชนทั่วประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามกลุ่มปล่อยเงินกู้นอกระบบและกลุ่มแก๊งที่ประกอบธุรกิจรับจำนำรถผิดกฎหมาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างความผิดที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้างต้นและตรวจค้นกลุ่มเสี่ยงแบบครบวงจร พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้วยในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 มีอาชญากรรมที่เกิดจากปัญหาปล่อยเงินกู้นอกระบบและกลุ่มแก๊งที่ประกอบธุรกิจรับจำนำรถผิดกฎหมาย และส่งรถออกนอกต่างประเทศตามแนวชายแดน
ส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินของประชาชนเป็นวงกว้าง พล.ต.ท.ฐากูร นัทธีศรี ผบช.ภ.3 จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย รอง ผบช.ภ.3./ผอ.ศปน.ภ.3, พล.ต.ต.สนธยา แต่แดงเพชร ผบก.สส.ภ.3 ,พ.ต.อ.ทศพร เพียรปรุ ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวน 2 บก.สส.ภ.3 ร่วมกันออกทำการสืบสวนและปราบปราบกลุ่มปล่อยเงินกู้นอกระบบและกลุ่มแก๊งที่ประกอบธุรกิจรับจำนำรถผิด และส่งรถออกนอกประเทศตามแนวชายแดน พบว่า มีกลุ่มคนร้ายได้ใช้สื่อสังคมออนไลน์หลอกลวงประชาชนให้กู้เงินและจำนำรถยนต์ โดยใช้เพจเฟสบุ๊ค ชื่อว่า “บังมิดบีบีอา” ซึ่งมีประชาชนตกเป็นเหยื่อของเครือข่ายเว็บไซต์ดังกล่าวอีกเป็นจำนวนมาก และจากการสืบสวนพบว่า มีผู้เสียหายหลงเชื่อเข้าไปกู้ยืมเงิน แต่ปรากฏว่า เพจเฟสบุ๊คดังกล่าวได้เรียกดอกเบี้ยสูงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งเมื่อผู้เสียหายนำรถยนต์ไปจำนำ ก็ปรากฏว่า เพจเฟสบุ๊คดังกล่าวกลับโพสขายรถยนต์สื่อโซเชียลซึ่งต่อมา เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ ได้ร่วมกันตรวจยึดรถยนต์ที่เตรียมส่งออกนอกประเทศได้หลายคันรวมรถยนต์ผู้เสียหาย ในลักษณะลักลอบขนลำเลียงข้ามฝังไปขายที่ประเทศเพื่อนบ้านตามเส้นทางธรรมชาติ ซึ่งพฤติการณ์มีการกระทำเป็นลักษณะขบวนการ โดยแบ่งหน้าที่กันทำเป็นส่วนๆ ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 3 ได้สืบสวนติดตามผู้กระทำความผิดตลอดมา และได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาลอนุมัติหมายผู้ร่วมขบวนการจำนวน 3 ราย
ต่อมา วันที่ 18 มิถุนายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 2 ฯ ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดอุดรธานี เข้าตรวจค้นร้าน KSRSHOP ทลายแก๊งรับจำนำรถ ดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 40 ต่อปี ยึดรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ จำนวน 9 คัน มูลค่า 5 ล้านบาท และได้จับกุมตัว
1.นาย เอ ( นามสมมติ) อายุ 23 ปี ชาวจังหวัดหนองคาย เจ้าของเฟสบุ๊คที่ใช้ในการกระทำความผิด ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล โดยการจัดหามาซึ่งเงินทุนแล้วให้ผู้อื่นกู้เงินโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงิน โดยมีลักษณะเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ ,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ตามหมายจับศาลจังหวัดสีคิ้ว ที่ จ.79/2567 ลง 14 มิถุนายน 2567 ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สีคิ้ว
2. นาย ปอ ( นามสมมติ ) อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดกาญจนบุรี ข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลาง
1. อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน จำนวน 10 นัด
2. อาวุธสั้นขนาด .38 ไม่มีทะเบียน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 53 นัด
ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี
ส่วนผู้ต้องหาที่ศาลออกหมายจับที่เหลือ ซึ่งตรวจสอบเป็นบุคคลพื้นที่เขตชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ในจังหวัดอุบลราชธานี ทางตำรวจสืบสวน ภาค 3 อยู่ระหว่างติดตามตัวจับกุม เพื่อสืบสวนขยายผล และรวบรวมพยานหลักฐานหาผู้ร่วมกระทำความผิดและนายทุนในขบวนการนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
แสดงความคิดเห็น