Top News/ข่าวยอดนิยม

Recent News/ข่าวล่าสุด

กองบัญชาการกองทัพไทย โดย หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 26 สำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จัดกำลังพลจิตอาสาพระราชทาน ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลดงหม้อทอง ดำเนินกิจกรรมมอบผ้าห่มกันหนาว มุ่งบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ที่เริ่มประสบภัยหนาวต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอุณหภูมิลดลง 4 ถึง 7 องศาเซลเซียส ทำให้สภาพอากาศหนาวเย็นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลายพื้นที่ต้องเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบาง
ซึ่งกำลังพลจิตอาสาได้มอบผ้าห่มกันหนาวให้กับผู้นำชุมชน เพื่อกระจายให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุและครอบครัวที่มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากสภาพอากาศที่ลดต่ำลงในช่วงนี้ ขณะเดียวกัน ยังได้มอบถุงยังชีพและสิ่งของจำเป็นให้แก่ผู้ป่วยติดเตียงภายในตำบล เพื่อช่วยบรรเทาความยากลำบาก และสนับสนุนการดูแลผู้ป่วยในช่วงฤดูหนาว
กิจกรรมครั้งนี้สะท้อนการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยทหารและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นตลอดฤดูหนาว



 

บุรีรัมย์กระบะปริศนาพุ่งชนเสาไฟหักกำแพงบ้านยาย 78 พัง ทิ้งรถไว้ขึ้นอีกคันเผ่นหนี ตร.เร่งล่าตัว กระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า กำแพงและรั้วบ้านยาย 78 ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ พังเสียหาย ก่อนชายคนขับและเมียที่นั่งมาด้วย รีบลงจากรถแล้วมีกระบะอีกคันมาจอดรับขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ตร.รุดตรวจสอบพบรถคันเกิดเหตุสวมทะเบียนคันอื่น ไม่พบเอกสาร เร่งติดตามตัวดำเนินคดีคาดเป็นรถที่ทำผิดกฎหมายกลัวถูกจับ พอเกิดอุบัติเหตุจึงทิ้งรถหนี

(27 พ.ย.68)  พ.ต.ท.กรณ์พงษ์   มงคลธนสุพัฒน์ สารวัตรสอบสวน สภ.นางรอง  จ.บุรีรัมย์    พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นางรอง   เจ้าหน้าที่การไฟฟ้า   เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลทุ่งแสงทอง  และกำนันตำบลทุ่งแสงทอง   ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ    หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีรถกระบะ  เสียหลักพุ่งชนเสาไฟ   กำแพงบ้าน และประตูรั้วของประชาชน ได้รับความเสียหาย   ส่วนคนขับรถกระบะและหญิงที่นั่งมาด้วย  ท่าทางมีพิรุธ  เร่งเก็บของในรถขึ้นกระบะอีกคันที่มาจอดรับหลบหนี  

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ  ซึ่งเป็นถนนในหมู่บ้านชุมแสง - หนองทองลิ่ม  ต.ทุ่งแสงแทง อ.นางรอง  พบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ  ออนิวส์ แบบแคป สีดำ  ติดป้ายเลขทะเบียน กท - 8935 สระแก้ว สภาพด้านหน้าพุ่งชนเสาไฟฟ้าหัก 1 ต้น  ทั้งยังมีกำแพง  และประตูรั้วหน้าบ้านของชาวบ้านพังเสียหายด้วย

แต่ไม่พบคนขับอยู่ในรถกระบะคันที่เกิดอุบัติเหตุแต่อย่างใด   

จากการสอบถามชาวบ้านใกล้จุดเกิดเหตุ  บอกว่า   รถกระบะคันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็ว พอถึงจุดเกิดเหตุได้เสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าหัก และชนกำแพงบ้านเสียหาย   จากนั้นเห็นคนขับซึ่งเป็นผู้ชายลงมาจากรถ พร้อมกับผู้หญิงนั่งข้างอีก 1 คนซึ่งชาวบ้านจำได้ว่าเป็นคนในพื้นที่  ท่าทางมีพิรุธรีบพากันขนข้าวของในรถ  ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรแล้วไปขึ้นรถกระบะอีกคันที่ขับมารับแล้วก็ขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว    

เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถคันดังกล่าวเบื้องต้น พบเป็นรถที่สวมทะเบียนรถคันอื่น  ส่วนคนขับรถคันที่เกิดอุบัติเหตุ จากการตรวจสอบแล้วก็พบว่าเคยถูกจับคดียาเสพติด    ส่วนสาเหตุที่ชนทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย  และทรัพย์สินของประชาชนเสียหายแล้วหลบหนี   ก็จะได้เร่งติดตามตัวมาสอบสวนหาสาเหตุ และดำเนินคดีตามกฎหมาย

สอบถามนางเตี๋ยว  ทิพย์อักษร  อายุ 78 ปี เจ้าของบ้าน เล่าว่า  ตอนเกิดเหตุตนอยู่หลังบ้าน แต่ได้ยินเสียงดังโครมอย่างแรง  ก็คิดว่ารถตกหลุม เพราะรถตกหลุมบ่อย จึงไม่ได้สนใจ    ผ่านไปสักพักจึงออกมาดูถึงเห็นรถชนกระบะในสภาพพุ่งชนเสาไฟ และประตูรั้วบ้านตัวเองพังเสียหาย  แต่ก็ไม่เจอเจ้าของรถ หรือคนขับ  ไม่รู่ว่าหายไปไหนก็อยากให้กลับมาแสดงความรับผิดชอบด้วย 

 ด้านนางสมพร  ปรางกระโทก  ชาวบ้านใกล้ที่เกิดเหตุ เล่าว่า  ตอนที่เกิดเหตุนั่งป้อนข้าวหลานอยู่หน้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงดังมากนึกว่ายางรถระเบิด  จากนั้นก็มีฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว  จึงรีบอุ้มหลานเข้าบ้าน     แต่พอเดินออกมาดูอีกรอบก็ไม่เจอใครในรถคันที่เกิดอุบัติเหตุแล้ว  ไม่รู้ว่าหายไปไหน ก็อยากให้กลับมารับผิดชอบด้วย

ด้านนายสมุทร อิ้วชุมแสง  กำนันตำบลทุ่งแสงทอง   บอกว่า  ได้รับแจ้งจากชาวบ้านก็รีบออกมาดู พบรถอยู่ที่เกิดเหตุแต่ไม่พบผู้ขับขี่    จากการสอบถามทราบว่ามีรถกระบะอีกคันมารับแล้วขับหลบหนีไปแล้ว    ก็ไม่รู้ว่าสาเหตุอะไรถึงรีบร้อนหลบหนี     แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องตัน  พบเป็นรถที่สวมทะเบียนรถคันอื่นก็ดูมีพิรุธ   ก็อยากให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวมาสอบสวนและดำเนินคดี  ทั้งกลับมารับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรอง   อยู่ระหว่างติดตามตัวคนขับรถกระบะและคนที่นั่งมาด้วย   มาสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วนต่อไป



  สุรชัย    พิรักษา / บุรีรัมย์
 

เทศบาลนครบุรีรัมย์ร่วมมูลนิธิสว่างจรรยาธรรมเปิดรับบริจาคสิ่งของอาหารเสื้อผ้านำไปช่วยเหลือซับน้ำตาชาวใต้ เทศบาลนครบุรีรัมย์ ร่วมกับมูลนิธิสว่างจรรยาธรรมสถาน เปิดรับบริจาคสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นในการดำรงชีพ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมใหญ่ที่ภาคใต้ ขรก.ประชาชนทยอยนำอาหารแห้ง น้ำดื่ม เสื้อผ้า และเงินสดร่วมบริจาคต่อเนื่อง เตรียมเคลื่อนขบวนธารน้ำใจสู่พี่น้องชาวใต้ 1 ธ.ค.

(28 พ.ย.68)  เทศบาลนครบุรีรัมย์ ร่วมกับมูลนิธิสว่างจรรยาธรรมสถานบุรีรัมย์   เปิดรับบริจาคสิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีพ อาทิ  เครื่องอุปโภคบริโภค  ยารักษาโรค  อาหารแห้งพร้อมรับประทาน อาหารสัตว์  น้ำดื่ม  และเสื้อผ้า  เพื่อนำไปมอบช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้   ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งใหญ่   มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก    โดยจุดรับบริจาคตั้งอยู่ที่ โดมสวนรมย์บุรี 200 ปี เทศบาลนครบุรีรัมย์ บริเวณสี่แยกทางเข้าตลาดในบาซ่า ถนนเชราะกราว ตั้งแต่วันที่ 27 - 30 พฤศจิกายน 2568  จากนั้นในวันที่ 1 ธันวาคม 2568   ทางเทศบาลนครบุรีรัมย์  และมูลนิธิสว่างจรรยาธรรมสถาน   ก็จะจัดขบวนรถลำเลียงสิ่งของที่ได้รับบริจาคจากน้ำใจชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ส่งมอบไปยังพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้อย่างเร่งด่วน   เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัย 

ผศ.ตร.พนาสินธุ์   ศรีวิเศษ    ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์  บอกว่า  วันนี้คณาจารย์และกลุ่มเพื่อนๆ  ได้ร่วมกันนำสิ่งของจำเป็น  อาหารแห้งพร้อมรับประทานมาบริจาคให้กับทางเทศบาลนครบุรีรัมย์  และมูลนิธิสว่างจรรยาธรรม  เพื่อที่จะได้รวบรวมนำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนจังหวัดภาคใต้  ที่กำลังประสบปัญหาเดือดร้อนจากวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่   พร้อมกันนี้ยังได้ขอเป็นส่วนหนึ่ง  ในการส่งกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยได้ผ่านพ้นวิกฤตดังกล่าวได้โดยเร็ว  พร้อมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ จิตอาสาทุกคนที่มีส่วนในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลังความสามารถด้วย



   สุรชัย    พิรักษา / บุรีรัมย์
 

รวมพลังช่วยชาวหาดใหญ่

นม 7,000 กล่อง ฝ่าน้ำท่วมถึงหาดใหญ่ ภาคประชาชนร่วมกับภาครัฐ ผนึกพลังเติมชีวิตให้ผู้ประสบภัย     ในยามที่สายน้ำยังท่วมขังคล้ายผืนทะเลชั่วคราวกลางเมืองใหญ่ หาดใหญ่ ยังคงมีประชาชนจำนวนมากติดอยู่ในบ้านเรือน บางครอบครัวเข้าถึงอาหารได้ยากจนวันเริ่มเหมือนยืดยาวเกินไป แต่เมื่อวานนี้ แสงของความช่วยเหลือก็โผล่ขึ้นมาบนคลื่นวิกฤตอีกครั้ง

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ที่กระทรวงมหาดไทย คณะส่งเสริมข้าราชการตำรวจไทยดีเด่น ร่วมกับกลุ่ม บ้านสีขาว ภายใต้การนำของ ดร.สกุลรัตน์ ทิพย์วรรณงาม เคลื่อนขบวนมนุษยธรรม มอบ “นมจำนวน 7,000 กล่อง” เพื่อช่วยกลุ่มเปราะบางและประชาชนที่ยังติดค้างจากอุทกภัยในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการส่งของ แต่เป็นสัญญาณว่าชุมชนไทยยังยืนเคียงข้างกันในวันที่พื้นดินเลอะเลือนด้วยน้ำท่วม ภารกิจสะท้อนพันธกิจของคณะฯ ในการหนุนเสริมงานสาธารณะและระดมพลังประชาชนให้เป็นกำแพงแห่งความห่วงใยในยามวิกฤต ขณะเดียวกันยังช่วยประคองการเข้าถึงอาหารของผู้ประสบภัย ที่กำลังรอการช่วยเหลือด่วนเป็นที่สุด


 ด้าน ดร.พรหมภัสสร เกี่ยวข้อง เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการ มท.4 ให้เกียรติเป็นผู้แทนรับมอบ เพื่อส่งต่ออย่างเร่งด่วนสู่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยขบวนความช่วยเหลือทั้งหมดจะถูกนำไปยัง ศูนย์ภัยพิบัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ซึ่งเป็นจุดกลางบริหารจัดการและกระจายสิ่งของสู่หลายชุมชน ด้วยบุคลากร ระบบสื่อสาร และโครงสร้างที่พร้อมทำงานแข่งกับเวลาคณะผู้จัดกิจกรรมฝากขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันหล่อหลอม “พลังน้ำใจ” ท่ามกลางน้ำท่วมครั้งใหญ่ เป้าหมายเดียวกันคือช่วย หาดใหญ่ ฟื้นคืนสู่จังหวะชีวิตเดิมโดยเร็ว พร้อมส่งแรงใจให้ทุกครอบครัวเดินผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันอย่างมั่นคง

SPRC จัดโครงการ "สานฝันปันสุข" พัฒนาการศึกษาและคุณภาพชีวิตชุมชนห่างไกล จ.ตาก

  บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPRC) โดย STAR Volunteer Club (ชมรมสตาร์อาสา) ได้จัดโครงการ "สานฝันปันสุข" ระหว่างวันที่ 14-15 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา (ศศช.) แม่ฟ้าหลวง 3 แห่ง ในตำบลแม่อุสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ได้แก่ ศศช. บ้านเซหนะเดอลู่, ศศช. บ้านมอโก้คี และ ศศช. ดูบลอคี
โครงการนี้ซึ่ง SPRC ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาเกือบ 10 ปี มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาให้กับชุมชนที่อยู่ห่างไกลและด้อยโอกาส ด้วยการสนับสนุนปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็น อาทิ การมอบตู้แช่อาหารสำหรับเก็บรักษาอาหารสดคุณภาพ เพื่อสุขอนามัยที่ดีของครูและนักเรียน การปรับปรุงระบบโซลาร์เซลล์ และซ่อมแซมหลังคาอาคารโรงครัว ณ ศศช. บ้านเซหนะเดอลู่ การซ่อมแซมรั้วเพื่อป้องกันสัตว์ทำลายพืชผัก และการปรับปรุงระบบโซลาร์เซลล์ ที่ ศศช. บ้านมอโก้คี รวมถึงการประกอบและส่งมอบชุดโต๊ะนักเรียนจำนวน 22 ชุดให้แก่ ศศช. ดูบลอคี นอกจากนี้ ทีมจิตอาสา SPRC ยังได้ร่วมประกอบอาหารกลางวันเลี้ยงคณะครู นักเรียน และชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 150 คน  พร้อมทั้งจัดกิจกรรมเพื่อแสดงความอาลัยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
กิจกรรม "สานฝันปันสุข" สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ "One Caring Family … Energizing Our Future" โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพ พัฒนาทักษะการเรียนรู้ และสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนเป็น "สังคมแห่งการเรียนรู้" ที่สามารถดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของตนเองตามหลักการ "การศึกษาเพื่อชีวิตและสังคม" โครงการนี้มีมูลค่าการสนับสนุนรวมกว่า 250,000 บาท ซึ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ SPRC ในการสร้างความสามัคคีและความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน









 

วุฒิสภาเปิดแคมเปญใหญ่ “หยุดความรุนแรง” กระตุ้นทั้งสังคมลุกขึ้นปกป้องเด็ก-สตรี-ผู้สูงอายุ

  วันที่ 27 พ.ย. 2568 บริเวณโถงชั้น 1 อาคารรัฐสภา ฝั่งวุฒิสภา คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส และความหลากหลายทางสังคม วุฒิสภา นำโดย นางวราภัสร์ ไพพรรณรัตน์ ประธาน กมธ. พร้อมด้วย นางวาสนา ยศสอน รองเลขานุการคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง และคณะกรรมาธิการฯ จัดกิจกรรมประกาศเจตนารมณ์รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว โชว์พลังเชิงสัญลักษณ์ให้เห็นชัดว่า “สังคมไทยต้องไม่ยอมรับความรุนแรงทุกรูปแบบ”

นางวราภัสร์ ระบุว่า ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวเป็น “ภัยเงียบ” ที่ฝังรากลึกในสังคมไทย แม้รัฐจะออกกฎหมายและมาตรการหลายด้าน แต่สถานการณ์กลับรุนแรงขึ้น โดยกลุ่มเสี่ยงอย่างเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และคนพิการยังคงตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก กมธ.จึงติดตามประสานทุกหน่วยงาน เพื่อผลักดันมาตรการป้องกัน คุ้มครอง และฟื้นฟูให้มีประสิทธิภาพอย่างจริงจังประธาน กมธ. ย้ำว่า พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ที่ใช้มากว่า 18 ปี แม้มีเจตนาดี แต่ยังเน้นแนวทาง “ประนีประนอมให้กลับไปใช้ชีวิตร่วมกัน” มากกว่าการเอาผิดผู้กระทำ ส่งผลให้ผู้เสียหายจำนวนมากต้องวนกลับสู่สภาพแวดล้อมเดิม เสี่ยงเกิดเหตุซ้ำ


 “ถึงเวลาต้องเร่งปรับปรุงกฎหมายให้ทันยุค” นางวราภัสร์กล่าว “เพื่อให้ทุกคนได้รับการคุ้มครองอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยจริง ไม่ใช่แค่บนเอกสาร”

เธอฝากถึงประชาชนด้วยว่า สังคมต้องร่วมกันสร้างวัฒนธรรม “ไม่ยอมรับความรุนแรง” การนิ่งเฉยในบางกรณีอาจถือเป็นความผิดตามกฎหมาย พร้อมย้ำว่า

“การยุติความรุนแรง ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของเราทุกคน”

สมาคมเพื่อนชุมชนจัดสัมมนาเครือข่ายเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อม ชูโมเดล “Meesook Farm” แบ่งปันความสำเร็จยั่งยืน

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 สมาคมเพื่อนชุมชน (Community Partnership Association : CPA) จัดโครงการ “สัมมนาเครือข่ายเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อม” เพื่อเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม และยกระดับการทำงานระหว่างชุมชน ภาคอุตสาหกรรม และหน่วยงานรัฐให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม
ในการสัมมนาครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมได้ศึกษาต้นแบบความสำเร็จของ Meesook Farm วิสาหกิจชุมชนผลิตไม้กฤษณา ตำบลกะเฉด จังหวัดระยอง ที่สามารถพัฒนาเกษตรชุมชนควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุล โดยเป็นกรณีศึกษาที่สามารถวัดผลจริงและต่อยอดองค์ความรู้ให้กับพื้นที่อื่น ๆ ได้
สมาคมเพื่อนชุมชน (CPA) ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (IEAT) และผู้ประกอบการในมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ ย้ำความสำคัญของการสร้าง “เครือข่ายเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อม” ด้วยการทำงานเชิงรุก สร้างความเข้าใจในบทบาทของทุกฝ่าย พร้อมผลักดันให้เกิดการพัฒนา แก้ไข และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ชุมชนและภาคอุตสาหกรรมอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

โครงการครั้งนี้สะท้อนพลังของความร่วมมือทุกภาคส่วนที่มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตและการดูแลสิ่งแวดล้อมของชาวระยองให้ดียิ่งขึ้นบ้านเราน่าอยู่สังคมยั่งยืน #สมาคมเพื่อนชุมชน #สัมมนาเครือข่ายเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อม #พลังความร่วมมือ #MeesookFarm




 

ลำพูน - รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน แสดงความยินดีความสำเร็จของโครงการ กิจกรรมงานแสดงศักยภาพ SME ลำพูนและจับคู่ทางธุรกิจ(Business Matching)

รองผู้ว่าฯ ลำพูน แสดงความยินดีความสำเร็จของโครงการ กิจกรรมงานแสดงศักยภาพ SME ลำพูนและจับคู่ทางธุรกิจ(Business Matching) ที่จะช่วยยกระดับการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้สามารถเชื่อมโยงกับโรงงาน ขนาดใหญ่ต่อยอดสู่การเป็น Supply Chian
ที่ห้องประชุมโชควัฒนา สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ จังหวัดลำพูน นายปิยพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานในพิธีปิด และกล่าวแสดงความยินดีความสำเร็จของโครงการ กิจกรรมงานแสดงศักยภาพ SME ลำพูน และจับคู่ทางธุรกิจ(Business Matching) ภายใต้โครงการพัฒนาและเชื่อมโยงผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และ SME จังหวัด โดยมี นายพงษ์เกษม  โพธิ์แก้ว อุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน ประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายใหญ่ หน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ ในพื้นที่จังหวัดลำพูน เข้าร่วมฯ
ตามที่จังหวัดลำพูน ได้มอบหมายให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน ดำเนินโครงการ ดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพ และสร้างเครือข่ายธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการ อุตสาหกรรมรายใหญ่และ SME จังหวัดลำพูน เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 จนถึงวันนี้(28 พ.ย.)เป็นการดำเนินกิจกรรมสุดท้าย โครงการประกอบด้วย 4 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมการประชาสัมพันธ์ รับสมัคร และคัดเลือกสถานประกอบการเข้าร่วม โครงการฯ โดยมีผู้ประกอบการ SME ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วม จำนวน 21 ราย กิจกรรมสร้างเครือข่ายสถานประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และ SME จังหวัดลำพูน โดยมีสถานประกอบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เข้าร่วม 7 ราย และ SME 21 ราย กิจกรรมสัมมนาเสริมสร้างองค์ความรู้(ด้านกระบวนการผลิต/การบริหารจัดการ/การตลาด) และศึกษาดูงานสถานประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ 2 แห่ง ณ บริษัท ฮานาไมโครอิเล็คโทรนิคส์ จำกัด(มหาชน) และ บริษัท ลำพูน ซิงเดนเก็น จำกัด และกิจกรรมงานแสดงศักยภาพ SME ลำพูน และจับคู่ทางธุรกิจ(Business Matching) ได้จัดขึ้นในวันนี้(28 พ.ย. 68) เพื่อจัดแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมในจังหวัดลำพูน มีผู้ประกอบการ อุตสาหกรรม SME จำนวน 21 สถานประกอบการได้นำผลิตภัณฑ์และบริการภาคอุตสาหกรรม มานำเสนอภายในงาน และสถานประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จำนวน 7 สถานประกอบการ ร่วมเชื่อมโยงกับ SME ในกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจเพื่อต่อยอดไปสู่การเป็นคู่ค้าทางธุรกิจต่อไปในอนาคต
จากนั้น นายปิยพงษ์  ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้กล่าวแสดงความยินดีกับความสำเร็จของโครงการพัฒนาและ เชื่อมโยงผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และ SME จังหวัดลำพูน ในวันนี้(28 พ.ย.) ว่า จากการดำเนินโครงการนี้ นับเป็นโครงการที่ดีในการสร้าง ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งอุตสาหกรรมจังหวัด สภาอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และผู้ประกอบการ SME ในพื้นที่ ที่จะช่วยยกระดับการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้สามารถเชื่อมโยงกับโรงงาน ขนาดใหญ่ต่อยอดสู่การเป็น Supply Chian คู่ค้าทางธุรกิจซึ่งกันและกันต่อไป ซึ่งเป็นกลไกสำคัญ ที่จะช่วยให้การพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดให้เติบโตร่วมกันได้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้สู่พื้นที่ อย่างเข้มแข็ง สมดุล และยั่งยืน..
ด้าน นายภาวิกร  ยศพิมสาร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน กล่าวว่า ในนามของ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน เป็นหน่วยงานที่ร่วมดำเนินการโครงการนี้ กับ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน มาตั้งแต่ ปี พุทธศักราช 2566 จนถึงปัจจุบัน การจัดโครงการนี้ เป็นปีที่ 3 แล้ว โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อสร้างความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างภาคอุตสาหกรรมรายใหญ่กับ ผู้ประกอบการ SME ในจังหวัดลำพูน เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี การบริหาร จัดการที่มีประสิทธิภาพ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทานระหว่างอุตสาหกรรม รายใหญ่ และ SME ในจังหวัดลำพูน นำไปสู่การพัฒนาขีดความสามารถในการประกอบการและ เชื่อมโยงธุรกิจ เกิดการสร้างงานและกระจายรายได้ให้จังหวัดลำพูนมากยิ่งขึ้น
ผมเชื่อมั่นว่ากิจกรรมในวันนี้ จะช่วยเสริมสร้างโอกาสในการเชื่อมโยงธุรกิจ และ เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่มั่นคงระหว่างภาคอุตสาหกรรมรายใหญ่และ SME เพื่อขับเคลื่อน เศรษฐกิจของจังหวัดลำพูนให้เติบโตอย่างยั่งยืน ต่อไป..





 กรรณิการ์  วิจิตรสกลการ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดลำพูน

สุทธิสม  น้อยหา ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดลำพูน

ศูนย์ข่าวภาคเหนือ รายงาน