Recent News/ข่าวล่าสุด

รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบนโยบายเร่งด่วนปรับโฉมภาคการเกษตรทั้งระบบพัฒนาพื้นที่สูง

 วันนี้ (9 พ.ย. 68) ที่ อาคารฝึกอบรมห้องประชุมดอยคำ สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน) จังหวัดเชียงใหม่ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบนโยบายแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) พร้อมรับฟังรายงานผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาชุมชนบนพื้นที่สูง โดยมี นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
 ในการนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบนโยบายเร่งด่วนให้สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน) เพื่อนำไปพัฒนาภาคการเกษตร ได้แก่ การปรับโฉมภาคการเกษตรทั้งระบบให้มีความเหมาะสมกับพื้นที่และพัฒนาภาคการผลิตตามเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อเป็นเครื่องการันตีในคุณภาพสินค้าเกษตรมูลค่าสูง สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค  รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการศึกษาและวิจัยพันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์ใหม่ๆ เพื่อนำไปสู่การสนับสนุนองค์ความรู้และปัจจัยการผลิตในอนาคตให้แก่เกษตรกร โดยมุ่งเน้นการปรับระบบการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล
 สำหรับนโยบายในระยะกลางและระยะยาวนั้น มอบหมายให้ทุกภาคส่วนดำเนินงานตามกรอบแนวทางที่ได้กำหนดไว้ อาทิ การบริหารจัดการน้ำ การสานต่อนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และนโยบายอื่นๆ อย่างครอบคลุม เพื่อสร้างความยั่งยืนในภาคการเกษตร และยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้ดียิ่งขึ้น
 สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน) ได้ดำเนินการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการพัฒนาส่งเสริมอาชีพเกษตรประณีต เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรมูลค่าสูง และการตลาดให้แก่เกษตรกรกว่า 25,855 ราย  ด้านการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน โดยการพัฒนาผู้นำเกษตรกรกว่า 1,150 ราย และพัฒนาแปลงเรียนรู้ 45 พื้นที่ 243 แปลง ด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการส่งเสริมกิจกรรมการลดการเผาในพื้นที่ป่าและพื้นที่เกษตร ทำให้ในปี 2568 จุดความร้อนในพื้นที่เกษตรลดลง ร้อยละ 57.21 เมื่อเทียบกับปี 2567 และด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ในช่วงปีงบประมาณ 2563 - 2568 มีการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กและระบบกระจายน้ำกว่า 507 ชุมชน ครอบคลุม 1,057 แห่ง ประชาชนกว่า 25,000 รายสามารถเข้าถึงน้ำ เพื่ออุปโภคบริโภคและการเกษตร รวมพื้นที่กว่า 72,000 ไร่







 ส่งศักดิ์ พรมเอี่ยม ชัยณรงค์ อนันทปัญญสุทธิ์ ศูนย์ข่าวภาคเหนือรายงาน

คึกคักกับกิจกรรมดูดาว ณ หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ที่ประชาชนพากันออกมาชมกีนอย่างคับคัีง

 ชาวจังหวัดฉะเชิงเทราเชิญชวนร่วมกิจกรรมที่หอดูดาวซึ่งสามารถมาร่วมกิจกรรมกันได้ทุกคืนวันเสาร์เวลา 18.00น.- 22.00 น. โดยวันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2568 นั้น ได้มีงานหนังใหญ่เฟสติวัล ซึ่งบริเวณงานนั้น มีกิจกรรมมุมถ่ายรูปด้านล่างและมีร้านกว่าเป็นจำนวนมาก โดยกิจกรรมนั้นได้มีนักเรียนนักศึกษาและผู้ใหญ่เข้าร่วมในกิจกรรมนี้เป็นจำนวนมา ซึ่งได้เห็นว่า มีนักเรียนตื่นเต้นได้เห็นดาวต่างๆโดยมีเจ้าหน้าที่ได้ให้ความรู้เบื้องต้นพร้อมแนะนำการดูดวงดาวต่างๆให้แก่น้องๆนักเรียนอย่างถูกวิธีอีกด้วย
หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา หรือหอดูดาวภูมิภาค ฉะเชิงเทราเป็นหอดูดาวภูมิภาคสำหรับประชาชนเต็มรูปแบบ แห่งที่ 2 ของประเทศไทย ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ต.วังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา
ด้านในยังมีพิพิธภัณฑ์ นิทรรศการ NARIT Public Night รวมไปถึง ท้องฟ้าจำลอง เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา สร้างความตระหนักและความตื่นตัวทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กระจายสู่ภูมิภาคต่างๆให้ประชาชนในทุกภูมิภาคมีโอกาสการเรียนรู้ดาราศาสตร์อย่างทั่วถึง
ด้านนักเรียนที่มากับผู้ปกครองได้เผยว่า ตนรู้สึกตื่นเต้นและได้เห็นดาวต่างๆบนท้องฟ้า ซึ่งตนนั้นเรียนอยู่ที่ปีที่ 5 จากโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ กรุงเทพ คุณแม่เสริมอีกว่าทราบจากทางPageของ หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา ซึ่งตนติดตามและเป็น FC และจะติดตามกิจกรรมที่จัดขึ้นและจะมาร่วมกิจกรรมตลอด




…..สราวุฒิ บุญสร้าง ผู้สื่อข่าวภูมิภาคฉะเชิงเทรา 0831110106
 

อบจ.สงขลา ลุยทดสอบระบบ “โรงไฟฟ้าขยะมูลฝอย” เดินหน้าสู่เป้าหมายเปิดเดินเครื่องต้นปี 69

อบจ.สงขลา เดินหน้าขานรับนโยบายกระทรวงมหาดไทย เร่งเครื่องโครงการ “โรงไฟฟ้ากำจัดขยะมูลฝอยจังหวัดสงขลา” หลังการก่อสร้างคืบหน้าแล้วกว่า 95.47% พร้อมทดสอบระบบเผาไหม้หม้อไอน้ำ เตรียมพร้อมเปิดเดินระบบจริงและขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในวันที่ 2 มกราคม 2569 ถือเป็นก้าวสำคัญของจังหวัดในการจัดการขยะอย่างยั่งยืนและสร้างพลังงานสะอาดคืนสู่สังคมนายฉัตรเพชร ครุอำโพธิ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดการประชุมทดสอบระบบ พร้อมหน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมตรวจเยี่ยมพื้นที่จริง ณ โรงไฟฟ้าฯ ตำบลเกาะแต้ว อำเภอเมืองสงขลา โดยมีบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับผิดชอบโครงการนำเสนอความคืบหน้า พร้อมนำคณะเยี่ยมชมภายในอาคาร ลานรับขยะ ห้องควบคุม และระบบการผลิตพลังงานจากขยะมูลฝอยโครงการมูลค่ากว่า 2,125 ล้านบาท นี้ เป็นความร่วมมือของ อบจ.สงขลา กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดกว่า 75 แห่ง เพื่อรวบรวมและกำจัดขยะวันละกว่า 500 ตัน อย่างถูกหลักมาตรฐาน นับเป็นอีกหมุดหมายสำคัญของสงขลาในการเปลี่ยน “ขยะ” ให้กลายเป็น “พลังงาน” และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
////นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดสงขลา/////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77จังหวัด

กาญจนบุรี - สส,กุ๊ก เขต3 กาญจน์ เปิดกิจกรรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพ สร้างสรรค์สามัคคี ชีวิตเป็นสุขและเวทีเสวนาสภากาแฟ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2568

วันที่ 9 พ.ย.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยศวัฒน์  มาไพศาลสิน สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดกาญจนบุรี เขต 3 พรรคภูมิใจ เป็นประธานเปิดกิจกรรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพ ณ,ลานหน้าองค์การบริหารส่วนตำบลดอนชะเอม อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีนางอรทัย วังศ์วัชรมงคล นายอำเภท่ามะกา นายนิสิต จงศุภวิศาลสิน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ผุ้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. พี่น้องประชาชน เข้าร่วมกันเป็นจำนวนมาก และมีนายสมโภช บุญวัน สาธารณสุขอำเภอท่ามะกา กล่าวรายงาน ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยได้ออกกำลังกายภายในชุมน ซึ่งการออกกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของประชาชน อันจะนำไปสู่การมีคุณภาพลานามัยที่สมบูรณ์ แแข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคความดัน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ไตวาย ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยพบผู้ป่วยในกลุ่มนี้มีจำนวน 18398 ราย คิดเป็นร้อยละ14 ของประชาชนท้ังหมดในพื้นที่อำเภอท่ามะกา ตลอดจนเป็นการเปิดเวทีรับฟังเสียงของประชาชน เสวนาสภากาแฟระหว่างสส,ยศวัฒน์ มาไพศาลสิน กับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและประชาชนได้มาพบปะสนทาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน รับฟังปัญหาด้านต่างๆในพื้นที่
เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี และความสัมพันธ์อันดีต่อกัน  โดยกิจกรรมประกอบด้วย การยืนสงบนิ่งถวายความอาลัย แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 93วินาที ,การเต้นแอโรบิคอบอุ่นร่างกาย และพิธีอย่างเป็นทางการ โดยเริ่มปล่อยตัวจุดสตาร์ทหน้า องค์การบริหารส่วนตำบลดอนชะเอม ไปตามถนนบ้านดอนชะเอม แวะเช็คอินบ้านต้น คาเฟ่ ก่อนกลับตัวบบริเวณป้อมตำรวจและกลับเข้าสู่เส้นชัย 30 ท่านแรกรับของที่ระลึก ในด้านของนายยศวัฒน์  มาไพศาลสิน สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดกาญจนบุรี เขต 3 กล่าวว่า  สำหรับกิจกรรมเดินวิ่งก้าวด้วยใจ ไปด้วยกัน และสภากาแฟ คร้ังนี้จะเน้นให้พี่น้องประชาชนได้ออกกำลังกายเป็นหลักโดยไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับใคร ขอแค่เรามาเดิน มาวิ่ง มายิ้มให้กัน ก็ถือว่าเป็นการสร้างสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดีให้กับตัวเองและคนรอบข้าง และต้องขอชื่นชมคณะผู้จัดกิจกรรม ทีมงานสาธารณสุขอำเภอท่ามะกา ที่เล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพประชาชน ขอขอบคุณองค์การบริหารสวนตำบลดอนชะเอม ที่ให้ความอนุเคราะห์สถานที่ และขอให้ทุกท่านมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี ห่างไกลจากโรคไม่ติดต่อเรื้องรังและมีความสุขต่อไป สส,ยศวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย
.////////ข่าวภูมิภาค / ปรีชา  ไหลวารินทร์ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดกาญจนบุรี/////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77 จังหวัด

กาญจนบุรี – เริ่มกล้าขนกันกลางวันแสกๆ!! ตำรวจสังขละฯ จมูกไวเห็นรถผิดสังเกตติดตาม พบรถบรรทุกต่างด้าว เมียนมา เกิดอุบัติเหตุชนเสาไฟฟ้าบาดเจ็บ 21 ราย คนขับเผ่นหนี

วันนี้ 09 พ.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันตำรวจเอกสันติ  พิทักษ์สกุล ผกก.สภ.สังขละบุรี ได้รับแจ้งจากจุดตรวจความมั่นคงสะพานรันตี ว่าได้พบรถต้องสงสัยมีพิรุธด้านหน้ารถทะเบียน  บห 8606 กาญจนบุรีทะเบียนด้านหลัง บห 4940 กาญจนบุรี ยี่ห้อรถมิตซู สีดำ จึงได้ติดตามพฤติกรรมรถคันดังกล่าว จนรถคันดังกล่าวได้ประสบอุบัติเหตุชนเสาไฟฟ้าข้างทาง บริเวณหน้าสำนักสงฆ์ทิโคร่ง ถนนสาย 323 หมู่ 4 ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เบื้องต้นทราบว่ามีผู้บาดเจ็บจำนวน 21 ราย มีทั้งบาดเจ็บสาหัสและสามารถช่วยตัวเองได้บางส่วนพันตำรวจเอกสันติ  พิทักษ์สกุล ผกก.สภ.สังขละบุรี ได้ติดตามไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ  พร้อมประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ โรงพยาบาลสังขละบุรี ให้มารับผู้บาดเจ็บจำนวน 21 ราย ตามหลักมนุษยธรรม นางสาวโช โชวิน อายุ 22 ปี นางสาวสราโม อายุ 23 ปี บาดเจ็บหนัก 3 ราย นายเซรินไท อายุ 20 ปี บาดเจ็บหนัก นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสังขละบุรี ส่วนผู้บาดเจ็บเล็กน้อยอีก 18 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนำส่ง สภ.สังขละบุรีจากการสอบสวนเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ รถคันดังกล่าวได้ขับผ่านจุดตรวจความมั่นคงสะพานรันตี มีข้อพิรุธของเจ้าหน้าที่ทะเบียนหน้ารถและทะเบียนท้ายรถไม่ตรงกัน เจ้าที่ได้ติดตามพฤติกรรมรถคันดังกล่าว ขับด้วยความเร็วสูงเพื่อที่จะแซงรถคันหน้า แต่แซงไม่พ้นจึงหักหลบลงข้างทางชนเสาไฟฟ้าได้รับความเสียหาย ส่วนผู้บาดเจ็บ 21 ราย ไม่มีเอกสารแสดงตนเองต่างด้าวชาวเมียนมา ทั้งหมด ส่วนผู้ขับรถคันดังกล่าวช่วงระหว่างชุลมุนวุ่นวายได้หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ทางเจ้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลเพื่อที่จะจับกุมคนขับรถดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไ
////ข่าวภูมิภาค / ปรีชา  ไหลวารินทร์ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดกาญจนบุรี////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77จังหวัด



กาญจนบุรี - แก๊งพม่าเถื่อนเหิม ลุยข้ามชายแดนลักลอบขุดดินร่อนแร่ทองคำบนเขาผืนป่าลุ่มน้ำชั้น 1 A จนท.สุดอึดใช้เวลาเดินเท้า 16 กม.ดักซุ่มกลางป่านาน 3 คืน ตะครุบได้ 1 ขณะหลบในหลุม ที่เหลืออาศัยความมืดและชำนาญเส้นทางหนีรอด

วันนี้ 9 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยุทธพงค์  ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับคดีการลักลอบขุดดินร่อนแร่ทองคำบนยอดภูเขาซึ่งเป็นผืนป่าต้นน้ำลุ่มน้ำชั้น 1A ท้องที่บ้านปิล๊อกคี่ หมู่ 4 ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ เป็นอย่างมาก จึงมีนโยบายเน้นย้ำให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้บุกรุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทางอุทยานจึงได้เพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวนเพื่อพิทักษ์ผืนป่า อย่างเข้มข้นที่ผ่านมาภายใต้การอำนวยการของนายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ พ.อ.พรรณศักย์ เพรียวพานิช ผบ.ร.29/ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ และทีมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม เจ้าหน้าที่ ตชด.135 และเจ้าหน้าที่ ตำรวจสภ.ปิล๊อก สามารถจับกุมผู้กระทำผิดไปแล้วถึง 43 คน ส่วนใหญ่ผู้กระทำผิดเป็นชาวพม่าและกะเหรี่ยง ที่ข้ามชายแดนมาจากประเทศพม่า ทั้งสิ้น โดยอำเภอทองผาภูมิ ได้ประกาศบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อผู้กระทำผิด รวมถึงผู้รับซื้ออย่างเคร่งครัด ซึ่งผู้กระทำผิดถูกศาลจังหวัดทองผาภูมิพิพากษาจำคุกและให้ชดใช้ค่าเสียหายให้กับกรมอุทยานฯมาแล้วหลายราย แต่กลุ่มคนเหล่านี้ก็ไม่ได้เกรงกลัวต่อกฎหมายแต่อย่างใดนายยุทธพงค์ฯ กล่าวว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ได้รับสัญญาณเตือนจากกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้โดยรอบบริเวณแปลงตรวจยึดเนื้อที่ 13 ไร่เศษ จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบมีกลุ่มบุคคล ที่คาดว่าเป็นขบวนการลักลอบขึ้นไปขุดดินร่อนแร่ทองคำเดินขึ้นลงภูเขาทั้งไปและกลับประมาณ 15-20 คนจากนั้นตนจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ นำโดยนายบัญชา กาญจนพันธ์ พนักงานพิทักษ์ป่าฯ นำกำลังเดินทางไปดักซุ่มเพื่อจับกุมตัวกลุ่มผู้กระทำผิด แต่การเดินทางต้องเวลานานพอสมควรเพราะเจ้าหน้าที่ต้องเดินทางทางทางเรือ จากนั้นขึ้นฝั่งเดินเท้าลัดเลาะไปตามลำห้วย ชายป่า หุบเขา และสันเขาที่สูงชันสลับซับซ้อน ระยะทางไกลกว่า 16 กิโลเมตรจนกระทั่งเวลาประมาณ 22.30 น.ของคืนวันที่ 7 พ.ย.เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นแสงสว่างจากไฟฉายคาดหัวและเสียงพูดคุยของกลุ่มบุคคลดังกล่าวอยู่ที่บริเวณแปลงตรวจยึด 13 ไร่เศษ เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเข้าจับกุม ระหว่างเข้าจับกุมปรากฏว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่เสียก่อน จึงอาศัยความมืดและความชำนาญเส้นทาง วิ่งหลบหนีไปตามชายป่าที่เป็นทางลงเขาอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่พยายามไล่ติดตามแต่ก็ไม่ทัน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังกันออกตรวจสอบตามหลุมที่ถูกขุดเจาะหาแร่ทองคำ ปรากฎว่าพบมีคนเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายในหลุม เป็นชาย 1 ราย เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้ออกมาเพื่อมอบตัว
ทราบชื่อต่อมาคือนายโซเอะเกตุ (ไม่มีนามสกุล)ชาวพม่า อายุ 34 ปี พบของกลาง ประกอบด้วยกระสอบบรรจุดินสายแร่ทองคำ หนัก 8 กิโลกรัม รวมถึงมีดดาบ เครื่องกระสุนปืน .22 LR จำนวน 5 นัด โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และอุปกรณ์ขุดดินและร่อนแร่ทองคำชนิดอื่นๆ รวม 13 รายการ เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดเอาไว้เป็นของกลาง จากนั้นจึงคุมตัวผู้ต้องหามอบสอบปากคำเพิ่มเติมที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ แต่กว่าจะมาถึงต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงจากการสอบสวนเบื้องต้นนายโซเอะเกตุ ให้การว่า ตนเป็นชาวพม่า เดินข้ามชายแดนเข้ามาฝั่งไทยด้วยการใช้ช่องทางธรรมชาติช่องป่าหมาก-ยาพู เพื่อเข้ามาลักลอบขุดดินหาแร่ทองคำกับเพื่อชาวพม่าด้วยกันรวม 3 คน ขณะเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัวเพื่อนของตน 2 คน กับคนกลุ่มอื่นๆที่ตนไม่รู้จักอาศัยความมืดและความชำนาญเส้นทางวิ่งหลบหนีไปได้ ส่วนตนนั้นตั้งหลักวิ่งหลบหนีไม่ทันจึงเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในหลุม สุดท้ายก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ในที่สุดหลังจากผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงจดทำบันทึกเรื่องราว จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปิล๊อก ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมาย 6 ข้อกล่าวหา ประกอบด้วย กระทำความผิดฐาน 1.บุกรุกและทำลายป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2482, 2.บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507, 3.บุกรุกพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 A ในอุทยานแห่งชาติม 4.ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ (ดิน หิน แร่) 5.เข้าไปดำเนินกิจการเพื่อหาประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต, และ 6.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย ส่วนคดีเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน พิจารณาดำเนินคดี,ทั้งนี้นายยุทธพงค์ กล่าวเน้นย้ำว่า พื้นที่ที่กลุ่มบุคคลเข้าไปลักลอบขุดเจาะเอาดินและหินเพื่อนำไปร่อนหาแร่ทองคำ ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดเอาไว้ 2 แปลงเนื้อที่รวมกันกว่า 27 ไร่นั้น เป็นป่าต้นน้ำลุ่มน้ำชั้น 1A ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศของผืนป่าไทย ห้ามเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าไม้เป็นรูปแบบอื่นอย่างเด็ดขาด และพื้นที่ดังกล่าวจะต้องระงับการอนุญาตทำไม้โดยเด็ดขาด  และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบำรุงรักษาป่าธรรมชาติที่มีอยู่  ส่วนบริเวณใดเป็นที่รกร้างว่างเปล่าหรือ  เป็นป่าที่เสื่อมโทรมแล้ว  ให้ดำเนินการปลูกป่าขึ้นมาทดแทน การบุกรุกและขุดดินหาแร่ทองคำก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล โดยทางอุทยานจะเพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายอย่างเต็มที่ โดยไม่มียกเว้น

///ข่าวภูมิภาค / ปรีชา  ไหลวารินทร์ ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดกาญจนบุรี////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าว.ออนไลน์ 77จังหวัด



นครนายก - นักท่องเที่ยวให้ความศรัทธาเดินทางเข้าพิธีนอนโลงศพวัดหลวงพ่อปากแดงจังหวัดนครนายก

นักท่องเที่ยวให้ความศรัทธาเดินทางมาวัดหลวงพ่อปากแดงเข้าพิธีนอนโลงศพสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตาชีวิต ฝึกตายก่อนตายจริงฝึกสติให้คิดได้ว่าทุกคนหนีไม่พ้นความตาย พร้อมเจิมหน้าผาก เจิมฝ่ามือ ลงยันต์กระเป๋าสตางค์ ลงยันต์โทรศัพท์ ที่วัดหลวงพ่อปากแดง ตำบลบ้านใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครนายกได้จัดให้มีพิธีกรรมการนอนโลงศพสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตาชีวิต นอนโลงศพฝึกตายก่อนตายจริง ฝึกสติให้คิดได้ว่าทุกคนหนีไม่พ้นความตาย โดยมีพระราชพรหมคุณ เจ้าคณะจังหวัดนครนายก เจ้าอาวาสวัดพราหมณี  (หลวงพ่อตึ้ง วัดหลวงพ่อปากแดง)ศิษย์หลวงปู่เขียน วัดพิชัยสงคราม เป็นประธานในพิธี พร้อมมีพระอาจารย์ 2 รูปเป็นเจ้าพิธีกรรมในการทำพิธีสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตา โดยมีโลงศพตั้งเรียงรายกันจำนวน 5 โลง โดยมีนักท่องเที่ยว ได้ดูข่าวจากสื่อทีวีและสื่อออนไลน์ได้ให้ความสนใจพาครอบครัวบุตรหลานมาเข้าพิธีกรรมการนอนโลงศพเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตาชีวิต พร้อมเจิมหน้าผาก เจิมฝ่ามือ เจิมกระเป๋าสตางค์ เจิมโทรศัพท์มือถือ
จุดประสงค์ของการจัดพิธีดังกล่าว ไม่ใช่เพียงเพื่อการสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตาอย่างเดียวแต่ยังต้องการสื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าที่สุดแล้วทุกคนต้องตาย โดยมีพระสงฆ์จะสวดบังสกุลตายให้ผู้ที่นอนโลงศพ จะหันหัวไปทางทิศตะวันตก และกลับหัวมาทิศตะวันออก พระสงฆ์จะสวดบังสกุลเป็นพร้อมให้ศิล ให้พร เพื่อให้สิ่งชั่วร้ายและสิ่งไม่ดีทั้งหลายทั้งปวงออกจากตัวไปโดยทางวัดหลวงพ่อปากแดง ได้จัดพิธีกรรมการนอนโลงศพเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาตั้งแต่เวลา 08.00 น.ถึง เวลา 16.00 น. หรือนักท่องเที่ยวพร้อมเมื่อไรก็จะทำพิธีกรรมนอนโลงศพให้ได้เลย มีทำพิธีกรรมนอนโรงศพทุกวันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ เบอร์โทร นายสุบิน ทองมาก คณะกรรมการวัดหลวงพ่อปากแดง โทร 0990580606 หากใครพบเจอเรื่องหนักๆหรือเรื่องร้ายๆมาลองสะเดาะเคราะห์เพื่อต่อดวง ชะตาชีวิต เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ที่วัดหลวงพ่อปากแดงแดงได้ครับ
/////สมบัติ เนินใหม่//รัชชานนท์ เนินใหม่// ผู้สื่อข่าวนิวส์24สถานีประชาชนประจำจังหวัดนครนายก/////สุพจน์บดินทร์ กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์ 77 จังหวัด