Top News/ข่าวยอดนิยม

Recent News/ข่าวล่าสุด

กกล.บูรพาฯ รวบแรงงานเขมร 16 ชีวิต ดิ้นรนหนีความอดอยาก

หวังหางานในไทย สุดท้ายไม่รอดถูกจับในไร่อ้อย เผยรัฐบาลกัมพูชาหลอกให้กลับเเต่ไม่ดูเเลหางานให้ทำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 เวลา 04.20 น. กองกำลังบูรพา, หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ,กองร้อยทหารพรานที่ 1204 ,กองพันทหารม้าที่ 30 ได้เข้าลาดตระเวนในพื้นที่หมู่บ้านผ่านศึก เขต 3
หมู่ 5 ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยซ่อนตัวอยู่ภายในไร่อ้อยท้ายหมู่บ้าน จึงเข้าตรวจสอบและพบว่าเป็นแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาจำนวน 16 คน (ชาย 11 คน, หญิง 5 คน)**ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าทั้งหมดเดินทางมาจากกัมพูชาเพื่อเข้ามาหางานทำและ
รับจ้างก่อสร้างในพื้นที่ตอนในของประเทศไทย แต่ละคนจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด 6,000 บาท เมื่อเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง โดยพวกเขาได้จ่ายเงินให้ผู้นำพาชาวกัมพูชาไปแล้วคนละ 1,500 บาท ก่อนจะลักลอบข้ามชายแดนเข้ามาและมาหลบซ่อนตัวอยู่ในไร่อ้อยเพื่อรอรถมารับเข้าพื้นที่ชั้นในของไทย*นอกจากนี้ แรงงานต่างด้าวบางส่วนได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสะเทือนใจว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาถูกรัฐบาลกัมพูชาประกาศให้เดินทางกลับประเทศ โดยให้คำมั่นว่าจะช่วยจัดหางานและ
ดูแลความเป็นอยู่ให้ แต่เมื่อกลับไปแล้วกลับไม่มีการช่วยเหลือตามที่รับปาก ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับความอดอยากและไม่มีงานทำ จึงตัดสินใจเสี่ยงชีวิตลักลอบกลับเข้ามาในประเทศไทยอีกครั้ง เพื่อหวังจะมีชีวิตที่ดีขึ้น หลังสอบถามเสร็จ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวแรงงานทั้งหมดไปยังกองร้อยทหารพรานที่ 1204 ก่อนจะนำตัวส่งไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ณ สถานีตำรวจภูธรคลองน้ำใสต่อไป(เนรเทศกลับเขมร) //สมศักดิ์///นาวธณวรรณ แฉล้มชาติ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดสระแก้วรายงานข่าว

ผู้ว่าฯ สระแก้ว เคลียร์ชัดกรณีที่ดินบ้านหนองจาน โคกสูงหลักเขตแดน 46-47 พร้อมยืนยันชาวบ้านสามารถเข้าไปทำกินได้ทันที

 

แต่ต้องประสานหน่วยงานความมั่นคงก่อน ส่วนชาวบ้านขอบคุณ ผวจ.ที่ทำให้ได้ที่ดินคืนมาหลังหายไปกว่า 40ปี วันนี้ 1 กันยายน 2568 เวลา 10.00 น. ที่ ห้องประชุม อบต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พันเอกชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.อรัญประเทศ ที่ดินสระแก้ว สาขาอรัญประเทศ ป่าไม้จังหวัด และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เข้าชี้แจงกรณีปัญหาที่ดิน บริเวณบ้านหนองจาน ตำบลโนน
หมากมุ่น หลักเขตแดนที่ 46-47 โดยมีเจ้าของที่ดิน 7 แปลง เข้ารับฟังปัญหาการรังวัดที่ดิน โดยเฉพาะ แปลง A ที่ยังไม่สามารถ เข้าไปดำเนินการรังวัดได้ทั้งแปลง ประมาณ 38 ไร่  เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว อาจจะมีทุ่นระเบิดหลงเหลืออยู่ เพราะเป็นพื้นที่ศูนย์อพยพเขมรมาก่อน ส่วนอีก 6 แปลง สามารถดำเนินการออกรังวัด ได้แล้วเสร็จ เจ้าของที่ดินสามารถเข้าไปทำกินในพื้นที่ได้ทันที แต่ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงก่อนเพื่อเข้าไปดูแลความปลอดภัยให้กับชาวบ้านที่
เข้าทำกินในพื้นที่ขณะเดียวกัน ผู้ว่าฯ ยืนยันว่าเจ้าของที่ดินทั้ง 6 แปลง ที่อยู่ติดกับหลักเขตแดนที่ 46-47 สามารถเข้าไปทำกินในพื้นที่ได้ทันที แต่ต้องแจ้งหน่วยงานความมั่นคง ฉก.อรัญประเทศ จะดำเนินการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ ดูแลความปลอดภัย ให้ทุกครั้งที่เข้าไปในพื้นที่ ส่วนเรื่องการออกโฉนดที่ดินทั้งหมด บริเวณหลักเขตแดนที่ 46-47 เจ้าของที่ดินสามารถนำเอกสารรังวัดไปให้เจ้าหน้าที่ที่ดินสระแก้ว สาขาอรัญประเทศดำเนินการขอออกโฉนดได้ทันที โดยผู้ว่าราชการจังหวัด
จะเร่งดำเนินการให้ในกรณีพิเศษเพื่อเจ้าของที่ดินจะได้นำโฉนดไปยื่นกู้กับทางธนาคารเพื่อนำเงินมาใช้เป็นทุนประกอบอาชีพได้ตามระเบียบของธนาคาร ส่วนผู้มีอิทธิพลที่คอยห้ามชาวบ้านไม่ให้เข้าไปในพื้นที่บ้านหนองจานผวจ.ได้เน้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด ขณะที่ นายลุย เที่ยงลาย เจ้าของที่ดินประมาณ 38 ไร่ ที่อยู่ติดกับหลักเขตแดนที่ 46-47 พร้อม เจ้าของที่ดินแปลงอื่นๆ บอกว่า ขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เร่งดำเนินการให้เจ้าของที่ดินกลับคืนมาเป็นของคนไทยอีกครั้ง หลังจากตกไปอยู่ในมือเขมรมานานกว่า 40 ปี///////นางธณวรรณ แฉล้มชาติ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดสระแ้วรายงาน

กลุ่มชาวปราจีนบุรี ต้องการ EECกว่า 200คน บุกยื่นข้อเรียกร้องผู้ว่าฯ หนุนปราจีนฯเข้าร่วม EECเป็น จว.ที่4

ชาวบ้านกลุ่มชาวปราจีนบุรี ต้องการ EEC รวมกว่า 200 คน กำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน หอการค้าและประชาชนจาก อ.ประจันตคาม อ.เมืองปราจีนบุรี และ อ.บ้านสร้างพร้อมป้ายผ้าข้อความชาวปราจีนฯต้องการEECพร้อมปราศรัยและเข้ายื่นหนังสือผ่านนายวีระพันธ์  ดีอ่อน ผวจ.ปราจีนบุรีถึงรักษาการนายกรัฐมนตรีในการ
สนับสนุนให้ จ.ปราจีนบุรีพัฒนาเข้าร่วมสู่การเป็นEEC เนื่องจากมีโครงสร้างพัฒนาทางยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจยกระดับการลงทุนการสร้างงานการพัฒนาคุณภาพชีวิต การพัฒนาเชิงท่องเที่ยว  โดยก่อนหน้านั้น  เมื่อวันที่ 28 ส.ค.68 ได้มีการเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้ถูกกลุ่มภาคประชาสังคมที่ไม่เห็นด้วยได้ชูป้ายผ้า และป้ายโปสเตอร์กระดาษ “ไม่เอา EEC” จนต้อง
ปิดเวทีการประชุมมาก่อนเมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 1 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี  ณ ชั้นล่างศูนย์ราชการจังหวัดปราจีนบุรี ต.ไม้เค็ด อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี  กลุ่มชาวปราจีนบุรี ต้องการ EEC รวมกว่า 200 คนจาก อ.ประจันตคาม อ.เมืองปราจีนบุรี และ อ.บ้านสร้าง มีแกนนำประกอบด้วยกำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน ,หอการค้า จ.ปราจีนบุรี และ ประชาชนพร้อมป้ายผ้าข้อความ ชาวปราจีนฯต้องการEEC ได้มาปราศรัยสนับสนุนการนำพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีเข้าเป็นส่วนหนึ่งในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่บริเวณชั้นล่าง โดยมีเจ้าหน้าที่ อส.คอยรักษาความสงบเรียบร้อย
โดยสรุปความในการปราศรัยสนับสนุน EEC ความว่า กลุ่มชาวปราจีนบุรี ต้องการ EEC กล่าวถึงการนำพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีเข้าเป็นส่วนหนึ่งในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC นั้น จะทำให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ ทำให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนในพื้นที่ จากนั้นได้เข้ายื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อ นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อส่งต่อให้กับรัฐบาล-รักษาการนายกรัฐมนตรีในการพิจารณานำพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีเข้าเป็นส่วนหนึ่งในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC จังหวัดที่ 4 ต่อจาก 3 จังหวัดเดิม  คือ
ฉะเชิงเทรา,ชลบุรี และ ระยอง  ทั้งนี้   ทางนายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี   สัญญาว่าจะนำหนังสือข้อเรียกร้องไปส่งต่อให้กับรัฐบาล เพื่อให้ดำเนินการพิจารณาตามขั้นตอนต่อไปนายอัมรินทร์ เรือนศรี ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอประจันตคาม   กล่าวว่า     วันนี้ มายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ถึงรักษาการนายกรัฐมนตรี  ในนามพี่น้องประชาชน สนับสนุนให้มี EEC    เพื่อพี่น้องของเราในจังหวัด ปราจีนบุรีให้มีงานทำ มีรายได้โดยเนื้อหาในหนังสือได้กล่าวระความดังนี้  ว่า  ...    เรื่อง ขอสนับสนุนเพื่อพัฒนาจังหวัดปราจีนบุรีเป็นพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC)    กราบเรียนฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี)    ...   ด้วยจังหวัดปราจีนบุรี มีความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ศักยภาพทางเศรษฐกิจ และทรัพยากรมนุษย์
อันเหมาะสมต่อการพัฒนาและเชื่อมโยงกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศจังหวัดปราจีนบุรี และประชาชนในพื้นที่ มีความประสงค์อย่างยิ่งที่จะได้รับการพิจารณาสนับสนุนให้จังหวัดปราจีนบุรี เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ EEC เพื่อยกระดับเศรษฐกิจ การลงทุนการจ้างงาน และคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยพร้อมที่จะให้ความร่วมมือและดำเนินการตามนโยบายภาครัฐอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้จังหวัดปราจีนบุรีมีการพัฒนา มีการสร้างความร่วมมือ ระหว่างเอกชน และชุมชน โดยหวังให้รัฐบาลสนับสนุนจังหวัดปราจีนบุรี เมื่อเป็นพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาค
ตะวันออก (EEC) ดังนี้เศรษฐกิจและการลงทุน ขอให้สนับสนุนการลงทุนในธุรกิจท้องถิ่นและ SNEs ดึงดูดโครงการใหม่ ๆ เช่น การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เกษตรแปรรูป หรืออุตสาหกรรมสะอาดผลักดันโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ (เช่น EEC) ที่สอดคล้องกับศักยภาพของจังหวัดโครงสร้างพื้นฐานได้รับการพัฒนาจากภาษีที่เข้าจังหวัดเพิ่มขึ้น มีการพัฒนาถนนรถไฟ และระบบขนส่งสาธารณะ พัฒนาเมืองอัจฉริยะ Smart City ยกระดับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ให้ประชาชนและธุรกิจเข้าถึงได้ทั่วถึงสังคมและคุณภาพชีวิต ได้รับการพัฒนาการศึกษาและทักษะอาชีพ เพื่อให้คนในท้องถิ่นมีโอกาสทำงานในพื้นที่ มีการจ้างงานใหม่จำนวนมาก ทั้ง
แรงงานทั่วไปและแรงงานทักษะสูงมีรายได้ประชากรเพิ่มมากขึ้น ยกระดับการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมให้สะอาด ปลอดภัย สร้างพื้นที่สีเขียวและแหล่งนันทนาการวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ได้รับการส่งเสริมเอกลักษณ์ท้องถิ่น เช่น อาหารงานฝีมือ ประเพณี พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจสร้างสรรรค์     จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้การสนับสนุนและผลักดันจังหวัดปราจีนบุรีให้เป็นจังหวัดในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน  ...   ชาวจังหวัดปราจีนบุรีโดยส่วนรวมด้าน    นางรัชนี เทียบแก้ว ผู้สนับสนุน EEC   ชาว อ.ศรีมโหสถ   กล่าวว่า   จังหวัดอื่นๆอยากจะได้EEC  แต่ก็ไม่มีโอกาส   เราอย่ามาขัดแย้งกันเลย  เมื่อเรามีโอกาสเรามาคุยกันและรับสิ่งดีๆในความเป็น EEC หรือการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวัน
ออก (EEC) ให้กับจังหวัดปราจีนบุรี  นางรัชนี กล่าวด้านนายสนิท กุลธรรม อดีตกำนันตำบลเกาะลอย / อดีตประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอุปนายกสมาคม กำนันผู้ใหญ่บ้าน แห่ง ประเทศไทย   กล่าวว่า      เห็นด้วย อยากให้มี EEC   พวกเราสมัครใจมากันเอง มายื่นหนังสือ ถึงรักษาการนายกรัฐมนตรีเพื่อประโยชน์ของประชาชน มั่นใจ เชื่อว่าได้สำรวจ วิเคราะห์มาแล้วประชาชนได้ประโยชน์แน่นอน นายวีระพันธ์  ดีอ่อน ผวจ.ปราจีนบุรีกล่าวว่า  “สำหรับวันนี้ ( 1ก.ย.) ได้มีพี่น้องชาวปราจีนบุรีหลากหลายพื้นที่ได้มาพบและยื่นหนังสือแสดงเจตจำนงในการที่จะเป็น  EEC  จากที่ทาง  EEC  ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หาความเป็นไปได้ว่า จ.ปราจีนบุรีมีความพร้อมที่จะเป็นEEC หรือไม่อย่างไร ?   ในตรงนี้ได้จัดทำเวทีการประชุมรับฟังความคิดเห็น(ร่าง)รายงานการเสนอแนะเชิงนโยบายการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยในเวทีการประชุมรับฟังความคิดเห็นฯ  มีทั้งผู้เห็นด้วย และ  ผู้เห็นต่าง  ในวันนี้ (1ก.ย.)   ได้มีพี่น้องชาวปราจีนบุรีแสดงความพร้อมของผู้เห็นด้วยในการแสดงจุดยืนสนับสนุนต้องการEEC จะนำยื่นต่อรักษาการนายกรัฐมนตรี เพื่อทราบเจตนารมณ์ของพี่น้อง สิ่งอยากเห็นคือความรักสามัคคี อยากให้ช่วยดูแลสังคมดูแลพี่น้องประชาชนปราจีนบุรี โดยเฉพาะช่วงนี้เศรษฐกิจกำลังแย่  แต่โชคดีไม่อยู่เส้นพายุทำให้เราไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่าประมาท ฝากดูแลบุตรหลานไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หวังว่าสิ่งพี่น้องประชาชนอยากเห็นให้เกิด  เราคงมีในเร็ววันนี้ขอให้กำลังใจกับท่านทั้งผู้เห็นด้วยและผู้เห็นต่างขอทุกอย่างให้เดินไปด้วยดีและเกิดประโยชน์กับทุกคนถ้ากรณีที่ได้ถูกคัดเลือกให้เป็นจังหวัดEEC ในกระบวนการทำงานในพื้นที่มีหลายขั้นตอน ซึ่งจังหวัดและภาค
ส่วนราชการต่าง ๆ  เอกชนพร้อมสนับสนุนการทำงานของทุกภาคส่วนขับเคลื่อนทำประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนทุกมิติ  ฝากถึงพี่น้องเรื่องสามัคคีที่จะต้องเห็นอกเห็นใจกันต้องค่อยพูดจากัน ที่สำคัญทุกส่วนต้องเตรียมการที่จะได้พบกับสิ่งที่อาจแปลกใหม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเวลาที่เหลืออยู่ทุกท่านสามารถตั้งตัวเตรียมการรองรับอาจเป็นเรื่องแปลกใหม่บ้าง เชื่อว่าพวกเราทำได้ขออำนวยอวยชัยให้ทุกท่านโชคดี  นายวีระพันธ์กล่าวผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม   ทั้งนี้   ก่อนหน้านั้น  เมื่อวันที่ 28 ส.ค.68 ที่ผ่านมา    ได้มีการเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากรวมกว่า 600 คน ณ หอประชุมอำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี  แต่ระหว่างเวทีประชุม  ได้ถูกกลุ่มภาคประชาสังคมที่ไม่เห็นด้วยกับEEC ได้ชูป้ายผ้า และป้ายโปสเตอร์กระดาษ “ไม่เอา EEC” ในการร่วมเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น  ก่อนมาขึงป้ายคัดค้านกลางหน้าเวทีประชุมพร้อมส่งเสียงไม่เอา EEC จนต้องปิดเวทีการประชุมผู้ร่วมประชุมแยกย้ายมาก่อน### มานิตย์ สนับบุญ 081-5583238-ข่าว/ณัฐนันท์ –จุฑารัตน์  ภาพ/ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดปราจีนบุรี 

กาญจนบุรี – ถึงแล้วนักฟุตบอลทีมชาติไทย!! เดินทางถึงจังหวัดกาญจนบุรี แล้ว เพื่อเตรียมสู้ศึก 𝗞𝗶𝗻𝗴'𝘀 𝗖𝘂𝗽 ครั้งที่ 51 ระหว่างวันที่ 1-9 กันยายน 2568 ณ สนามกีฬากลางจังหวัดกาญจนบุรี (สนามกลีบบัว)

วันนี้ 1 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ศาลหลักเมืองกาญจนบุรี นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชน ร่วมต้อนรับคณะผู้ฝึกสอนและนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย โดยคณะผู้ฝึกสอนและนักกีฬาฟุตบอล
ทีมชาติไทย สักการะศาลหลักเมือง เพื่อความเป็นศิริมงคล ก่อนเดินทางเข้าที่พัก ก่อนลงซ้อมช่วงเย็นและผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 17.00 น. ที่สนามฟุตบอลองค์การบริหารส่วนตำบลเขาน้อย อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าโค้ชบอลทีมชาติไทย นำนักเตะทีมชาติไทยชุดลุยสู้ศึกชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 51 ลงสนามฝึกซ้อมเพื่อปรับสภาพร่างกาย หลังจากเดินทางมาถึงจังหวัดกาญจนบุรีเป็นวันแรก โดยโค้ชอีชิอิ กล่าวว่า การเดินทางมาเก็บตัว
ที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ห่างไกลจากกรุงเทพฯ มีความเงียบสงบ ทำให้นักฟุตบอลมีสมาธิในการฝึกซ้อมได้เป็นอย่างดี ส่วนนักเตะที่ตนเรียกมาติดทีมชาติไทยชุดสู้ศึกคิงส์คัพในครั้งนี้นั้น ยืนยันว่า ได้เลือกนักเตะที่มีความพร้อมมากที่สุดมาติดทีม และเชื่อว่านักเตะทุกคนจะสามารถทำผลงานได้อย่างดีตามเป้าหมายขณะที่ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ซึ่งมีพื้นเพเป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรี และถูกเรียกตัวติดทีมชาติไทยชุดสู้ศึกคิงส์คัพในครั้งนี้กล่าวว่า รู้สึกดีใจกับจังหวัดกาญจนบุรี ที่
ได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่ระดับประเทศในครั้งนี้ ส่วนตนเองก็จะมุ่งมั่นทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อตอบแทนแฟนบอลชาวกาญจนบุรีและแฟนฟุตบอลชาวไทย โดยเชื่อว่าทีมชาติไทยชุดนี้จะสามารถผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้ในวันที่ 7 กันยายนนี้อย่างแน่นอนเป็นการอบอุ่นร่างกายและปรับสภาพความฟิตของนักเตะในการเดินทางมาเก็บตัวร่วมกันเป็นครั้งแรกในวันนี้ โดยทีมงานของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยอนุญาตให้ผู้ซื้อข่าวเก็บภาพการฝึกซ้อมได้เพียง 15
นาที หลังจากนั้น ไม่อนุญาตให้เก็บภาพการฝึกซ้อมได้สำหรับโปรแกรมฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 51 มีดังนี้รอบรองชนะเลิศ / อิรัก เจอกับ ฮ่องกง  วันที่ 4 กันยายน 2568 16.00 น. สนามกีฬากลางจังหวัดกาญจนบุรี (กลีบบัว)และไทย เจอกับ ฟิจิ  ในช่วงของวันที่ 4 กันยายน 2568 เวลา 20.00 น.สนามกีฬากลางจังหวัดกาญจนบุรี (กลีบบัว)ส่วนรอบชิงชนะเลิศ และ ชิงอันดับ 3 ในวันที่ 7 กันยายน 2568 เวลา 16.00 น. รอบชิงชนะเลิศ อันดับ 3 เวลา 20.00 น. รอบชิงชนะเลิศ  โดยการถ่ายทอดสดทาง : ไทยรัฐทีวี HD32, BG SPORTS และ True Visions Now ////////ข่าวภูมิภาค/ ปรีชา  ไหลวารินทร์ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดกาญจนบุรี