Top News/ข่าวยอดนิยม

Recent News/ข่าวล่าสุด

ลำพูน - วัฒนธรรมจังหวัดลำพูนประชุมกำหนดเส้นทางการท่องเที่ยววัฒนธรรมอัตลักษณ์วิถีล้านนาตะวันตกเชื่อมโยง 4 จังหวัด

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน ประชุมกำหนดเส้นทางการท่องเที่ยววัฒนธรรมอัตลักษณ์วิถีล้านนาตะวันตกเชื่อมโยง 4 จังหวัด(เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน) กิจกรรมตามรอยอารยธรรมอัตลักษณ์วิถีล้านนาตะวันตกเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์โครงการส่งเสริมและพัฒนา Soft Power เพื่อเป็นต้นทุนพัฒนาต่อยอดการท่องเที่ยวมูลค่าสูง ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1

ประจำปีงบประมาณ พุทธศักราช 2568 วันนี้(14 ต.ค. 68)

 ระหว่างเวลา 9 นาฬิกา ถึง 15 นาฬิกา 30 นาที ณ ห้องประชุมจามจุรี 1 โรงแรม เดอะแกรนด์จามจุรีรีสอร์ท ลำพูน อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน

เปิดการประชุมฯโดย นายธวัชชัย อุบลพิทักษ์ วัฒนธรรมจังหวัดลำพูน, นางพรทิวา  ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กล่าวรายงานฯ และ ผู้ดำเนินรายการบนเวทีและควบคุมการประชุม โดย นางสาวธิติมา  ธิมาสาร ผู้ประสานงานโครงการ บริษัท พีเคออลอะเบาท์ จำกัด

วาระที่ 1 การนำเสนอภาพรวมและนำเสนอ(ร่าง) ข้อมูลเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงพื้นที่ 4 จังหวัดของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1(เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และ แม่ฮ่องสอน)

- นำเสนอแนวคิดการท่องเที่ยว "ล้านนาสร้างสรรค์"

โดย นางภักดีกุล  รัตนา ศูนย์ล้านนาศึกษา ศูนย์บูรณาการมนุษยาภิวัตน์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.)

- เส้นทางที่ 1 "เดินทางบนเส้นทางแห่งศรัทธา เชื่อมสายบุญ สู่พลังชีวิตใหม่"(ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน)

- เส้นทางที่ 2 "สายวิถีธรรมชาติ - ศรัทธาและภูปัญญาล้านนาตะวันตก"(เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน) โดยนายบารเมศ  วรรณสัย รองประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน และ นายวรพงศ์  ผูกภู่ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยว

วาระที่ 2 เวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลประกอบเส้นทางท่องเที่ยว

โดย นายบารเมศฯ  และ นายวรพงศ์ฯ ผู้เข้าร่วมประชุมให้ข้อเสนอแนะต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ เรื่องราว เรื่องเล่าข้อมูลพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม อัตลักษณ์วิถีของชุมชม เอกลักษณ์การแต่งกาย งานหัตถกรรม ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน เทศกาลงานประเพณี หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในเส้นทางเพิ่มเติม

วาระที่ 3 นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวในเส้นทางเพิ่มเติม

โดย นายนายวรพงศ์  ผูกภู่ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยว

ผู้เข้าร่วมประชุม ให้เสนอแนะแหล่งท่องเที่ยวในเส้นทางเพิ่ม

และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุมฯ ได้แสดงความคิดเห็น ให้ข้อเสนอแนะ และร่วมกันพิจารณาเส้นทางการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอัตลักษณ์วิถีล้านนาตะวันตก ภายในจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 โดยมีกลุ่มเป้าหมายผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย หน่วยงาน/องค์กร ที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว บริษัททัวร์ เอเจนซี

สื่อมวลชน Influencer(อินฟลูเอ็นเชอร์) และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมจำนวน 50 คน

นายธวัชชัย  อุบลพิทักษ์ วัฒนธรรมจังหวัดลำพูน กล่าวเปิดการประชุมว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ที่ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ ด้านการท่องเที่ยว ที่มีความโดดเด่นด้านวัฒนธรรมและธรรมชาติ โดยมีจุดแข็งอยู่ที่สภาพภูมิสังคม มีความพลากหลายทางชาติพันธุ์ โดยเฉพาะวัฒนธรรมที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ และยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และทางธรรมชาติที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาจกล่าวได้ว่าเป็นพื้นที่ที่อุดมไปด้วยทุนทางวัฒนธรรม ที่เป็นอารธรรมอัตลักษณ์วิถีล้านาตะวันตก ที่สามารถนำมาต่อยอดสู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้

ด้วยเหตุนี้ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 จึงได้จัดสรรรบประมาณตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ประจำปี งบประมาณ พุทธศักราช 2568 ให้จังหวัดลำพูน โดยมีสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำพูนเป็นหน่วยดำเนินงาน เพื่อดำเนินกิจกรรมตามรอยอารยธรรมอัตลักษณ์วิถีล้านนาตะวันตกเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์ โครงการส่งเสริมและพัฒนา Soft Power เพื่อเป็นต้นทุนพัฒนาต่อยอดการท่องเที่ยวมูลค่าสูง

ด้วยการนำเอาทุนทางวัฒนธรรม มาสร้างมูลค่าเพิ่มแก่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมล้านนา และการบริการเชิงสร้างสรรค์ ผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

สร้างสรรค์ ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ผ่านการเล่าเรื่องของวัฒนธรรมล้านนา เอกลักษณ์การแต่งกาย งานหัตถกรรม ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน

รวมทั้งเทศกาลโคมแสนดวง ส่งเสริมการท่องเที่ยวให้จังหวัดในกลุ่งหวัดภาคเหนือตอนบน 1 เป็นจุดหมายหลักให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือน รวมถึงการผลักดันงานเทศกาลโคมแสนดวงให้เป็นประเพณีประจำกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 และนำมาซึ่งการประชุมกำหนดเส้นทางการท่องเที่ยววัฒนธรรมอัตลักษณ์วิถีล้านนาตะวันตกเชื่อมโยง 4 จังหวัด ในวันนี้(14 ต.ค.) ที่ผู้เข้าร่วมประชุมฯจะได้ร่วมกันพิจารณาเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอัตลักษณ์วิถีล้านนาตะวันตก ที่เชื่อมโยง 4 จังหวัดภายในจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 จำนวน 2 เส้นทาง เพื่อเป็นเส้นทางการท่องเที่ยว ที่มีเรื่องราวของวัฒนธรรม และภูมิปัญญาอัตลักษณ์วิถีวัฒนธรรมล้านนา สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสกับอารยธรรมล้านนาตะวันตก เกิดการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่กลุ่มจังหวัดได้ต่อไป ในอนาคต ขอขอบคุณคณะทำงาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน ในฐานะหน่วยดำเนินงาน ขอขอบคุณหัวหน้า/ผู้แทนส่วนราชการ หน่วยงาน/องค์กรที่เกี่ยวข้อง ท่านวิทยากร ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว บริษัททัวร์ เอเจนซี่ สื่อมวลชน  Influencer(อินฟลูเอ็นเซอร์) และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการจัดทำเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอัตลักษณ์วิถีล้านนาตะวันตก และเข้าร่วมประชุมฯเพื่อแสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะด้วยความเรียบร้อยและบรรลุวัตถุประสงค์ ที่กำหนดไว้ทุกประการ..วัฒนธรรมจังหวัดลำพูน กล่าวในที่สุด











 กรรณิการ์  วิจิตรสกลการ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดลำพูน

วันหยุด คึกคัก ประชาชนแน่นอุทยานพระพิฆเนศองค์ยืนขอพรขอโชคลาภ ขอเลขรางวัล ณ อุทยานพระพิฆเนศ คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทราพระพิฆเนศองค์ยืน ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อเสริมดวงสิริมงคล รับพลังงานดี มีแต่โชคลาภตลอดปี

ประชาชนทั่วไปทั้งภายในจังหวัด ต่างจังหวัดและชาวต่างชาติ ต่างก็หลั่งไหลเข้ามาขอโชคลาภขอพรในช่วงวันหยุดซึ่ง

ผู้ที่มาสัการะนั้นได้นำของถวาย เช่น น้ำ นม ผลไม้ ดอกไม้ ขนมหวานลาดูโมทกะ วางสักการะด้านหน้าเทวรูป พร้อมจุดกำยาน ธูป 9 ดอก เทียน 2 เล่ม โดยพนมมือแนบติดกัน และตั้งจิตใจให้สงบนิ่งก่อนเริ่มสวดขอพร จากนั้นกล่าวชื่อ นามสกุล วันเกิด ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเอง และขอพรโดยเฉพาะเจาะจงเรื่อง หลังจากนั้นให้เดินตามเข็มนาฬิกาจำนวน 3 รอบ พร้อมทั้งวางดอกไม้พุ่ม

ที่สำคัญหลังจากกราบไหว้ขอพรองค์พระพิฆเนศแล้ว ก็จะไปกระซิบที่หูหนูมุสิกะบริวารขององค์พระพิฆเนศ เพื่อฝากพี่หนูย้ำเตือนองค์พระพิฆเนศถึงพรที่ขอ ให้พรที่ขอนั้นสมหวังสำเร็จโดยเร็ว ให้องค์พ่อบันดาลพรให้ สัมฤทธิ์ สำเร็จ สมปรารถนา ยิ่งขึ้นไปในทุกด้าน

นางกนกพร ว่องสกุลกฎษดา อายุ 49 ปีเผยว่า ตนเป็นคนพื้นที่ มาขอพร ขอโชคลาภ ตลอดโดยตนมาที่นี่เป็นประะจำและในทุกครั้งที่มาไหว้จะมีความสบายใจ ส่วนใหญ่ท่านจะให้เป็นโชค การงาน และการเงิน และตนก็สำเร็จทุกครั้ง
โดยพระพิฆเนศ นั้นมีต้นกำเนิดจากคติความเชื่อของศาสนาฮินดู เมื่อกว่า 4,000 ปีมาแล้วในประเทศไทยพระพิฆเนศถือเป็นเทพเจ้าองค์หนึ่ง ที่ชาวไทยรู้จักและเลื่อมใส ศรัทธามาก เพราะเชื่อกันว่าเป็นเทพแห่งความสำเร็จในทุกสรรพศาสตร์ เมื่อคนใดได้สักการะบูชาจะนำมาซึ่งความสำเร็จทั้งปวงโดยเฉพาะผู้มีอาชีพการงานด้านศิลปินักแสดง และวิชาชีพทุกสาขา
อุทยานพระพิฆเนศนั้นมีองค์พระพิฆเนศเนื้อโลหะบรอนซ์นอก (สำริด) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นองค์ประธานความสูงรวมแท่นฐาน 39 เมตร ประกอบด้วยชิ้นส่วน 854 ชิ้น ประดิษฐาน ณ ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง อ. คลองเขื่อน จ. ฉะเชิงเทรา บนเนื้อที่กว่า 25 ไร่ การจัดสร้างเริ่มขึ้นในปี 2551 และองค์พระเสร็จสมบูรณ์ในปี 2555 ซึ่งสายมูไม่ควรพลาดในการมาสักการะขอพร ขอโชคลาภ หน้าที่การงาน ให้สำฤทธิ์ สำเร็จ ตามความปรารถนา






 …..สราวุฒิ บุญสร้าง ผู้สื่อข่าวภูมิภาคฉะเชิงเทรา 0831110106

สืบบางโพงพาง รวบโจรชิงพระเครื่อง บุกงัดบ้านกวาดพระเครื่องและของมีค่าหลายรายการ

   วันที่ 14  ตุลาคม 2568 พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผกก.สน.บางโพงพางได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ศรุต ระยานนท์ 

รอง ผกก.สส.สน.บางโพงพาง พ.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ วงค์สิงห์ สว.สส.ฯ พ.ต.ต.พิชชากร กองสวัสดิ์ สว.สส.ฯ พร้อมด้วย จนท.ฝ่ายสืบสวน สน.บางโพงพาง ร่วมกันจับกุม  นาย ประสิทธิ์ รักไทย อายุ 31 ปี ชาวจ.พิจิตร ที่บริเวณห้องเช่าไม่มีเลขที่ ชุมชนท่าน้ำสวัสดี ถ.ทรงเสริม แขวง/เขตสัมพันธวงศ์ กทม. 

โดยแจ้งข้อกล่าวหา  ลักทรัพย์ในเคหะสถานโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร”

พร้อมด้วยของกลาง

1.เหรียญหลวงพ่อพัฒน์ จำนวน 1 เหรียญ

2.เหรียญหลวงพ่อพัฒน์  ปล้องอ้อย จำนวน 1 เหรียญ

3.เหรียญพ่อดำด้านหลังหลวงพ่อจ่าดำถือปืน จำนวน 1 เหรียญ

4.เหรียญหลวงปู่เขียวหน้าหนวด จำนวน 1 เหรียญ

5.เหรียญหลวงพ่อชุบวัดวังกระแจะ   จำนวน 1 เหรียญ

6.เหรียญหลวงพ่อบุญให้ จำนวน 1 เหรียญ

7.เหรียญหลวงปู่ทวดหลังหน้าฮวงจุ้ย  จำนวน 1 เหรียญ

ลำดับที่ 1-7 เป็นทรัพย์สินที่ลงในประจำวัน 

8.โทรศัพท์มือถือวีโว่ จำนวน 1 เครื่อง ราคา 19,900บาท

9.เหรียญหลวงพ่อทอง จำนวน 1 เหรียญ

10.เหรียญท้าวเวสสุวรรณเนื้อเงินหลวงพ่อพัฒน์ จำนวน 1 เหรียญ

11.เหรียญหลวงปู่แสน จำนวน 1 เหรียญ

12.เหรียญท้าวเวสสุวรรณ จำนวน 1 เหรียญ

13.หลวงปู่เขียว จำนวน 1 เหรียญ

14.เหรียญเสมาหลวงพ่อทบชนแตน จำนวน 1 เหรียญ

15.เหรียญหลวงปู่ไป๋ จำนวน 1 เหรียญ

16.เสือ วัดปริวาส จำนวน 1 เหรียญ

ลำดับที่ 8-16 เป็นทรัพย์สินขณะตรวจค้นได้จากผู้ก่อเหตุ และผู้เสียชี้ยืนยันว่าเป็นทรัพย์สินของตนเองที่หายไปจริง


     ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ต.ค.68  นาย พัฒนพงษ์  ทองสงค์ อายุ36ปี ผู้เสียหายได้มาแจ้งความ เหตุลักทรัพย์ ฝ่ายสืบสวน จึงได้ตรวจสอบและติดตามสืบสวนหาตัวผู้ก่อเหตุตลาดมาอย่างต่อเนื่อง จนทราบตัวผู้ก่อเหตุ และที่พักอาศัย จึงได้เข้าและตรวจยึดของกลางในคดี โดยผู้ก่อเหตุได้ยอมรับสารภาพและนำตรวจยึดของกลางในคดีดังกล่าว หลังจากนั้นจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

“สื่อไทย–จีน” สานสัมพันธ์แน่นแฟ้น! นายกสมาคมนักข่าวฯ นำทัพเยือน “กานซู–ปักกิ่ง” แลกเปลี่ยนประสบการณ์สื่อ ฉลอง 50 ปีสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน

นางสาวน.รินี เรืองหนู นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นำคณะผู้แทนสื่อมวลชนไทย 5 คน เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 12–16 ตุลาคม 2568 ตามคำเชิญของ สมาคมนักข่าวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (All China Journalists Association) เพื่อกระชับความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านสื่อมวลชน
คณะสื่อมวลชนไทยได้เข้าพบและหารือกับ นางหลี่ เสี่ยวจุน รองผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์มณฑลกานซู และผู้อำนวยการสำนักงานข้อมูลรัฐบาลมณฑลกานซู ที่เมืองหลานโจว เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านการสื่อสาร การทำข่าว และแนวทางพัฒนาความร่วมมือในอนาคตน.ส.น.รินี กล่าวย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือด้านสื่อระหว่างไทย–จีนที่ดำเนินมายาวนานกว่า 25 ปี โดยเฉพาะในปี 2568 ที่ทั้งสองประเทศร่วมเฉลิมฉลองวาระ “50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน” ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการสานต่อมิตรภาพและความเข้าใจระหว่างกัน

ด้านนางหลี่ เสี่ยวจุน แสดงความยินดีและพร้อมเปิดรับคณะสื่อไทยในอนาคต เพื่อเรียนรู้บริบทการทำงานของสื่อท้องถิ่นและวัฒนธรรมของประชาชนมณฑลกานซู ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างสมาคมนักข่าวไทยและจีนในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างเครือข่ายทางวิชาชีพที่แข็งแกร่ง ส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประชาชนสองประเทศ และเป็นพลังสำคัญในการผลักดันสื่อมวลชนให้ทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ โปร่งใส และนำไปสู่สันติภาพและมิตรภาพอย่างยั่งยืน

 

สว.สายสื่อ”และ”ความมั่นคง”ถาม “รัฐบาล” การตั้ง”คณะการพูดคุย” กับ”บีอาร์เอ้น” จะคุยกับใคร เหมาะสมหรือไม่ ตั้งเพื่อ”ดับไฟใต้” หรือเพื่อใช้”งบประมาณ 20 ล้าน

 

นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา สายสื่อมวลชน  เลขานุการ และ โฆษก กรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา กล่าวว่าตนมีความกังวลกับการแต่งตั้ง”หัวหน้าหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข” ของ”รัฐบาล” เพราะ”รัฐบาล” ชุดนี้ เข้ามาทำหน้าที่เพียงระยะสั้น 4 เดือน หรืออาจจะไม่ถึง 4 เดือนก็ได้ และหลังการเลือกตั้งถ้า”พรรคภูมิใจไทย” ได้ได้เป็น”แกนนำ”ในการตั้งรัฐบาล อาจจะมีการเปลี่ยนตัว คณะพูดคุย” ก็เป็นได้  ดังนั้นการ แต่งตั้งคณะพูดคุยสันติสุข” เพื่อไป”พูดคุย”กับ”ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะการ”พูดคุย” กับ”บีอาร์เอ็น” ในขณะที่”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ยังไม่ได้เปรียบกับ สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ การ”พูดคุย” หรือ”เจรจา” จึงอาจจะ”เสียเปรียบ”ต่อ บีอาร์เอ็น”  และที่ต้องขอให้มีความชัดเจนคือ” การ”พูดคุย” ที่จะเกิดขึ้น “พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา”หัวหน้าคณะพูดคุย จะไปคุยกับ บุคคลมดของ บีอาร์เอ็น ซึ่ง แกนนำ ที่สำคัญ ของ บีอาร์เอ็น คือ”กาแม เวาะแล” หรือ”คอซาลี” หรือ ผู้นำจิตวิญญาณอย่าง “บือราเฮง ปะจุศาลา” หรือ”นิเซะ นิฮะ” ซึ่งเป็น”แกนนำ”ที่สามารถ”เยส หรือ โน ในการ”พูดคุย” หากไม่”พูดคุย” หรือ”เจรจากับคนเหล่านี้ ก็ป่วยการ ในการพูดคุย เพราะจะไม่มีความคืบหน้า เหมือนกับการพูดคุยที่ผ่านมา  และที่สำคัญ”บีอาร์เอ็น” ยังคงเป็น องค์กรปิดลับ” ไม่เคยเปิดเผยว่า ใครเป็น”แกนนำ” และไม่เคยรับ หรือ ปฎิเสธ กับการ ก่อเหตุ ในพื้นที่ของ”จังหวัดชายแดนภาคใต้” ดังนั้นจึงเชื่อว่า แกนนำ ของ บีอาร์เอ็น จะไม่มีร่วมในเวทีการ พูดคุย” อย่างแน่นอน ถ้า “รัฐบาล” ต้องการ พูดคุย กับ “แกนนำ” ของ”บีอาร์เอ็น” ต้องยื่นข้อเสนอให้กับ”ผู้อำนวยความสะดวก” ที่เป็นตัวแทนจาก รัฐบาลมาเลเซีย  ถ้า มาเลเซีย ทำไม่ได้ ก็ไม่ควร พูดคุย และ การพูดคุยครั้งนี้ ยังจะยุดกรอบของ JCPP  หรือไม่ เพราะกรอบของ JCPP ที่เป็นข้อตกลงกับ บีอาร์เอ็น ในครั้งที่นายฉัตรชัย บางชวด หัวหน้าคณะพูดคุย ในขณะนั้นทำขึ้น เป็นข้อกังวงจาก”บุคคล”ต่างๆ ว่าเป็นการ”เสียเปรียบ” ต่อ บีอาร์เอ็น และหาก เดินตามกรอบของ jCpp  อาจจะทำให้ เสียดินแดน ก็เป็นได้ส่วนข้อกังวลอีกข้อ คือการที่ คณะพูดคุยชุดนี้ จะ”พูดคุย”กับ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนทุกกลุ่ม เป็นเรื่องที่ น่าวิตกกังวล เพราะจะทำให้การ”พูดคุย” มีปัญหา และ อุปสรรค เนื่องจาก” ขบวนการแบ่งแยกดินแดน กลุ่มต่างๆ ถ้าเป็นคนก็ ตายแล้ว” ไม่มีกองกำลังติดอาวุธ ไม่มี แนวร่วม หรือ สมาชิก ในพื้นที่ ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคง มานานแล้ว ทำไมจึงไป “ฟื้นคืนชีพ” ให้ความสำคัญกับ ขบวนการเหล่านี้ ซึ่งหากมีการ นำขบวนการเหล่านี้เข้าสู้ โต๊ะการเจรจา อาจจะทำให้ บีอาร์เอ็น ปฏิเสธ ที่จะร่วม”พูดคุย”กับ”คณะพูดคุย ที่มี พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เพราะ บีอาร์เอ็น เคยประกาศว่า หากมี กลุ่มอื่นๆร่วมอยู่ใน”โต๊ะพูดคุย” บีอาร์เอ็น จะไม่ร่วม เจรจา ด้วย การนำเอา ขบวนการแบ่งแยกดินแดนทุกกลุ่ม มาสู้”โต๊ะพูดคุย” เป็นการ ย้อนอดีต สมัยที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็น นายกรัฐมนตรี และ พล.ท.ภราดร พัฒนาถาบุตร เป็น หัวหน้าคณะพูดคุย สิ่งที่ชวนสงสัยคือการตั้งคณะพูดคุยครั้งนี้ ต้องการใช้ งบประมาณ 20 ล้าน ขอ คณะพูดคุย หรือ ต้องการเห็นความ สงบสุข ในพื้นที่ ตรงนี้ต้องมีความ ชัดเจน และ ตอบประชาชน ได้ //

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดจสงขลา////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77 จังหวัด

นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียพาครอบครัวมาท่องเที่ยว MINI ZOO IN HATYAI PARK อย่างสนุกสนาน พร้อมขอบคุณ ที่มีสวนสัตว์ให้เด็กได้เล่น ครอบครัวมีความสุขมาก ที่ได้มาเจอสัตว์ สำหรับเด็กๆ ที่มีนิซูแห่งนี้

วันที่ 13 ตุลาคม 2568 MINI ZOO IN HATYAI PARK ที่สวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ ซึ่งเป็นสวนสัตว์ขนาดเล็ก สำหรับเด็กๆที่มีสัตว์น่ารักๆให้ได้สัมผัสและให้อาหารรวมทั้งป้อนนมให้กินด้วย โดยเฉพาะในช่วงวันหยุด มีประชาชนนำบุตรหลานเข้าไปท่องเที่ยวภายในสวนสัตว์ MINI ZOO กันอย่างต่อเนื่องวันนี้มีครอบครัวชาวมาเลเซีย พ่อแม่ลูก รวม 5 คน เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและมีบุตรชายที่ต้องนั่งรถเข็นมาเที่ยวด้วย โดยมีคุณพ่อจะเป็นผู้เข็นรถให้ลูกได้ท่องเที่ยวไปด้วยกันอยู่ตลอดเวลา การให้อาหารนกที่ต้องเข้าไปในกรงนกโดยนำอาหารใส่ในฝ่ามือแล้วนกจะบินลงมากินอาหารในมือของเด็กๆ ซึ่งเป็นภาพที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องหยิบมือถือถ่ายภาพส่งไปให้เพื่อนฝูงและญาติๆได้ดูว่า ที่  สวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ มีสวนสัตว์เด็ก  MINI ZOO IN HATYAI PARK เข้าชมฟรี โดยถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกถึงความน่ารักและความเชื่องของนกในสวนสัตว์แห่งนี้
รวมทั้งให้อาหารกระต่ายที่อยู่ภายในกรงนกเช่นเดียวกันโดยเด็กๆจะชอบเนื่องจากกระต่ายก็จะมารุมกินอาหารกันอย่างคุ้นเคยโดยไม่ตื่นคนเพิ่มความน่ารักซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆอยู่แล้วที่ได้สัมผัสกับกระต่ายอย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกันทางสวนสัตว์ MINI ZOO ก็จะปล่อยฝูงแพะและฝูงแกะออกมาให้เด็กๆได้ให้อาหารประเภทหญ้าได้กินด้านหน้าคอก เด็กๆก็สนุกสนานกับการให้อาหารฝูงแพะและฝูงแกะจากมือเด็กๆกินอย่างเอร็ดอร่อย ซึ่งเป็นภาพที่ประทับใจที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพบุตรหลานให้อาหารฝูงแพะและฝูงแกะเก็บไว้เป็นที่ระลึก รวมทั้งครอบครัวชาวมาเซีย ที่มีความสนุกสนานกับการให้อาหารฝูงแพะและฝูงแกะด้วยมาฟังเสียงนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่พาครอบครัวมาเที่ยวมินิซู บอกว่า ครอบครัวเขามีความสุขมาก ที่ได้มาเจอสัตว์ สำหรับเด็กๆ ที่มีนิซูแห่งนี้ หลังจากมาเที่ยวหาดใหญ่ เสร็จแล้ว ก็จะเดินทางต่อไปยังเกาะสมุย หลังจากนั้น ก็จะเดินทางกลับไปที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ขอขอบคุณ ที่มีสวนสัตว์ให้เด็กได้เล่นMINI ZOO IN HATYAI PARK สวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่
นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชชนประจำจังหวัด.สงขลา////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลนฺ 77 จังหวัด



“โตโยต้า” ร่วมน้อมรำลึกในหลวง ร.9 วางพวงมาลาถวายราชสักการะ เนื่องในวันนวมินทรมหาราช

  เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2568 ที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 9 นายชุมพร เพชรชุมชน พร้อมคณะผู้บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 วางพวงมาลาถวายราชสักการะ ณ พระบรมนุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ภายในอุทยานเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 9 เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร

 บรรยากาศในพิธีเต็มไปด้วยความสงบและความซาบซึ้งใจ เหล่าผู้บริหารและพนักงานต่างพร้อมใจแต่งกายด้วยโทนสีเหลือง–ขาว ร่วมยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทยนายชุมพร กล่าวว่า โตโยต้ามีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ซึ่งทรงเป็นแรงบันดาลใจในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม และมุ่งมั่นสืบสานแนวพระราชดำริเรื่องความยั่งยืนและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยทั้งนี้ “วันนวมินทรมหาราช” ซึ่งตรงกับวันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญแห่งการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรทั่วประเทศ ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีแห่งการครองราชย์

“ดส.“ บุกจับคาลานวัด หนุ่มแกลงซุกอาวุธปืนเถื่อน–ลูกซอง–กระสุนครบมือ

   ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผกก.ดส.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล, พ.ต.ท.วรปรัชญ์ วุฑฒิรักษ์ และ พ.ต.ท.มโรดม์ ขวัญเมือง รอง ผกก.ดส.บช.น.เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 ผ่านมา ชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.ดส.บช.น. นำโดย พ.ต.ท.รชต พุ่มพันธุ์ม่วง สว.กก.ดส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ชป.4 เข้าปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหาครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต บริเวณลานจอดรถ วัดเจ้าหลาว ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรีเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย ได้แก่ นายสรยุทธ อายุ 21 ปี ชาว อ.แกลง จ.ระยอง และนายภานุวัฒน์ อายุ 20 ปี ชาวบ้านเดียวกัน

จากการตรวจค้น พบของกลางอาวุธครบมือ ทั้ง ปืนพกแบงกันดัดแปลงขนาด .380 มม. ปืนลูกโม่ขนาด .38 ปืนลูกซอง Remington 870 กระสุนลูกซอง 8 นัด และเครื่องกระสุนขนาด .380 จำนวน 2 นัด สิ่งเทียมอาวุธปืนยี่ห้อ Amoeba รวมถึงอุปกรณ์เสริม เช่น ซองปืน พานท้าย ขาตั้ง และกล่องบรรจุปืน รถยนต์นิสสัน ทีด้า สีดำ ทะเบียน ขธ 872 ระยอง โทรศัพท์มือถือรวม 3 เครื่อง ใช้ติดต่อในการกระทำผิ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมนำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป