Top News/ข่าวยอดนิยม

Recent News/ข่าวล่าสุด

กลุ่มวัยรุ่น5คนรุมกระทืบอีกฝ่าย1คนมีปืนพกต่อมามีรถกระบะกู้ภัยฯพุ่งชน ผกก.สภ.ศรีมหาโพธิระบุต่างเป็นกู้ภัยฯดังขัดแย้งเรื่องช่วยเหลือคนบาดเจ็บ

 พรุ่งนี้นัดฝ่ายบริหารกู้ภัยฯทั้ง 2 ฝ่ายมาเคลียร์ตกลงพื้นที่หรือแนวทางการทำงานให้ชัดเจนเมื่อเวลา 00.15 น.วันนี้ 13 ต.ค.68  ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี  พบมีการโพสต์และแชร์ในเพจ-เฟชบุ๊คจำนวนมาก   เป็นคลิปภาพจากกล้องวงจรปิด  มีรถ จยย.สีน้ำเงินขับขี่มาลำพังคนเดียวกลางดึกจอดบนถนนคล้ายน้ำมันหมด  พร้อมมีวัยรุ่นอีกคันขับรถ จยย.สีแดงซ้อน 2ติดตามมา และมีการถกเถียงกันพร้อมเห็นคนขับขี่รถ จยย.น้ำเงินพกปืน  จากนั้นมีรถ จยย. 3 คันตามมาสมทบกับ  จยย.คันแดง  กลุ่มที่ตามมารวมแล้ว 5 คน เมื่อพบว่าอีกฝ่ายมีการพกปืนได้มีการรุมทำร้ายร่างกายคนขับขี่รถ จยย.สีน้ำเงิน  และพยายามบังคับให้นอนหมอบกับพื้นถนน   ระหว่านั้นมีรถกระบะกู้ภัยสีขาวผ่านมา แต่ภายหลังรถกระได้ขับย้อนกลับมาพุ่งชนวัยรุ่นกลุ่มที่กำลังจะทำร้ายฝ่ายที่พกปืนจนรถ จยย.4 คันที่จอดอยู่ล้มระเนระนาดกลุ่มวัยรุ่นพากันกระโดดหนีกันจ้าละหวั่น ส่วนกระบะหลังก่อเหตุได้หลบหนีขณะชุลมุน  ด้านวัยรุ่นกลุ่มที่รุมทำร้ายหลังเหตุสงบแล้วยังทำร้ายผู้ขับขี่รถ จยย.คันแรกต่อต่อมาเพจ สภ.ศรีมหาโพธิสถานีตำรวจภูธรศรีมหาโพธิ ลงภาพเหตุการณ์รถ จยย.4 คันที่ถูกกระบะเฉี่ยวชนล้มบนถนนพร้อมข้อความระบุว่า ...  รายงานเหตุเฉี่ยวชนแล้วหลบหนี 
 เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 เวลา 01.30 น.  พนักงานสอบสวนเวรได้รับแจ้งเหตุรถยนต์กระบะเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย จึงรายงานผู้บังคับบัญชาและออกตรวจที่เกิดเหตุทันที
 จุดเกิดเหตุ  ถนนสาย 3079 (โคกขวาง–คลองรั้ง)  ม.7 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ผลการตรวจสอบ  พบรถจักรยานยนต์เสียหาย จำนวน 4 คันผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำส่งโรงพยาบาลก่อนเจ้าหน้าที่ไปถึงรถกระบะคู่กรณีหลบหนีไปทางตลาดคลองรั้งสายในผู้บาดเจ็บที่ทราบชื่อ ได้แก่1. นายอาฤทธิ์ ภูเดช  2. นายกฤษดา มาสา  3. นายอมรเทพ ศิริรัตน์  4. นายกล้าณรงค์ แสงเนตร   จากการสืบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีปากเสียงทะเลาะกันจนเกิดการเฉี่ยวชน มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว การดำเนินการต่อไป  เจ้าหน้าที่จะได้ทำการสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง พร้อมติดตามผู้กระทำความผิดและรถยนต์คันก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปพ.ต.ต.มงคล   เป๋าผกก.สภ.ศรีมหาโพธิ กล่าวว่า  “กรณีมีการโพสต์-แชร์บนโลกออนไลน์  กลุ่มวัยรุ่น วิวาทสถานที่เกิดเกตุ บนถนนสาย 3079 (โคกขวาง–คลองรั้ง)  ม.7ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี บริเวณปั๊มปตท. 304 ช่วงกลางดึกของเมื่อคืน( 11ต.ค.)  รถ จยย.ได้รับความเสียหาย 4 คัน หลังจากนั้นได้ขยายผลทราบว่าเป็นกลุ่มของทีมกู้ภัย 2 กลุ่ม 
ที่มีความขัดแย้งกันก่อนเที่ยงคืน กลุ่มของกู้ภัย มังกร กับร่วมกตัญญูมีความขัดแย้งกัน โดยช่วงก่อนเที่ยงคืนมีปัญหา เรื่องการช่วยเหลือ ไปดูที่เกิดเหตุมีผู้บาดเจ็บที่มีรถชนกันมีผู้บาดเจ็บแล้วก็มีปัญหากันในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บมีเรื่องขัดแย้งกันในเบื้องต้นก่อน แล้วก็มีการไปคุยกันที่ป้อมฝั่งตรงข้ามหน้าโลตัสเกิดมีการใช้กำลังทะเลาะวิวาทกันไปตกลงกันที่โรงพักระเบาะไผ่ อ.ศรีมหาโพธิแล้ว ตอนแรกก็เข้าใจกันดีแต่ ระหว่างนั้น ปรากฏว่า ช่วงกลางดึก  มารวมตัวกันที่ ปั๊มปตท.ฝั่ง 304 มี 2 กลุ่มเจอกันมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้นมาอีก   มีการทำร้ายร่างกายกันแล้วก็มีการเฉี่ยวชนแล้วหลบหนี   รถจยย.ได้รับ ความเสียหาย ตามภาพคลิปวีดีโอหน้าร้านที่เกิดเหตุเก็บภาพไว้ได้ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามตัวแล้วก็ได้ยึดรถกระบะคันนี้  ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ 4 คัน ได้ตรวจสภาพบางคันรีบต้องการใช้ขอรับไปใช้ก่อน  เบื้องต้นเรียกคู่กรณีผู้ก่อเหตุแล้ว   ตัวละครที่ก่อเหตุทั้งหมดเรียกควบคุมตัวได้ทั้งหมดแล้ว ในข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเรื่องของบาดเจ็บ รอผลตรวจร่างกายจากแพทย์ว่าธรรมดาหรือบาดเจ็บสาหัสรอผลการตรวจร่างกายจากแพทย์ก่อน  เบื้องต้นแจ้งให้ไปพบแพทย์แล้วกลับไปพักผ่อนที่บ้านแล้ว  จากที่คู่กรณีเป็นอาสาสมัครกู้ภัย  ได้เรียกทีมคณะผู้บริหารของกู้ภัยทั้ง 2 ทีม   มาพบกันที่โรงพักแล้วมาทำการเจรจาพูดคุยต้องตกลงกันแล้ว  แต่ละฝ่ายไปติดตามสมาชิกรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ได้ให้นัดประชุม ตั้งกฎกติกากันให้ชัดเจนการไปให้บริการ   คนถึงก่อนในเขตรับผิดชอบเกิดปัญหากันขึ้นพูดคุยทำงานร่วมกันต่อไปพรุ่งนี้ (13 ต.ค.)ที่ สภ.ศรีมหาโพธิ เวลา 10.00 น. พ.ต.อ.มงคลกล่าวและกล่าวต่อไปว่า  “ ฝากให้อาสาสมัครฯที่มีจิตอาสามาช่วยงานสังคมกัน  อยากให้เป็นจิตอาสาจริงๆ ใครที่ได้รับความเดือดร้อนช่วยเหลือได้ก็ช่วยเหลืออย่าไปตั้งแง่ว่าเป็นเขตของใคร  ช่วยเหลืออะไรได้ก็ช่วยกันไป ทุกคนต้องช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนทุกคนเหมือนกัน   พ.ต.อ.มงคลกล่าวในที่สุด////ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม สำหรับพื้นที่อำเภอศรีมหาโพธิ  เป็นย่านชุมชนหนาแน่ เป็นที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรม 304 มีโรงงานมากกว่า 1,000 แห่ง มักเกิดอุบัติเหตุ
 มานิตย์  สนับบุญ 081-5583238 – ข่าว / ณัฐนันท์ – ภาพ / ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดปราจีนบุรี ///สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77 จังหวัด 






ทุกวันเนื่องจากการจราจรหนาแน่น มีหน่วยกู้ภัยฯที่ทำงานจิตอาสาช่วยเหลือประชาชนและราชการ-เอกชน รวม 3 หน่วยกู้ภัยฯ

ข่าว-ระวังภัย!พบช้างป่า “พลายงาบิด” ช้างเขาอ่างฤาไนแปดริ้วข้ามฝั่งมาไกลถึงปราจีนฯ

 ติดหล่มกลางทุ่งนาเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเตรียมผลักดันกลับ ก่อนหน้าหิวจัดพังรั้วฟาร์มหมูบุกหากินเข้ามากัดกินกล้วยและข้าวโพดของพนักงานที่ปลูกไว้ด้านใน2วันติดขณะทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เดินหน้าเฝ้าระวังช้างป่า พบฝูงช้าง เคลื่อนไหวในพื้นที่ 4 จังหวัดเมื่อเวลา17.20 น.วันนี้ 12 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรีได้รับแจ้งจากนายวิโรจน์ จันทึก ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พบช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤา จ.ฉะเชิงเทรา  (ป่าราบต่ำผืนสุดท้ายของไทยในเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา จ.สระแก้ว จ.จันทบุรี จ.ระยอง จ.ชลบุรี) ข้ามฝั่งมาหากินไกลถึง จ.ปราจีนบุรีแล้วไม่ยอมคืนถิ่น จำนวน 1 ตัวลักษณะตัวใหญ่มีงาตั้งแต่ช่วงเวลา 8:00 น ที่ผ่านมาจากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ต.เขาไม้แก้ว พร้อม กำนันตำบลย่านรี ชุด ชรบ.หมู่ที่ 7 ชุดผลักดันช้างป่าหมู่ที่ 7ต.เขาไม้แก้ว และหมู่ที่ 9  ต.ย่านรี อ.กบินทร์บุรี เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า ปจ.2(ทุ่งโพธิ) ได้ร่วมออกตรวจสอบพบเห็นช้างป่าตัวใหญ่หากินอยู่ริมป่าอ้อย ซึ่งช้างป่าตัวดังกล่าวกำลังติดหล่มวิดน้ำใส่ตัวหมู่ที่9 บ้านเขาด้วนนายวิโรจน์ จันทึก ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ต.เขาไม้แก้ว กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบเห็นช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนจังหวัดฉะเชิงเทราข้ามฝั่งเข้ามาหากินอยู่บริเวณข้างหมู่บ้านจึงออกมาตรวจสอบพบช้างตัวใหญ่ลักษณะมีงายาวข้างซ้ายยาวข้างขวาสั้น อยู่บริเวณบ้านเขาด้วนคาดว่าน่าจะเป็นเจ้างาบิด ซึ่งเมื่อ 2 คืนที่ผ่านมาบุกพังกำแพงฟาร์มหมูตำบลพื้นที่หมู่บ้านหนองตลาด หมู่7 ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เข้ามาหากินอาหารในฟาร์ม ทำให้รั้วของฟาร์มหมูได้รับความเสียหาย 2 จุด เป็นแนวยาวโดยบุกหากินเข้ามากัดกินกล้วยและข้าวโพดของพนักงานที่ปลูกไว้ด้านใน2วันติดๆ  คาดว่าเจ้างาบิดน่าจะเดินออกจากฟาร์มลาดตะเคียนมาบ้านเขาด้วน ซึ่งระยะทางห่างกัน 6 กิโลเมตรซึ่งได้จัดชุดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามช้างป่าเพื่อไม่ให้เข้าใกล้บ้านเรือนประชาชนเพื่อความปลอดภัย
ในชีวิตและทรัพย์สิน ขณะเดียวกันได้แจ้งให้นายธรรมรัฎฐ์ งามแสง นายอำเภอกบินทร์บุรีได้รับทราบแล้ว และประสานงานกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนและสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) ตลอดจนชุมชนข้างเคียงให้เฝ้าระวัง   คาดเย็นจรดค่ำนี้น่าจะทำการผลักดันเจ้างาบิดออกจากพื้นที่ให้กลับไปยังพื้นที่ผืนป่าอนุรักษ์เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนแปดริ้วต่อไปผู้สื่อข่าวรายงานต่อไป  พบเพจกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  ระบุว่า ...เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เดินหน้าเฝ้าระวังช้างป่า พบฝูงช้าง เคลื่อนไหวในพื้นที่ 4 จังหวัด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ภายใต้การกำกับของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) เดินหน้าปฏิบัติงานเฝ้าระวังและแก้ปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่อย่างเข้มข้น โดยระดมชุดเคลื่อนที่เร็วทั้ง 7 ชุด ร่วมกับเครือข่ายอาสาสมัครในพื้นที่ ลาดตระเวนตลอด 24 ชั่วโมงจากการปฏิบัติงาน พบการเคลื่อนไหวของช้างป่าในหลายพื้นที่สำคัญ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ที่พบฝูงช้างป่ากว่า 30 ตัว กำลังหากินนอกพื้นที่อนุรักษ์บริเวณอ่างเก็บน้ำประแกต และพบอีกฝูงหนึ่งประมาณ 30+ ตัว เข้าพักบริเวณป่าเนิน 4G ตำบลพวา อำเภอแก่งหางแมวนอกจากนี้ ยังพบช้างป่าฝูงเล็กเคลื่อนไหวในหลายพื้นที่ ได้แก่ บริเวณบ้านเขาสีเสียด จังหวัดฉะเชิงเทรา พบช้างป่า 6 ตัว, บ้านเขาจันทร์ จังหวัดสระแก้ว พบช้างป่า 4 ตัว
ซึ่งกำลังออกจากป่ายูคาลิปตัส และบริเวณเกาะป่าหนองบัวลอย อำเภอสนามชัยเขต พบช้างป่า 4 ตัวนายเอกชัย แสนดี หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เปิดเผยว่า ชุดเคลื่อนที่เร็วทั้ง 7 ชุด ประกอบด้วย ชุดที่ 1, 2, 3, 4, 6, 9 และ 13 ได้ปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชนในพื้นที่ครอบคลุม 4 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง และจันทบุรี โดยได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านในการแจ้งเหตุเมื่อพบช้างป่าออกหากินนอกพื้นที่สำหรับพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าไม่มีช้างป่าออกนอกเขตฯ ได้แก่ บ้านเขาตลาด, บ้านหนองปรือกันยาง ในจังหวัดฉะเชิงเทรา, บ้านแสงตะวัน-บ้านเขาตะกรุบพัฒนา ในจังหวัดสระแก้ว, บ้านมาบยาง จังหวัดชลบุรี และบ้านยางเอน จังหวัดระยอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังและพร้อมรับแจ้งเหตุตลอดเวลาทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ หากพบช้างป่าออกนอกเขตให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที และงดเว้นการเข้าใกล้หรือยั่วยุช้างป่า เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของทุกคน พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าการทำงานร่วมกับชุมชนและอาสาสมัครเป็นกลไกสำคัญในการดูแลความปลอดภัยจากปัญหาช้างป่า
 มานิตย์ สนับบุญ 081-5583238-ข่าว/ทองสุข สิงห์พิมพ์ – ภาพ / ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดปราจีนบุรี///สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77 จังหวัด




ตร.ทางหลวงส่งมอบรถตรวจยึดรถคืนเจ้าของทันเหตุการณ์สุดปลื้ม

 เมื่อเวลา20.25 น. วันนี้ 12 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี พ.ต.ต.กมลภพ หาญเวช สว.ส.ทล.5 กก.3 บก.ทล. (ตำรวจทางหลวงปราจีนบุรี - สระแก้ว) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.5 กก.3 บก.ทล. (หน่วยฯศรีมหาโพธิ) เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 เวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงปราจีนบุรี-สระแก้ว (หน่วยฯ ศรีมหาโพธิ) ร.ต.ต.ภิรมย์ แย้มกลิ่น รอง สว.(ป.) ส.ทล.5 กก.3 บก.ทล., ส.ต.ท.ศรัณย์ นันตี ผบ.หมู่ฯ ส.ทล.5 กก.3 บก.ทล.ได้ทำการ ตรวจยึดรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ สีขาว ทะเบียน จังหวัดกรุงเทพฯ บริเวณ ทล.304 กม.137-138 ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรีจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ขับขี่ และผู้ครอบครองเป็นคนละรายกัน และยังพบอีกว่าผู้ครอบครองได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ให้ช่วยติดตามรถคันดังกล่าวคืน เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการ ตรวจยึดรถยนต์ไว้ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อมาวานนี้ ( 11 ตุลาคม 2568 )  เวลา 10.00 น. เจ้าของรถ ได้เข้าติดต่อกับเจ้าหน้าที่ พร้อมนำเอกสารแสดงความเป็นผู้ครอบครอง เพื่อขอรับรถคันดังกล่าวคืน อีกทั้งได้เผยว่า ตนได้เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวมาเมื่อต้นปี 2568 และได้มอบให้หลานไว้ใช้ขับขี่ โดยตกลงกันว่าหลานจะเป็นผู้ส่งค่างวดรถ แต่ต่อมาหลานขาดส่งค่างวดรถ ไม่ยอมนำรถมาคืน ทำให้ตนได้รับความเดือดร้อน พร้อมทั้งขอบคุณ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ที่สามารถตรวจยึดรถยนต์ของตนได้ หลังจากที่ตนได้ติดตามหารถมานานกว่า 4 เดือน
ภาพข่าว/////มานิตย์  สนับบุญ 081 -5583238/ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดปราจีนบุรี ///สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77 จังหวัด




กาญจนบุรี - เปิดแล้วงานเทศกาลเห็ดโคน และอัญมณี! ผวจ.กาญจน์ เปิดงานเทศกาลเห็ดโคน อัญมณี ของดีบ่อพลอย ประจำปี 2568 พร้อมโชว์ผัดเห็ดโคนและร่วมรับประทานอาหารกับประชาชนอย่างเป็นกันเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดกาญจนบุรี ตำบลบ่อพลอย อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานเปิด “งานเทศกาลเห็ดโคน อัญมณี ของดีบ่อพลอยและงานกาชาดบ่อพลอย ประจำปี 2568” โดยมี นายสุรสิทธิ์ จันอุทา นายอำเภอบ่อพลอย ให้การต้อนรับฯ และนายชัยเชษฐ พัฒนพิชัย นายกเทศมนตรีตำบลบ่อพลอย กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงานฯ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เศรษฐกิจฐานราก และเผยแพร่ชื่อเสียงของอำเภอบ่อพลอยในฐานะแหล่งผลิตอัญมณีคุณภาพและแหล่งเห็ดโคนธรรมชาติที่ขึ้นชื่อของจังหวัดกาญจนบุรีโดยมี นางสาวกิตติยา จึงรุ่งเจริญกิจ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย นางพรรณวิภา ปิยัมปุตระ และนายสิทธิวีร์ วรรณพฤกษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอทั้ง13 อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มพลังมวลชน และประชาชนร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ภายในงานมีการจัดแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น การจำหน่ายสินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์จากชุมชน นิทรรศการและบูธของส่วนราชการ
รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฐานรากที่สะท้อนเอกลักษณ์และวิถีชีวิตของชาวบ่อพลอย พร้อมทั้งคอนเสิร์ตจากศิลปินดังมากมาย ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 10-20 ตุลาคม 2568 ณ บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดกาญจนบุรี ตำบลบ่อพลอย อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวในโอกาสนี้ว่า งานเทศกาลเห็ดโคนฯ ถือเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมเศรษฐกิจระดับชุมชน ช่วยสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ และเป็นเวทีสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น พร้อมชื่นชมจังหวัดกาญจนบุรีที่ร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานอย่างสร้างสรรค์และมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน พร้อมทั้งได้ร่วมโชว์ “ผัดเห็ดโคน” สาธิตการปรุงเมนูพื้นบ้านสุดขึ้นชื่อของอำเภอบ่อพลอย ก่อนร่วมรับประทานอาหารกับพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเอง สร้างบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเองในงาน จากนั้นได้เยี่ยมชมบูธนิทรรศการของหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งเยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชน “กลุ่มเจียระไนนิล” และกลุ่มผู้ค้าอัญมณีในพื้นที่ เพื่อให้กำลังใจและสอบถามแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์อัญมณีของท้องถิ่นให้มีคุณภาพและขยายตลาดได้กว้างขึ้น พร้อมทั้งชื่นชมบรรยากาศงานเทศกาลที่สะท้อนพลังความร่วมมือของคนในชุมชน ซึ่งถือเป็นแบบอย่างของการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
/////ข่าวภูมิภาค ปรีชา  ไหลวารินทร์ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดกาญจนบุรี///สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77 จังหวัด



นครนายก - นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียและคนไทยให้ความศรัทธาเดินทางเข้าพิธีนอนโลงศพวัดหลวงพ่อปากแดงจังหวัดนครนายก

นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียและคนไทยให้ความศรัทธาเดินทางมาวัดหลวงพ่อปากแดงเข้าพิธีนอนโลงศพสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตาชีวิต ฝึกตายก่อนตายจริงฝึกสติให้คิดได้ว่าทุกคนหนีไม่พ้นความตาย พร้อมเจิมหน้าผาก เจิมฝ่ามือ ลงยันต์กระเป๋าสตางค์ ลงยันต์โทรศัพท์ ที่วัดหลวงพ่อปากแดง ตำบลบ้านใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายกได้จัดให้มีพิธีกรรมการนอนโลงศพสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตาชีวิต นอนโลงศพฝึกตายก่อนตายจริง ฝึกสติให้คิดได้ว่าทุกคนหนีไม่พ้นความตาย โดยมีพระราชพรหมคุณ เจ้าคณะจังหวัดนครนายก เจ้าอาวาสวัดพราหมณี  (หลวงพ่อตึ้ง วัดหลวงพ่อปากแดง)ศิษย์หลวงปู่เขียน วัดพิชัยสงคราม เป็นประธานในพิธี พร้อมมีพระอาจารย์ 2 รูป
เป็นเจ้าพิธีกรรมในการทำพิธีสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตา โดยมีโลงศพตั้งเรียงรายกันจำนวน 5 โลง โดยมีนักท่องเที่ยว ได้ดูข่าวจากสื่อทีวีและสื่อออนไลน์ได้ให้ความสนใจพาครอบครัวบุตรหลานมาเข้าพิธีกรรมการนอนโลงศพเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตาชีวิต พร้อมเจิมหน้าผาก เจิมฝ่ามือ เจิมกระเป๋าสตางค์ เจิมโทรศัพท์มือถือ จุดประสงค์ของการจัดพิธีดังกล่าว ไม่ใช่เพียงเพื่อการสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตาอย่างเดียวแต่ยังต้องการสื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าที่สุดแล้วทุกคนต้องตาย โดยมีพระสงฆ์จะสวดบังสกุลตายให้ผู้ที่นอนโลงศพ จะหันหัวไปทางทิศตะวันตก และกลับหัวมาทิศตะวันออก พระสงฆ์จะสวดบังสกุลเป็นพร้อมให้ศิล ให้พร เพื่อให้สิ่งชั่วร้ายและสิ่งไม่ดีทั้งหลายทั้งปวงออกจากตัวไปโดยทางวัดหลวงพ่อปากแดง ได้จัดพิธีกรรมการนอนโลงศพเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาตั้งแต่เวลา 08.00 น.ถึง เวลา 16.00 น. หรือนักท่องเที่ยวพร้อมเมื่อไรก็จะทำพิธีกรรมนอนโลงศพให้ได้เลย มีทำพิธีกรรมนอนโรงศพทุกวันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ เบอร์โทร นายสุบิน ทองมาก คณะกรรมการวัดหลวงพ่อปากแดง โทร 0990580606 หากใครพบเจอเรื่องหนักๆหรือเรื่องร้ายๆมาลองสะเดาะเคราะห์เพื่อต่อดวง ชะตาชีวิต เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ที่วัดหลวงพ่อปากแดงแดงได้ครับ
/สมบัติ เนินใหม่//รัชชานนท์ เนินใหม่// ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดนครนายก///สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77 จังหวัด


กาญจนบุรี – เปิดเวทีปราศรัย 2 เวที แต่ละเวทีมีประชาชนเรือนหมื่นรับฟังนโยบาย! นายกอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่กาญจนบุรี ช่วยลูกพรรคหาเสียง

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 12 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน  ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ลงพื้นที่พบประชาชนที่อาคารอเนกประสงค์ วัดสระลงเรือ อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อปราศรัยหาเสียงช่วย นางสาววิสุดา  วิเชียรศิลป์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม สส.กาญจนบุรี เขตเลือกตั้งที่ 4 พรรคภูมิใจไทย โดยมีนายศักดิ์ดา  วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (บิดาของ นางสาววิสุดา)นายภราดร  ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  นายนภินทร  ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  พลโทอดุลย์  บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมแกนนำ และ สส.พรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่ ร่วมให้กำลังใจทั้งนี้ เมื่อถึงเวที นายอนุทิน เดินทักทายประชาชนตั่งแต่ชาวบ้านรอรับคนแรก ก่อนมีคุณลุงได้มอบหมวกให้กับนายกอนุทิน ใส่กันแดดที่ร้อนจัด และลงไปนั่งถ่ายรูปด้วย จากนั้นนายอนุทิน ขึ้นกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ตนมาในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
มาขอบคุณประชาชน ที่คราวที่แล้วเลือกนายศักดิ์ดา ไปเป็น สส. ของคนเมืองกาญจน์ แต่ตนเห็นว่านายศักดิ์ดา น่าจะรับใช้ประชาชนได้มากกว่า จึงชวนมาเป็นรัฐมนตรี นายศักดิ์ดา จึงต้องลาออกจาก สส. แต่เรามีลูกสาวมารับใช้ประชาชนไม่ให้ขาดช่วง คราวนี้ได้ทั้งพ่อทั้งลูกนายอนุทิน ระบุต่อไปว่า อาทิตย์หน้า (19 ตุลาคม 2568) ถ้าพี่น้องบอกว่าใช้พ่อคนเดียวไม่พอ จะจิกหัวใช้ลูกอีก ก็ขอให้เลือก นางสาววิสุดา ถ้าประชาชนให้ความเมตตา นางสาววิสุดา ยืนยันว่าจะได้คนจริง เนื่องจาก นางสาววิสุดา เป็นข้าราชการ มีโอกาสเติบโตได้ แต่วันนี้เขาเห็นว่าการเป็นข้าราชการประจำไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้เต็มที่ เมื่อพ่อเป็นรัฐมนตรี ลูกจึงมาขอเป็นผู้แทน วันนี้มาขอคะแนน ปีหน้ามีเลือกตั้งแน่นอนก็จะขออีก แต่วันนี้เป็นออร์เดิร์ฟ ขอคะแนนให้กับ นางสาววิสุดา ก่อนส่วนเรื่องนโยบายยืนยันภูมิใจไทยพูดแล้วทำ การทำงานของพรรคภูมิใจไทยถ้าประชาชนไว้วางใจขอให้คอยดู ตนเพิ่งเข้ามาทำงานได้ 12 วัน สวัสดิการแห่งรัฐเรียบร้อย โครงการคนละครึ่งผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นที่เรียบร้อย และเราทำงานอย่างใจกว้าง ทำงานหนึ่งเดียว มีหน้าที่อย่างเดียวคือรับใช้ประชาชน
สิ่งที่เราให้คำมั่นสัญญาไว้เราจะทำให้หมด เราอยู่ถึงมกราคม 2569 คืนอำนาจให้ประชาชน หวังว่าประชาชนจะเห็นการทำงานของพวกเรา และไว้วางใจให้พวกเรากลับมาทำงานรับใช้ประชาชนอีกครั้ง แต่ก่อนอื่นวันที่ 19 ตุลาคม ขอให้ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์วันเกิดให้ว่าที่ สส.คนใหม่ของ พรรคภูมิใจไทย ขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลอนาคต นางสาววิสุดาให้เต็มที่ ขนาดพ่อไม่ค่อยหล่อยังได้เป็นรัฐมนตรี ลูกสวยขนาดนี้ต้องยิ่งกว่ารัฐมนตรี เผลอๆ ได้เป็นนายกฯ หญิงอีกคนหนึ่งขณะเดียวกัน นายอนุทิน กล่าวอีกว่า เรื่องการเปิดด่าน เมื่อประชาชนบอกไม่ให้เปิดก็จะไม่เปิด เพราะถ้าเปิดด่านเป็นอดีตนายกฯ ทันที เพราะจะถูกกระทืบตาย ขอให้เก็บตนไว้ทำงานให้พี่น้องประชาชน อยากจะรับใช้ประชาชนทั่วประเทศ เรื่องเปิดด่านจบแล้วไม่มีทางเปิด ตอนนี้สู้อย่างเดียว ต้องรักษาอธิปไตยรักษาศักดิ์ศรีของคนไทย เรื่องเปิดด่านจึงไม่ต้องกังวลเสร็จจากการปราศรัยที่อาคารอเนกประสงค์ วัดสระลงเรือ อำเภอห้วยกระเจา คณะก็จะเดินทางไปขึ้นเวทีที่สอง ซึ่งได้จัดไว้ในพื้นที่อำเภอบ่อพลอย บริเวณศูนย์จำหน่ายและแสดงสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ OTOP เทศบาลตำบลบ่อพลอย อำเภอบ่อพลอย  โดยมีประชาชนในพื้นที่อำเภอบ่อพลอย อำเภอหนองปรือ และอำเภอบางส่วนเดินทางไปฟังการปราศรัยของนายอนุทิน ชาญวีรกูล อย่างเนื่องแน่นเช่นกัน

ข่าวภูมิภาค / ปรีชา  ไหลวารินทร์ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดกาญจนบุรี///สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77 จังหวัด

.

กาญจนบุรี - พบตัวแล้วหนุ่มอังกฤษวัย 19 ที่หายตัว!! ตามตัวเจอปลอดภัย อ้างเดินหลงเข้าไปในป่าลึก เก็บเศษไม้กิน ขอเข้าวัดกินรอดตาย ผู้ปกครองมารับไปเรียบร้อย

จากกรณีหนุ่มสัญชาติอังกฤษหายตัว ตามวันเวลาเกิดเหตุ ขณะปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวน ได้มี MS.GULINARTA FATTAKHOVA สัญชาติ รัสเซีย มาและได้ขอความช่วยเหลือให้ประกาศตามหา Mr.LAWRENCE STALLARD HONOUR สัญชาติ อังกฤษ อายุ 19 ปีซึ่งเป็นบุตรชายได้ออกจากบ้าน ที่ 157/526 ซอยพัทยา-นาเกลือ ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 ต่อมา MS.GULINARTA FATTAKHOVA ได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองพัทยา ตามประจำวันรับแจ้งหลักฐาน
ข้อที่ 16 วันที่ 26 กันยายน 2568 เวลา 14.35 น. โดยมี ร้อยตำรวจเอกปกรณ์  ประกอบนันท์ รองสารวัตร (สอบสวน)     สภ.เมืองพัทยา เป็นพนักงานสอบสวน ไว้แล้วนั้น และ ได้ตรวจสอบสัญญาณ GPS ตามโทรศัพท์มือถือของลูกชาย ล่าสุดพบว่าอยู่ในพื้นที่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 เวลา 11.00 น. อยู่ที่บริเวณ 4 แยกโรงเรียนอนุบาลสังขละบุรี จากนั้นไม่สามารถตรวจจับ สัญญาณ GPS  และไม่สามารถติดต่อได้ MS.GULINARTA FATTAKHOVA จึงได้มาพบ พนักงานสอบสวน เพื่อขอให้ช่วยประกาศตามหา Mr.LAWRENCE STALLARD HONOUR สภ.สังขละบุรี จึงได้แจ้งศูนย์วิทยุ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ดำเนินการติดตามหาตัวจากการสืบสวน  พบว่าเมื่อวันที่ 27 ก.ย. พบภาพจากกล้องวงจรปิดที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในบ้านด่านเจดีย์สามองค์ แสดงให้เห็นMr.LAWRENCE  เดินออกจากรีสอร์ทขณะฝนตก มีความพยายามจะข้ามชายแดนไปยัง อำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา แต่ถูกเจ้าหน้าที่ ตม.สังขละบุรี ห้ามไว้ และอธิบายให้เนื่องจาก ไม่ใช่ด่านเข้าออกผ่านเมือง จนเข้าใจดี และได้พาตัว Mr.LAWRENCE ไปส่งที่ท่ารถตู้ประจำทางเจดีย์สามองค์ – เมืองกาญจนบุรี หลังจากนั้นไม่พบตัวอีกเลย เชื่อว่า Mr.LAWRENCE   ได้หลบหนีออกไปยังประเทศเมียนมา ซึ่งได้ประสานกับชุดประสานชายแดนไทยเมียนมา ของทหารให้ช่วยติดตามตัวต่อไป ก่อนหน้านั้นมีครูคนหนึ่งช่วยรับส่งจากน้ำตกไทรโยคน้อยไปยังอำเภอสังขละบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังติดตามหาครูท่านนั้นเพื่อขอข้อมูลเพิ่ม
เติมต่อมาเมื่อวันที่ 13 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันตำรวจเอกสันติ พิทักษ์สกุล  ผกก.สภ.สังขละบุรี ได้รับแจ้งจากมูลนิธิแห่งหนึ่ง ว่าได้พบชายคนดังกล่าวแล้ว จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น พลตรีณัฏฐพงศ์   อัศวินวงศ์ ผบ. กองพลทหารราบที่9 กองกำลังสุรสีห์ จังหวัดกาญจนบุรี นายอธิสรรค์  อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พลตำรวจตรีพศวีร์  เรืองภู่ ผบก.ภ.กาญจนบุรี ประสานไปยัง พันเอกพรรณศักย์  เพรียวพานิช ผบ.ร.29/ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ พันเอกปิยะเณศร์  ภัทรศาศวัตวงษ์ รอง ผบ.ร.29/รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า พันตำรวจเอกกรณ์  สมคะเณย์ ผกก.ตม.จังหวัดกาญจนบุรี ผบ.ร้อย ตชด.ที่ 134 (สังขละบุรี) ร่วมกับ มูลนิธิฯ ร่วมลงพื้นที่ออกหาข่าว รวมทั้งออกตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ตามสถานที่ต่างๆทั้งริมถนน โรงแรม รีสอร์ท ที่มีอยู่ในพื้นที่ทั้งในตัวเมืองและชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ตำบลหนองลู และได้รับดูแลเบื้องต้นไว้ สอบปากคำทราบว่า เดิมที Mr.LAWRENCE ตั้งใจไปพญาตองซู ในวันที่ 27 ก.ย. 68 แต่เมื่อเดินทางถึงด่านพระเจดีย์สามองค์ สังขละบุรี เจ้าหน้าที่แจ้งว่าด่านปิด เจ้าหน้าที่จึงนำมาส่งในตัวเมือง จากนั้นมีชายสามคนพาไปรีสอร์ท แต่เนื่องจากไม่มีเงินค่าที่พัก จึงขอเพียงชาร์จโทรศัพท์ ต่อมามีคนพาไป "วัดถ้ำสวรรค์บันดาล" Mr.LAWRENCEเดินเข้าไปในป่าตอนมืด และหลงป่า เข้าไปในป่าลึก ภูเขา และเหว นานกว่า 10 วัน โดยประทังชีวิตด้วยมดและเปลือกไม้ และต้องทิ้งสัมภาระไว้ในป่า จนกระทั่งเดินวนกลับมาพบวัด ได้รับอาหาร และมีคนมารับไปพักที่มูลนิธิในที่สุด ตรวจสอบไม่ได้ถูกทำร้าย หรือ การกระทำละเมิดกฏหมายจากบุคคลอื่น หลังจากนั้นผู้ปกครองได้มารับตัวกลับไปเป็นที่เรียบร้อย
ข่าวภูมิภาค / ปรีชา  ไหลวารินทร์ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดกาญจนบุรี//สุพจน์บดินทร์ บก.ข่าวออนไลน์ 77 จังหวัด





รอง ผบ.ตร. ตรวจเยี่ยมกำลังพลสามฝ่ายในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 เวลา 09.30 น.ณ ร.12 พัน.3 รอ. ค่ายสุรสิงหนาท อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วพ.ต.อ.ปาริชาติ บรรจงปรุผกก.ตชด.12/ผบ.ชค.ตชด.12ให้การต้อนรับ พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในโอกาสเดินทางมาติดตามสถานการณ์ชายแดน และตรวจเยี่ยมกำลังพลในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ในโอกาสนี้ ท่านรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบ สิ่งของอุปโภคบริโภค เพื่อบำรุงขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย
ได้แก่ทหาร /ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นไดพล.ต.ท.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบช.ตชด. พล.ต.ต.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผบก.ตชด.ภาค 1พ.ต.อ.รัฐชยุตม์ วัชรโกมลมาศ รอง ผบก.ตชด.ภาค 1พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผบ.กกล.บูรพาและหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับอย่างพร้อมเพรียงบรรยากาศการตรวจเยี่ยมเป็นไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง สะท้อนถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการเสริมสร้างขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน เพื่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ #ตชด12 #ตำรวจตระเวนชายแดน #ชายแดนมั่นคง  #บำรุงขวัญกำลังพล///ภาพข่าว///ทีมข่าม ตชด.12////สุพจน์บดินทรฺ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์นิวส์24สถานีประชาชน 77 จังหวัด
///ภาพข่าว///ทีมข่าม ตชด.12////สุพจน์บดินทรฺ์(จัด) กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์นิวส์24สถานีประชาชน 77 จังหวัด โทร 0953071918






ตร.ท่องเที่ยวเกาะพะงัน กวาดล้างหนัก! รวบ 6 แรงงานเมียนมาร์ ลอบทำงานผิดประเภท-ตั้งแก๊งรับเหมาเถื่อน เงินหมุนเวียนเกือบ 9 ล้านโดยมีนายทุนใหญ่เป็นชาวอิสราเอลหนุนหลัง

 นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลาวันที่

12 ตุลาคม 2568 ภายใต้การขับเคลื่อนนโยบายของ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) ในการปราบปรามการกระทำความผิดของกลุ่มแรงงานต่างด้าว พ.ต.ท. วินิจ บุญชิต สว.ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 พร้อมชุดจับกุม (ชุดสืบสวนตำรวจท่องเที่ยว)ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ บ้านในวก ม.3 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงันไจ.สุราษฎร์ธานี ทั้งนี้ ได้ร่วมบูรณาการกับฝ่ายปกครองอำเภอเกาะพะงัน ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ นายสุริยา บุญพันธ์ นายอำเภอเกาะพะงัน ,นายไพสิฐ ทองเจิม ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง ได้สั่งการให้ชุดจับกุม นำโดย มว.ต.ธนพนธ์ แซ่ตั้ง ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงตรวจคนเข้าเมืองเกาะพะงัน พ.ต.ท.หญิง สงวนทรัพย์  ลาภสนอง สว.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี, ร.ต.อ.สิริวัฒน์ สมหวัง รอง สว.ตม.จว.สุราษฏร์ธานี ตำรวจ สภ. เกาะพะงัน นำโดยพ.ต.อ. อภิชาติ จันทร์สำเร็จผกก.สภ.เกาะพะงันนำทีมชุดสืบสวนสามารถจับกุมแรงงานชาวเมียนมาร์ได้รวม 6 ราย ในหลายข้อหา ตั้งแต่การทำงานผิดประเภทไปจนถึงการร่วมกันประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต พบเงินหมุนเวียนในบัญชีเกือบ 9 ล้านบาทการจับกุมเริ่มขึ้น หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีชายชาวเมียนมาร์ลักลอบประกอบอาชีพช่างไฟฟ้า เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบและพบ นายเย เมียต จอ และ นายเทะ ซอ ทเว กำลังทำงานติดตั้งระบบไฟอยู่ในบ้านที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว ทั้งสองรายยอมรับสารภาพว่า ได้รับค่าจ้างเป็นเงินสดวันละ 500 บาท จากชายชาวอิสราเอลรายหนึ่ง ให้มาทำงานเป็นช่างไฟ ทั้งที่ในใบอนุญาตทำงานระบุอาชีพเป็น "กรรมกร" เท่านั้น จึงถูกแจ้งข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ์จะทำได้
(ช่างไฟ)”นอกจากนี้ การสอบสวนขยายผลในพื้นที่เดียวกัน นำไปสู่การจับกุมแก๊งรับเหมาก่อสร้างเถื่อนชาวเมียนมาร์อีก 3 ราย คือ นายอาง ทู, นางข่าย ไว มอน และ นายเทะ ไว ทั้งสามคนมีการจัดตั้งกลุ่มไลน์เพื่อติดต่อและรับงานรับเหมาก่อสร้างจากลูกค้าชาวต่างชาติ โดยมีนายอาง ทู ทำหน้าที่การตลาดและประสานงานกับลูกค้า, นายเทะ ไว ทำหน้าที่เป็นโฟร์แมนควบคุมงานก่อสร้าง และนางข่าย ไว มอน ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่บัญชี พบเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สูงถึง 8,900,000 บาท โดยผู้ต้องหายอมรับว่าใช้วิธีแอบอ้างว่าทำงานให้กับบริษัทรับเหมาแห่งหนึ่งเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ โดยมีวิธีการตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจคือการลงทะเบียนเป็นลูกจ้างภายในบริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด คงทอง ก่อสร้าง และได้จ้างลูกน้องชาวเมียนมาร์ที่อยู่ภายในบริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด คงทอง ก่อสร้าง มาทำงานในสถานที่ก่อสร้างของตน โดยวิธีการคือเมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจสอบเอกสารจะให้การอ้างว่าตนทำงานอยู่กับบริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด คงทอง ก่อสร้าง เพื่อแอบอ้างกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ตรวจกับบริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด คงทอง ก่อสร้าง ได้ข้อมูลว่า ทางบริษัท ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการสร้างหมู่บ้านดังกล่าว โดยงานดังกล่าวขณะที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตรวจสอบนั้นได้รับการว่าจ้างให้สร้างบ้านจาก Mr.Ran Nehorai Shachar สัญชาติ อิสราเอล หนังสือเดินทางเลขที่ 32844500 โดยใช้งบประมาณในการสร้างบ้านหลังละ 7 ล้านกว่าบาท มีทั้งหมด 7 หลัง โดย Mr.Ran จะแบ่งจ่ายค่าจ้างเป็นรอบๆ โดยครั้งแรกจะจ่ายเมื่องานสำเร็จไป 50% จะแบ่งจ่ายครึ่งนึงของราคาแต่ละหลัง เป็นรอบๆไป ตรวจสอบมีใบเสร็จรายการสินค้าที่ Mr.Ranฯ ซื้อสิ่งของที่ใช้ในการก่อสร้างให้กับผู้ถูกจับทั้ง 3 ราย รวมราคาประมาณ 9,300,000 บาท และค่าแรงของแรงงานต่างด้าวแบบเหมาจ่าย รวมเป็นเงิน 6,000,000 บาท จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของทั้ง 3 คนซึ่งทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต (รับเหมาก่อสร้าง)” และถูกแจ้งข้อหาทำงานผิดประเภทเพิ่มเติมตามบทบาทหน้าที่ขณะเดียวกัน ในระหว่างปฏิบัติการจับกุม ยังพบ นายเทียน โซ เดินเตร็ดเตร่มีพิรุธ เมื่อเรียกตรวจสอบไม่สามารถแสดงเอกสารใดๆ ได้ และยอมรับว่าหลบหนีเข้าประเทศโดยผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติจาก
อ.แม่สอด จ.ตาก โดยเสียค่านายหน้า 15,000 บาท จึงถูกแจ้งข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย พร้อมของกลาง (หลักฐานทางโทรศัพท์และบัญชีธนาคาร) นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  สำหรับนายจ้างของผู้ถูกจับ ทราบจาก 1. นายอาง ทู (Mr.Aung Thu) 2. นางข่าย ไว มอน (Mrs.Khaing Wai Mon) อายุ 41 ปี สัญชาติ เมียนมาร์ เลขที่หนังสือเดินทาง MG650960 3.นายเทะ ไว (Mr.Thet Wai) ตนทั้ง 3 คน ได้ถูกว่าจ้างจาก Mr.Ran Nehorai Shachar สัญชาติ อิสราเอล หนังสือเดินทางเลขที่ 32844500 ซึ่งได้ว่าจ้างตนให้มาก่อสร้างหมู่บ้านดังกล่าว จริง โดยหน้าที่ของแต่ละคนระบุอยู่ในพฤติการณ์จับกุมข้างต้น โดย Mr.Ran เป็นผู้นำเงินสดมามอบให้กับนายอาง ทูฯ (ผู้ถูกจับที่1) เนื่องจากพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว และนายอาง ทูฯ นำเงินสดไปส่งต่อให้กับนางข่าย ไว มอน (ผู้ถูกจับที่2) ซึ่งเป็นฝ่ายการตลาด นำเงินดังกล่าวไปแจกจ่ายให้กับลูกจ้างชาวเมียนมาร์ในลำดับต่อไป เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงขอกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับ Mr.Ran Nehorai Shachar สัญชาติ อิสราเอล หนังสือเดินทางเลขที่ 32844500 ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต (รับเหมาก่อสร้าง), เป็นนายจ้างจ้างบุคคลต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ์จะทำได้ (การตลาด), เป็นนายจ้างจ้างบุคคลต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ์จะทำได้ (เจ้าหน้าที่บัญชี), เป็นนายจ้างจ้างบุคคลต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ์จะทำได้ (โฟร์แมน)” ตามกฎหมายต่อไปการกวาดล้างครั้งนี้สืบเนื่องจากการร้องเรียนของคนไทย ที่เป็นผู้รับเหมาชาวไทย ได้ร้องเรียน ผ่านสายด่วน 1155 ถึงปัญหาการแย่งอาชีพคนไทยและ การเป็น นอมินี อำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มทุน
อิสราเอลในพื้นที่เกาะพะงัน กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มอบหมายให้ ชุดสืบส่วน ลงพื้นที่ ตรวจสอบ หาหลักฐาน  จนทราบถึง กลุ่ม บุคคลต่างด้าว ดังกล่าว มาระยะหนึ่ง อีกทั้ง ชุดสืบสวน ทีม นอมินี  ได้ ตรวจสอบ เส้นทางการเงิน ถึงกับตกใจ  กลุ่มชาวต่างด้างดังกล่าว มีเงินไหล เข้าออก ในระยะเวลา 1 ปี จนถึงปัจจุบัน หลายล้านบาท และมีความเชื่อมโยง กับ นายทุน อิสราเอล และ คนไทย หลายราย ทั้งนี้ ยังมีบริษัทจัดตั้ง อำนวยความสะดวกให้ กลุ่มต้างด้าว กลุ่มนี้ ทำงาน ในนาม บริษัท ตบตาเจ้าหน้าที่ ทำงานแบบนิติกรรมอำพราง  (นอมินี) ให้ผู้รับเหมาชาวต่างด้าวกลุ่มนี้ ไปติดต่อรับงาน กับกลุ่ม ชาวต่างชาติ โดยเสรี สอบถามผู้ถูกจับให้การกล่าวอ่งว่า สาเหตุที่พวกตน ใช่ชื่อบริษัทดังกล่าว เนื่องจาก คนไทยในบริษัทดังกล่าว มีเพียง คนเดียว มีหน้าที่ ติดต่อ สั่งซื้อ อุปกรณ์ วัสดุก่อสร้าง ตามความต้องการของพวกตนเท่านั้น และไม่สามารถ สื่อสารภาษาอังกฤษได้ เวลาไปติดต่องาน พวกตนจึง ตั้งทีมทำงาน มี แผนก แบ่งฝ่าย แบ่งงาน เป็น ตัวแทน บริษัท รับหางานเอง ติดต่องาน รับเหมาเอง มีลูกน้องเป็น ชาวเมียนม่า  จำนวจ 30-50 คน เขาออกตลอดเวลา  และ ทราบว่า การตั้งเป็นทีมรับเหมาเอง มันผิดกฏหมาย แต่ ด้วย ผลประกอบการ บวกกับ รายได้ ที่พวกตนรับ ค่าตอบแทน มันคุ้ม ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ยังต้องขยายผล ตรวจสอบ ถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และ ให้ทีม ขยายผล จังหวัด ภายใต้ การ อำนวยการท่านผู้ว่า สุราษฏร์ธานีทำงานขยายผลต่อ ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางการเงิน  กลุ่มผู้รับเหมา และ กลุ่มทุนชาวอิสราเอล และ ผู้ที่อำนวยความสะดวก (นอมินี) ชาวไทย หากพบ เส้นเงิน ไปถึงใครคนใด จะดำเนินคดี โดยไม่มีละเว้น ทุกคน ทุกกรณี   เพื่อเป็นการ สร้างภาพลักษณ์ที่ดี ตามนโยบาย ท่านผู้ว่า จังหวัดสุราษฏร์ธานี และ ยังมีการบูรณาการอีกในหลายมิติ เป็นไปตามนโยบายปราบปรามแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่สร้างผลกระทบต่ออาชีพคนไทยและภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะพะงันอย่างต่อเนื่อง
 นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดสงขลาวันที่/////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77 จังหวัด