Top News/ข่าวยอดนิยม

Recent News/ข่าวล่าสุด

หลังเทศกาลออกพรรษาสืบสาน“ประเพณีแห่พระทางน้ำวัดอินทาราม...แห่หลวงพ่อคุ้ม... อำเภอบ้านสร้างเพื่อแสดงความกตัญญูต่อพระพุทธศาสนา และสักการะ

หลวงพ่อคุ้มให้คุ้มครองบ้านเมืองให้สงบร่มเย็น โดยอัญเชิญองค์หลวงพ่อคุ้มประดิษฐานบนเสลี่ยงและบนเรือองค์ (แพไม้ที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สด ผ้าสีทอง และธงพุทธศาสนา) การรำถวายองค์หลวงพ่อคุ้ม ขบวนแห่พระทางน้ำจากท่าน้ำวัดอินทารามล่องไปตามลำน้ำแม่น้ำปราจีนบุรี  จนถึงวัดบางกระเบา (พระอารามหลวง) พร้อมมีการประกวดเรือพาย (ประเภทสวยงาม) การถวายเพลพระ และพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีทางน้ำ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568  ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี  ณ วัดอินทาราม ตำบลบางยาง อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี นายเสฏฐวุฒิ วงศ์เลอวุฒิ นายอำเภอบ้านสร้าง เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “โครงการส่งเสริมประเพณีท้องถิ่นแห่พระทางน้ำวัดอินทาราม (แห่หลวงพ่อคุ้ม)” ซึ่งจัดโดย องค์การบริหารส่วนตำบลบางยาง(อบต.) เพื่อสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามและส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่นของชุมชนบางยาง
 ในการนี้ นางสาวเสาวลักษณ์ จิตจำนงค์ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลบางยาง(อบต.)รักษาการในตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางยาง(อบต.)กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน และได้รับเกียรติจากนางสุมลฑา เจริญศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมด้วยข้าราชการและบุคลากรในสังกัดสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดปราจีนบุรี เข้าร่วมกิจกรรมและให้การสนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อสืบทอดประเพณีท้องถิ่นอันทรงคุณค่าของจังหวัดปราจีนบุรี “ประเพณีแห่หลวงพ่อคุ้มทางน้ำ” เป็นประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดมากว่าร้อยปีจัดขึ้นหลังเทศกาลออกพรรษา เพื่ออัญเชิญ “หลวงพ่อคุ้ม” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดอินทาราม ขึ้นประดิษฐานบนเรือองค์ ล่องไปตามลำน้ำปราจีนบุรี เพื่อให้ประชาชนสองฝั่งน้ำได้ร่วมสักการะรับน้ำพระพุทธมนต์ และขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว
ขบวนเรือแห่ในปีนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และงดงามมีขบวนเรือพายและเรือประดับตกแต่งอย่างตระการตา โดยมีประชาชน นักเรียน เยาวชน และนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานจำนวนมาก สร้างบรรยากาศแห่งความศรัทธา ความสุข และความร่วมแรงร่วมใจของคนในชุมชนบ้านสร้างนอกจากนี้ คณะผู้บริหารและหน่วยงานภาครัฐยังได้ร่วมถวายภัตตาหารเพลและถวายผ้าป่าสามัคคีแด่พระภิกษุสงฆ์ ณ วัดบางเตย ตำบลบางเตย อำเภอบ้านสร้าง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและสร้างกุศลตามวิถีชาวพุทธ จังหวัดปราจีนบุรี ได้ประกาศให้ “ประเพณีแห่พระทางน้ำวัดอินทาราม (หลวงพ่อคุ้ม)” เป็น งานประเพณีท้องถิ่นของตำบลบางยาง อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อยกระดับเป็นงานสำคัญระดับอำเภอบ้านสร้างในอนาคตซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการอนุรักษ์มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น และเป็นการส่งเสริม Soft Power ทางวัฒนธรรมให้เกิดความยั่งยืน
นางสุมลฑา เจริญศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า “ประเพณีแห่หลวงพ่อคุ้มทางน้ำ เป็นภาพสะท้อนของศรัทธา ความสามัคคี และอัตลักษณ์ของชุมชนบ้านสร้าง สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดปราจีนบุรีพร้อมสนับสนุนให้ประเพณีนี้คงอยู่และเติบโตเป็นพลังทางวัฒนธรรมของจังหวัดอย่างยั่งยืน”“ประเพณีแห่พระทางน้ำวัดอินทารามหรือวัดบางยาง” เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดมายาวนานของชาวตำบลบางยาง อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี สันนิษฐานว่ามีอายุกว่า 100 ปี ซึ่งเกิดขึ้นจากความศรัทธาอันแรงกล้าที่มีต่อ “หลวงพ่อคุ้ม” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดอินทารามที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับสายน้ำ เมื่อถึงช่วงหลังเทศกาลออกพรรษาของทุกปีในแรม 2 ค่ำ เดือน 11
ชาวบ้านจะพร้อมใจกันจัดงานบุญทางน้ำ เพื่อแสดงความกตัญญูต่อพระพุทธศาสนา และสักการะหลวงพ่อคุ้มให้คุ้มครองบ้านเมืองให้สงบร่มเย็น โดยมีจุดเด่นที่สำคัญ ประกอบด้วย การอัญเชิญองค์หลวงพ่อคุ้มประดิษฐานบนเสลี่ยงและบนเรือองค์ (แพไม้ที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สด ผ้าสีทอง และธงพุทธศาสนา) การรำถวายองค์หลวงพ่อคุ้ม ขบวนแห่พระทางน้ำจากท่าน้ำวัดอินทารามล่องไปตามลำน้ำแม่น้ำปราจีนบุรี  จนถึงวัดบางกระเบา (พระอารามหลวง) พร้อมมีการประกวดเรือพาย (ประเภทสวยงาม) การถวายเพลพระ และพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีทางน้ำดังนั้น ประเพณีดังกล่าวจึงเป็น “สัญลักษณ์แห่งศรัทธา” ที่ชาวบ้านสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อให้ลูกหลานได้ร่วมสร้างบุญกุศลและตระหนักถึงรากเหง้าวัฒนธรรมของตน นอกจากจะเป็นพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว การแห่พระทางน้ำยังเป็นโอกาสให้ผู้คนสองฝั่งน้ำได้มาพบปะกัน ร่วมแรงร่วมใจตกแต่งเรือ ทำอาหาร และจัดขบวนพิธี ทำให้เกิดความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นอันเป็น “พลังของชุมชน” ที่ช่วยหล่อหลอมให้เกิดความรักและสามัคคีอีกด้วยสำหรับหลวงพ่อคุ้ม คือ พระพุทธรูปสำคัญเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 0.7 เมตร สูง 1 เมตรสันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย หรือสมัยต้นรัตนโกสินทร์ประดิษฐานภายใน มณฑปหลวงพ่อคุ้ม ที่วัดอินทาราม อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ซึ่งชาวบ้านเคารพเลื่อมใสในความศักดิ์สิทธิ์ โดยเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ในการช่วยเหลือเมื่อผู้คนเจ็บป่วย หรือประสบภัยพิบัติ เช่น อุทกภัย วาตภัย และมักจะประสบความสำเร็จเมื่อมาบนบานขอพร ทำให้วัดจัดงานประจำปีปิดทองหลวงพ่อคุ้มในกลางเดือน 4ทุกปี.
มานิตย์  สนับบุญ 081 -5583238 / ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดปราจีนบุรี/////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77จังหวัด











 ประดิษฐานภายใน มณฑปหลวงพ่อคุ้ม ที่วัดอินทาราม อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ซึ่งชาวบ้านเคารพเลื่อมใสในความศักดิ์สิทธิ์ โดยเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ในการช่วยเหลือเมื่อผู้คนเจ็บป่วย หรือประสบภัยพิบัติ เช่น อุทกภัย วาตภัย และมักจะประสบความสำเร็จเมื่อมาบนบานขอพร ทำให้วัดจัดงานประจำปีปิดทองหลวงพ่อคุ้มในกลางเดือน 4ทุกปี.

นครนายก - ผู้ว่าจังหวัดนครนายก ลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวอุปถัมภ์ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 45 ส่งต่อความอบอุ่นต้อนรับเยาวชนชายแดนใต้ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพ

วันที่ 9 ตุลาคม 2568 เวลา 13.30 น. นายชานน วาสิกศิริ  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก รองผู้อำนวยการความมั่นคงภายในจังหวัดนครนายก (ท) ปลัดจังหวัดนครนายก หัวหน้าส่วนราชการ และคณะร่วมลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวอุปถัมภ์ที่เข้าร่วมโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 45 ณ พื้นที่อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายกโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 45 จังหวัดนครนายกได้ให้การต้อนรับเยาวชนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 30 คน ซึ่งพักอาศัยอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ทั้งสิ้น 15 ครอบครัว ระหว่างวันที่ 6 – 21 ตุลาคม 2568 โดยมีการจัดกิจกรรมหลากหลายด้าน เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ร่วมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตนอกพื้นที่ของตนเองสมบัติ เนินใหม่//รัชชานนท์ เนินใหม่//ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก
สมบัติ เนินใหม่//รัชชานนท์ เนินใหม่//ผู้สื่อข่าวผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดนครนายก///////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77จังหวัด







กาญจนบุรี - สถานการณ์ชายแดนกาญจน์ เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ จนท.ร่วมใจประกอบอาหารเลี้ยงตามหลักมนุษยธรรม คาดผู้อพยพกลับวันนี้

จากกรณีรัฐบาลทหารเมียนมา ส่งเครื่องบิน Y-12 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบิน K-8 จำนวน 1 ลำ บินมาทิ้งระเบิดทำลายบ้านเรือประชาชนที่ชุมชนบ้านทิกิ อ.เมตตา จ.ทวาย ภาคตะนาวศรี ประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้ามด่านชายแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ..กาญจนบุรี ห่างออกไปประมาณ 1- 2 กิโลเมตร เป็นเหตุทำให้หลังคาอู่ซ่อมรถได้รับความเสียหาย ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ ไม่มีรายงาน จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ชุมชนบ้านทิกิ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวพม่า กะเหรี่ยงและมอญ อพยพออกจากบ้านพักหนีมาอาศัยอยู่ตามแนวชายแดน 300-400 คนโดยนายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.ณัฏฐพงศ์ อัศวินวงศ์ ผบ.พล.ร.9 สั่งการให้ นายสมบูรณ์ แผนสมบูรณ์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.อ.สรรเสริญ ไพรโสภา ผบ.กรมทหารพราน 14 พร้อมเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.เมืองกาญจนบุรี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิด อีกทั้งให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมด้วยการนำอาหาร น้ำดื่ม ไปมอบให้
และนอกจากนี้ กองร้อยทหารพรานที่ 1402 กรมทหารพรานที่ 14 ได้จัดเจ้าหน้าที่เสนารักษ์นำอุปกรณ์ทางการแพทย์และยารักษาโรค เข้าให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่หนีภัยจากการสู้รบ มีทั้งการตรวจสุขภาพให้แก่เด็กและคนชรา รวมถึงทำบาดแผลให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย จึงถือว่าเป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ที่ไรพรมแดนปัจจุบันผู้อพยพทั้งหมดยังคงอาศัยอยู่ตามแนวชายแดนฝั่งประเทศเมียนมาติดกับไม้กระดกที่ใช้ข้ามไปชายแดน โดยที่ยังไม่มีการอนุญาตให้เข้ามาอาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินไทยแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุที่ผู้อพยพยังไม่เดินทางกลับ เป็นเพราะยังมีความกังวลว่าทหารเมียนมาอาจจะส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดอีกครั้งหนึ่ง จึงขออยู่ตามแนวชายแดนไปจนกว่าจะมั่นใจว่าไม่มีการส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดอีกต่อไป เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านนำโดยผู้ใหญ่บ้านบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า และหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องได้พร้อมใจกันประกอบอาหารเพื่อให้ผู้อพยพทุกคนได้กินจนอิ่มท้องอย่างสบายใจ เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่ต่างคุ้นหน้าคุ้นตาและเคยไปมาหาสู่รวมถึงซื้อขายสินค้าในระดับท้องถิ่นกันอยู่แล้ว ส่วนประเด็นที่สังคมออนไลน์แสดงความคิดเห็นด้วยความกังวลว่า การอพเข้ามาในครั้งนี้อาจจะไปซ้ำรอยชายแดนด้านพื้นที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว นั้น ประเด็นนี้ไม่ต้องกังวลเพราะสภาพพื้นที่ชายแดนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญชาวบ้านที่อพยพมานั้น ไม่ได้รุกล้ำเข้ามาอาศัยในเขตพื้นที่ของประเทศไทยแต่อย่างใด โดยหน่วยงานด้านความมั่นคงทุกหน่วยร่วมกันเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดล่าสุดเวลา 14.30 น.นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี แจ้งว่าตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้นในพื้นที่ชุมชนบ้านทิกิ อ.เมตตา จ.ทวาย ภาคตะนาวศรี ประเทศพม่า หากสถานการ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ผู้อพยพพร้อมที่จะเดินทางกลับเข้าสู่บ้านพักของตัวเองทันที
ข่าวภูมิภาค / ปรีชา  ไหลวารินทร์ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดกาญจนบุรี/////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77จังหวัด








รายงานพิเศษ!- ระอุศึกเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตูม (อบต.) โหมหนักผ่านโซเชี่ยล-ลงพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี เวทีการเมืององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่องค์การบริหารส่วนตำบลท่าตูม (อบต.) อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ย่านนิคมอุตสาหกรรม 304 ที่มีโรงงานมากกว่า 1,000 แห่ง มีงบสนับสนุนและจัดเก็บรวมมากกว่า 200 ล้าน / ปี  ภายหลังจากนายโยธิน  พงษ์อ้อ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตูม (อบต.) ได้ลาออกก่อนครบวาระ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปราจีนบุรี (กกต.) ได้ให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตูม ประกาศให้มีการรับสมัครเลือกตั้ง ระหว่าง วันที่ 15 กันยายน 2568 ถึงวันที่19 กันยายน 2568 และ กำหนดให้วันที่26 ตุลาคม 2568 เป็น "วันเลือกตั้ง"   มีผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตูม (อบต.) รวม 3 คน ได้แก่ เบอร์ 1 นายอนุชิต  ศิลปะกิจโกศล (หมอ) อายุ 61 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตูม (อบต.) และปัจจุบันเป็นหัวหน้าหน่วยกู้ภัยมังกร , เบอร์ 2 นายโยธิน   พงษ์อ้อ (แบ๊งค์) อายุ 44 ปี อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตูม (อบต.) และ  เบอร์ 3 นายคณิณพัชญ์  อัมพุชศศิภัณ (ต้อง) อายุ 46 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัวบรรยากาศการหาเสียง เต็มไปด้วยความคึกคักในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะการหาเสียงสมัยใหม่ผ่านทางโลกออนไลน์-โซเชี่ยลคึกคักสูงสุด!ที่จะเข้าถึงประชาชน ทั้งผ่านเพจ , เฟชบุ๊ค,ติ๊กต๊อก และ รวมถึงรูปแบบการหาเสียงดั้งเดิม อาทิ การตั้งป้ายโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ตามถนน ตามแยก ตรอกซอกซอยให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเห็นเด่นชัด สะดุดตา ในการนำเสนอนโยบายต่าง ๆ และการลงพื้นที่เข้าหาประชาชนรับทราบปัญหาพบปะพูดคุยเคาะประตูบ้านแจกแผ่นพับแนะนำตนเองทีมงาน และวิ่งรถกระจายเสียงประชาสัมพันธ์ในการหาเสียงของทั้ง 3 ผู้สมัครนายอนุชิต  ศิลปะกิจโกศล (หมอ)  ผู้สมัครเบอร์ 1 กล่าวว่า “แนวทางการหาเสียงของตนเอง ส่วนใช้รูปแบบการเดินเคาะประตูบ้านประชาชนให้มากที่สุด เพื่อพบปะรับฟังปัญหาที่แท้จริงในการนำมาแก้ปัญหาในอนาคต ประวัติและผลงาน 
 เดิมตนเองรับราชการงานสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมที่องค์การบริหารส่วนตำบลท่าตูม (อบต.) ต่อมาลาออกจากราชการและทำงานจิตอาสาเป็นหัวหน้าหน่วยกู้ภัยมังกร ซึ่ง  4 ปีที่ผ่านมามีโควิด ได้อาสาฯช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ จึงตั้งใจลงเล่นการเมืองมาช่วยเหลือประชาชนเพื่อพัฒนาท้องถิ่นเต็มที่ในการการลงพื้นที่ได้รับการต้อนรับจากประชาชนอย่างดียิ่ง ได้รับการร้องเรียนในบางเรื่องได้เก็บไว้เป็นข้อมูลในการช่วยเหลือชาวบ้านต่อไป และ ขอเชิญพี่น้องชาวตำบลท่าตูมออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงการเลือกตั้งมากที่สุดทุกคะแนนของประชาชนเพื่อเลือกผู้บริหารเป็นตัวแทน เข้าไปบริหารบ้านเมืองด้วยความสุจริตโปร่งใส”นายอนุชิต (หมอ) กล่าวด้านนายโยธิน  พงษ์อ้อ (แบ๊งค์) ผู้สมัคร์เบอร์ 2 ระบุนโยบายผ่านเพจ ว่า ... นโยบาย 8 ด้าน เพื่อยกระดับท่าตูมเมืองอัจฉริยะอย่างยั่งยืน 1 โครงสร้างพื้นฐาน ทันสมัยมีคุณภาพ ถนนดี ไฟสว่าง น้ำประปามีคุณภาพยกระดับมาตรฐานถนนและท่อระบายนํ้า ปรับปรุงโครงสร้างถนนและระบบระบายน้ำ ให้ได้มาตรฐาน เพิ่มความปลอดภัยและลด ปัญหาน้ำท่วมขังขยายช่องจราจรเพื่อการสัญจรที่สะดวก เพิ่มจำนวนช่องทางจราจรเพื่อรองรับการ เดินทางที่คล่องตัว และลดความหนาแน่น ของการจราจรปรับปรุงและต่อเติมรางระบายนํ้าทั่วตำบล แก้ปัญหาน้ำท่วมขังและนํ้ารอการระบายอย่าง ยั่งยืน 2 สิ่งแวดล้อมดี ท่าตูมปลอดภัย จากมลพิษ ประชาชนอยู่สบายเพิ่มยกระดับติดตั้งเครื่องตรวจวัดและสถานี ตรวจวัดคุณภาพป่า (WQI)  ยกระดับการติดตั้งเครื่องวัดและเซ็นเซอร์ ตรวจวัดมลพิษทางอากาศ  ส่งเสริมองค์ความรู้และพัฒนาระบบบำบัดป่าเสีย ในชุมชนท่อนปล่อยลงแม่ป่าและคลองสาธารณะขุดลอกคูคลองและกำจัดผักตบชวาวัชพืช  รณรงค์ลดขยะ ลดพลาสติก สร้างเครือข่ายรีไซเคิล และจุดเก็บขยะอันตราย 3 เมืองอัจฉริยะ Smart Thatoom Next Step เพื่อชาวท่าตูมทุกคนอย่างยั่งยืนจัดตั้ง War Room (ศูนย์ข้อมูล-เผชิญเหตุ) รวบรวมข้อมูลความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม บริการและการพัฒนาพัฒนาฐานข้อมูล Smart Thatoom Data เพื่อวางแผนพัฒนาสาธารณูปโภค ถนน น้ำประปา มลพิษทางน้ำ มลพิษทางอากาศ และขยะทํา Application " Smart Thatoom " สำหรับแจ้งปัญหา ร้องเรียน ร้องทุกข์ การชำระภาษี การเข้าถึงบริการต่างๆยกระดับการติดตั้งกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ (CCTV) ครอบคลุมทั้งตำบลส่งเสริมติดตั้งระบบ Smart Thatoom Ambulance Platform ระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินอัจฉริยะสำหรับผู้ป่วยติดเตียงและผู้มีความเสี่ยงจําเป็นต้องใช้ในพื้นที่ตำบลท่าตูมเพื่อทุกนาทีชีวิตที่มีค่าสำหรับทุกคน
ติดตั้งโครงข่ายโซลาร์เซลล์ชุมชน เช่นที่ศูนย์ พัฒนาเด็กเล็ก ศาลาประชาคม และอาคาร สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตูม เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายค่าไฟ   ติดตั้งจอประชาสัมพันธ์ (LED) เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารที่สำคัญรองรับการประชาสัมพันธ์เพื่อเข้าถึงสินค้าชุมชน สินค้า OTOPและประชาสัมพันธ์ธุรกิจในชุมชน  ศูนย์การเรียนรู้ดิจิทัลหลากวัยผ่าน Application Smart Thatoom  ห้องสมุดออนไลน์+คอร์สทักษะดิจิทัล สำหรับเด็ก เยาวชน ประชาชน ผู้สูงอายุ ผ่าน Application Smart Thatoom  ตลาดออนไลน์ สินค้าท่าตูมและ OTOPท่าตูม ผลผลิต เกษตรกร งานฝีมือชุมชน และสินค้ามือสองของ ประชาชน ผ่าน Application Smart Thatoom   ส่งเสริมการติดตั้ง WiFi ฟรี เพื่อรองรับการศึกษาดิจิทัล  ยกระดับการพัฒนาเพื่อรองรับการเป็นเมืองอัจฉริยะ
4 สังคมเท่าเทียม ทุกคนมีคุณค่าและมีส่วนร่วมยกระดับการจัดงาน "Thatoom Pride " สร้างสังคมแห่งความเท่าเทียมทุกเพศทุกวัย  เปิดเวทีให้เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ มีส่วนร่วมในการตัดสินใจและพัฒนาตำบลท่าตูม ยกระดับการช่วยเหลือมอบผ้าอ้อมสำหรับผู้ป่วยติดเตียงเพื่อแบ่งเบาภาระให้ประชาชน ยกระดับการช่วยเหลือผู้มีสภาวะสายตาผิดปกติได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี   ส่งเสริมพัฒนากลุ่มชมรมผู้สูงอายุและโรงเรียนผู้สูงอายุให้มีคุณภาพ  ส่งเสริมพัฒนากลุ่มเด็กและเยาวชนให้มีพื้นที่แสดงออกและมีเวทีในการพัฒนาศักยภาพ  ส่งเสริมพัฒนากลุ่มเด็ก เยาวชนผ่านโครงการพัฒนาทักษะกีฬาดนตรีและการศึกษาทักษะเสริมนอกโรงเรียน 5 เศรษฐกิจมั่นคง มีอาชีพดี มีรายได้เพิ่มส่งเสริม สนับสนุน เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farm) นำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้เกษตรกร อบรมเสริมทักษะอาชีพใหม่ให้เป็นอาชีพหลัก หรืออาชีพเสริม ให้กับชาวตำบลท่าตูมได้มี ช่องทางหารายได้เพิ่ม เชื่อมโยงการค้าขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ 6 การศึกษาดี ศาสนา วัฒนธรรมยั่งยืนยกระดับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้ได้มาตรฐานปลอดภัย เพื่อเป็นรากฐานรองรับการสร้างอนาคตของตำบลท่าตูม  จัดตั้งศูนย์พัฒนาศักยภาพตำบลท่าตูมเพื่อเป็นคลังความรู้ตลอดชีวิตและเป็นที่สันทนาการของชาวตำบลท่าตูม ส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนรู้การศึกษาดิจิทัลออนไลน์ ห้องสมุดอัจฉริยะ ผ่าน Application Smart Thatoom ยกระดับการสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา ทุกศาสนา   ยกระดับประเพณีท้องถิ่นให้ดึงดูดผู้คนเป็นSoft Power เช่นงานลอยกระทงรักษ์โลกขององค์การบริหารส่วนตำบลท่าตูมให้เป็นงานระดับจังหวัด 7 สุขภาพดี กีฬาดี ประชาชนแจ่มใสยกระดับการพัฒนาสนามกีฬาอค์การบริหารส่วนตำบลท่าตูม (สนามกีฬาโป่งไผ่) ให้ได้มาตร ฐานระดับประเทศสร้างสระว่ายนํ้าชุมชนเพื่อคนในพื้นที่มีสุขภาพดีมีทักษะในการว่ายนํ้า พัฒนาสู่วิ่งยางที่สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตูม (สนามกีฬาโป่งไผ่) เพิ่มสนามเด็กเล่นให้มีขนาดใหญ่ได้มาตรฐาน และรองรับเด็กๆและผู้ปกครองที่มาใช้บริการที่สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าตูม (สนามกีฬาโป่งไผ่)  เพิ่มสนามเด็กเล่นในชุมชนพื้นที่สาธารณะในพื้นที่ตำบลท่าตูมเพื่อให้เด็กเยาวชนมีพื้นที่ออกกำลังกาย  พัฒนาส่งเสริมทักษะ อสม. กลุ่มสตรี ให้มีความรู้ด้านสุขภาพเพื่อเป็นกำลังในการถ่ายทอดต่อให้ประชาชนชาวตำบลท่าตูม  จัดแข่งกีฬาตำบลเชื่อมความสัมพันธ์และต่อต้านยาเสพติด  ส่งเสริมสนับสนุนสร้างสวนสาธารณะใหม่เพื่อให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจชาวตำบลท่าตูม สวนสมาร์ทท่าตูม (สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติหนองราชโด) 8 การบริหารโปร่งใส เพื่อประชาชนเป็นสุข 
ยกฐานะเป็นเทศบาลเมือง โดยผ่านการประชาคม โดยการมีส่วนร่วมถามความต้องการของชาวตำบลท่าตูม  เปิดการรับแจ้งเหตุร้องเรียนร้องทุกข์เกี่ยวกับสาธารณูปโภคในตำบลท่าตูมผ่าน Application Smart Thatoom  ปรับปรุงระบบชำระภาษีและการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆขององค์การบริหารส่วนตำบลท่าตูมผ่าน Application Smart Thatoom  รับฟังความคิดเห็น และการมีส่วนร่วมของประชาชนผ่านการประชาคมตำบล  พัฒนาระบบบริการสารสนเทศขององค์การบริหารส่วนตำบลท่าตูมให้รวดเร็วและทันสมัย …นายโยธิน(แบงค์)ระบุ
 ขณะนายคณิณพัชญ์  อัมพุชศศิภัณ (ต้อง)  ผู้สมัครเบอร์ 3  ระบุนโยบายผ่านเพจ ว่า ...  นโยบายหลักเพื่อ"ท่าตูม” นโยบายขยาย ซ่อม สร้างสาธารณูปโภค “เราจะพัฒนาท้องถิ่นทั้ง10หมู่ โดยเฉพาะชุมชนบ้านโปร่งไผ่ ให้มีถนนที่ปลอดภัยและสะดวก ด้วยการซ่อมแซมและขยายเส้นทางที่จําเป็นติดตั้งและปรับปรุงไฟฟ้าส่องสว่างให้ ครอบคลุมทุกหมู่บ้านด้วยระบบประหยัดพลังงาน ขยายเขตและยกระดับคุณภาพน้ำประปาให้เพียงพอสะอาดและทั่วถึงพร้อมทั้งเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม ตรวจสอบการใช้งบประมาณอย่างโปร่งใส เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความมั่นคงของ ชุมชนท่าตูมให้ยั่งยืน นโยบายการจัดการขยะดูแลหมาแมวจรจัด จะมุ่งสร้างขุมขนที่ปลอดภัยและสะอาด โดยลดจํานวนหมาแมวจรจัดด้วยการกำหมัน และฉีดวัคซีน สนับสนุนให้ท่าตูมมีศูนย์พักพิงและหาบ้านใหม่ ดูแลสุขภาพป้องกันโรคพร้อมส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์อย่างรับผิดขอบและเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนร่วมสร้างท้องถิ่น (CSR) ที่คนอยู่ดีสัตว์อยู่ได้ไม่มีใครถูกทอดทิ้ง นโยบายเพิ่มการดูแลเด็กก่อนวัยเรียน   “เราจะพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในเขตท่าตูมให้ครอบคลุมทั้ง 7 แห่ง โดยเริ่มจัดอาหารเข้าที่มีคุณค่า เลือกวัตถุดิบที่ปลอดภัยปลูกในชุมชน ส่งเสริมความสุขความสดใสด้วยศิลปะดนตรีเล่นกลางแจ้งเล่านิทานเพื่อให้เด็กมีอารมณ์แจ่มใสจัดระบบดูแลนอกเวลาให้เหมาะกับครอบครัว แรงงานอุตสาหกรรมเขต 304 พร้อมเปิดให้ครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมในการเลือกอาหาร ร่วมเล่านิทาน เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงและมีความสุขให้กับอนาคตของลูกหลานเรา" นโยบายลดขยะชุมชนเพิ่มการจ้างงานท้องถิ่น จะสร้างชุมชนที่สะอาดปลอดภัยและยั่งยืน โดยรณรงค์ลดขยะตั้งแต่ต้นทางส่งเสริมการแยกขยะทั้ง102 หมู่บ้าน ส่งเสริมการรีไซเคิลและหมักปุ๋ยจัดตั้งจุดรวบรวมขยะพร้อมจ้างงานประชาชนในท้องถิ่น สนับสนุนธุรกิจรีไซเคิลขนาดเล็กและเปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่เพื่อให้คนท่าตูมที่มีความสามารถจัดการขยะมีงานทำชมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและสิ่งแวดล้อมของเรายั่งยืนไปพร้อมกัน"นโยบายเพิ่มแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ หนองกระจับ อ่างเก็บน้ำราชโด บึงพญาวัง จะพัฒนาแหล่งน้ำและพื้นที่สาธารณะหนองกระจับ อ่างเก็บน้ำราชโด บึงพญาวัง ให้ประชาชนทุกวัยเข้าถึงได้อย่างปลอดภัย สะอาดและสวยงามจัดทําทางเดินเลียบน้ำ สวนหย่อมศาลาพักผ่อนและกิจกรรมเพื่อสุขภาพพร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนและเปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาเพื่อสร้างสุขภาพกายใจที่ดีเพิ่มรายได้ให้ท้องถิ่นและสร้างความผูกพันระหว่างคนกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน

ภาพข่าว//มานิตย์  สนับบุญ081-5583238-รายงาน/ณัฐนันท์–ภาพ/ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดปราจีนบุรี/////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77จังหวัด



 นโยบายยกระดับท้องถิ่น อบต.เป็นเทศบาลเมือง จะยกระดับองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) เป็นเทศบาลเมืองท่าตูมโดยเคารพเสียงประชาชนที่ผ่านประชามติมาแล้ว 4 ปีเพื่อพัฒนาโครงสร้างบริหารและสาธารณูปโภคให้รองรับประชากรกว่า100,000 คน ส่งเสริมบริการพื้นฐานการศึกษาสาธารณสุขพื้นที่พักผ่อน หย่อนใจ และเศรษฐกิจท้องถิ่นพร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่เพื่อสร้างเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดี แข็งแรง และยั่งยืนของคนท่าตูม…นายคณิณพัชญ์ ระบุ

มุกดาหาร -จัดพิธี “กฐินน้ำบูชาพญานาค” ครั้งที่ 18 สืบสานศรัทธาแห่งลุ่มน้ำโขง

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 นายวรญาณ  บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานพิธีทำบุญ “กฐินน้ำบูชาพญานาค” สักการะพระแม่คงคาและบวงสรวงพญานาคมุกดาหารครั้งที่ 18 ณ ศาลพ่อปู่พญานาคอนันตนาคราช ริมแม่น้ำโขง ใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร–สะหวันนะเขต) ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร โดยมีนางสาวเยาวลักษณ์ ตั้งประกิจ นายกสมาคมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดมุกดาหาร นายคณิต ปัญติโย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดมุกดาหาร หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชนและประชาชนจำนวนมาก ร่วมพิธีด้วย
นายคณิต กล่าวว่า กฐินน้ำบูชาพญานาค เป็นประเพณีทอดกฐินลอยเครื่องบวงสรวงลงแม่น้ำโขง ณ จังหวัดมุกดาหาร ที่ได้จัดติดต่อกันมาเป็นปีที่ 18 เพื่อแสดงความเคารพและกตัญญูต่อองค์พญานาคผู้ปกปักษ์คุ้มครองลุ่มน้ำและชาวมุกดาหารมีความร่มเย็นเป็นสุข โดยจะจัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษา เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ดึงดูดผู้คนให้มาสัมผัสความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมริมฝั่งแม่น้ำโขงมุกดาหารกฐินน้ำบูชาพญานาค #มุกดาหาร #ออกพรรษา2568 #พญานาคมุกดาหาร #ศรัทธาลุ่มน้ำโขง #ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม #ข่าวด่วน #ข่าววันนี้
///ภาพ/ข่าว เดวิท โชคชัย ผู้สื่อข่าวนิวส์ 24 สถานีประชาชนประจำจังหวัดมุกดาหาร รายงาน/////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77จังหวัด



รองนายกฯ ธรรมนัส ประธานบอร์ดกองทุนฟื้นฟูฯ อนุมัติงบกว่า 1,711 ลบ. เพื่อจัดการหนี้ -ฟื้นฟูอาชีพ ประกาศพร้อมแก้ปัญหาให้เกษตรกรทุกด้าน

วันที่ 9 ต.ค. 2568 เวลา 10.00 น. สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) จัดประชุมคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูฯ ครั้งที่ 5/2568 ณ ห้องประชุม 134-135 ชั้น 3 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุม นางวรรณี มหานีรานนท์ เลขาธิการสำนักงาน กฟก.ทำหน้าที่เลขานุการคณะ และมีคณะกรรมการเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงที่ประชุมรับทราบการจัดทำสัญญาจ้างเลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร นางวรรณี มหานีรานนท์สำหรับวาระเพื่อพิจารณาที่ประชุมมีมติเห็นชอบเรื่องสำคัญ ดังนี้
 เห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการ กฟก. ว่าด้วย การจัดการหนี้ของเกษตรกร กรณีหนี้ที่มีบุคคลค้ำประกัน พ.ศ.• รับทราบประมาณการรายรับ รวมเงินคงเหลือ ณ 30 กันยายน 2568 และประมาณการรายรับจากการผ่อนชำระคืนในปี 2569 รวมทั้งสิ้น 433,938,000 บาท และเห็นชอบอนุมัติให้ใช้จ่ายตามกรอบและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ปี 2569 วงเงินรวม 1,711,149,000 บาท อนุมัติให้คณะกรรมการจัดการหนี้ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนหนี้ระหว่าง 1 ก.ค.- 31 ส.ค. 68 จำนวน 3,763 ราย มูลหนี้ 3,089,487,639.93 บาทเห็นชอบรายชื่อเกษตรกรสมาชิก กฟก.ที่เป็นหนี้ NPA เพิ่มเติม 11 ราย อนุมัติซื้อทรัพย์ NPA จำนวน 19 แปลง รวมมูลค่า 23,290,000 บาท เห็นชอบให้ กฟก. รายงานผลการดำเนินงานและขอขยายเวลาโครงการแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกรสมาชิก กฟก. ลูกหนี้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง ต่อเนื่องจากวันที่ 5 ก.ย. 2568 เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบ
เห็นชอบรายงานงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุน และรายงานผลการปฏิบัติงาน ประจำปีงบประมาณ 2567 ตาม ม.5 และอนุมัติให้ กฟก.เสนองบดุลแสดงฐานะทางการเงินโดยมีคำรับรองของ สตง. และรายงานต่อ ครม. เสนอรัฐสภา เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป เห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการ กฟก. ว่าด้วย การดำเนินการเงินรับฝากรอสะสาง พ.ศ. ... เห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจริยธรรมของ กฟก. และให้สำนักงานดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เพิ่มวาระอื่นๆ 2 เรื่อง 1.กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สหกรณ์โดยให้สำนักงานจัดทำโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ลูกหนี้สหกรณ์ เช่นเดียวกับ 4 แบงค์รัฐ และ2. เห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมาย กรณียกเว้นดอกเบี้ย ค่าปรับ ตามข้อเสนอแนะของ สตง.
ภาพข่าว////ชลิต สังว่อง ทีมข่าวนิวส์24สถานีประชาชนจังหวัดสระแก้ว////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77จังหวัด