Top News/ข่าวยอดนิยม

Recent News/ข่าวล่าสุด

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ จ.สระแก้ว ประจำวัน 10 ธันวาคม 2568 เวลา 18.00 น.

กกล.บูรพา ปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยในสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ในปัจจุบัน เป็นวันที่ 3 โดยมีการปฏิบัติใน 5 พื้นที่ ดังนี้พื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา : หน่วยเฉพาะกิจที่ 11 เข้าปฏิบัติต่อที่หมาย โดยเมื่อ 9ธ.ค.68 สามารถยึดและควบคุมพื้นที่ได้บางส่วนนั้น ในวันนี้ถูกต้านทานอย่างหนักจากฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะอาวุธวิถีโค้ง และจรวดหลายลำกล้อง BM – 21 กว่า 80 นัด ทำให้ไม่สามารถยึดและควบคุมพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์ พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง : หน่วยเฉพาะกิจที่ 12  ได้ยึดและควบคุมพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.68 และได้ดำเนินการสถาปนาที่มั่น โดยพัฒนาเป็นจุดต้านทานแข็งแรง ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังมีการตอบโต้ด้วยอาวุธวิถีโค้งเป็นระยะ และในวันนี้ยังได้ระดมยิงจรวดหลายลำกล้อง BM – 21 จำนวนกว่า 20 นัด ตกในพื้นที่หมู่บ้านและไร่นาประชาชนได้รับความเสียหายพื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง :  หน่วยเฉพาะกิจที่ 12 อยู่ระหว่างการเข้าปฏิบัติการต่อที่หมาย โดยฝ่ายกัมพูชามีการต้านทานอย่างหนักด้วยการยิงจากอาวุธชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะจรวดหลายลำกล้อง BM – 21 เข้ามายังบ้านเรือนที่ชาวกัมพูชาเคยรุกล้ำอาศัยอยู่ รวมถึงในหมู่บ้านและไร่นาประชาชนชาวไทยจนได้รับความเสียหาย ทั้งนี้มีเหตุการณ์การปฏิบัติที่สำคัญ คือ เมื่อเวลา 10.00 น. กกล.บูรพาและกองทัพอากาศไทย ร่วมปฏิบัติการทางอากาศ โดยเครื่องบินโจมตีแบบ F-16 โจมตีเป้าหมายทางทหารฝ่ายกัมพูชา จำนวน1 แห่ง ได้แก่ บก.ปชด.503 ตรงข้ามบ้านหนองจาน อ.โคกสูง ได้รับความเสียหายอย่างหนักพื้นที่บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ : หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 4 วางกำลังคุ้มครองพื้นที่ มีการปะทะเป็นระยะๆ ด้วยอาวุธปืนเล็กพื้นที่ อ.คลองหาด : หน่วยเฉพาะกิจที่ 13 วางกำลังคุ้มครองพื้นที่ ซึ่งได้ตรวจพบรถสายพานลำเลียงพล 3 คัน ในพื้นที่ฝั่งตรงข้าม คาดว่าจะทำการเพิ่มเติมกำลังให้กับหน่วยทางด้านทิศเหนือ จึงใช้อาวุธปืนใหญ่ยิงขัดขวางการเคลื่อนที่ โดยปัจจุบันยังมีการตรึงกำลังของทั้ง 2 ฝ่ายสำหรับกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ 8 ธ.ค.68 จำนวน 13 นาย รักษา รพ.วัฒนานคร และ รพ.โคกสูง ปัจจุบันทุกนายมีอาการปลอดภัย โดยวันนี้ได้รับรายงานกำลังพลได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมอีก 1 นาย คือ จ.ส.อ.รณชัย ทัศกร สังกัด ฉก.11(หน่วยปกติ ร.9 พัน.3) ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดขณะเข้าปฏิบัติการตามภารกิจ บริเวณใกล้เคียง จต.34 บ.หนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง มีอาการแน่นหน้าอก
ไม่มีบาดแผลตามร่างกาย ส่งเข้ารับการรักษา รพ.โคกสูง อ.โคกสูง ปัจจุบันอาการปลอดภัย รวมกำลังพลได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น จำนวน 14 นาย นอกจากนี้ จากการที่ฝ่ายกัมพูชามีการใช้ปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิดรวมถึงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ยิงใส่ฝ่ายเรา โดยไม่คำนึงถึงประเภทเป้าหมาย เป็นผลให้บ้านเรือนประชาชน ไร่นา เสาไฟฟ้าและถนน ในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูงและบ้านคลองแผง อ.ตาพระยา ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต สำหรับประชาชนในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ใน 4 อำเภอ ได้มีการอพยพแล้ว จำนวน 180,683 คน คิดเป็นร้อยละ 83 ซึ่งทางจังหวัดสระแก้วร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว 5 พื้นที่ ได้แก่ อ.เมือง, อ.โคกสูง, อ.วังน้ำเย็น, อ.เขาฉกรรจ์ และ อ.วัฒนานคร มีประชาชนเข้าพักอาศัย รวม 18,030 คน โดยศอ.จอส.พระราชทาน ภาค 1 (โดย ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.19) จัดตั้งโรงครัวพระราชทานปรุงอาหารแจกจ่ายณ ศูนย์พักพิงชั่วคราว อ.เมือง จ.สระแก้ว โดยในวันนี้ กกล.บูรพา ได้ออกหนังสือแจ้ง เรื่องห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานภายในระหว่างระยะเวลาที่กำหนด (19.00 น.- 05.00 น.) ในพื้นที่ 4 อำเภอตามแนวชายแดน จ. สระแก้ว เพื่อให้การปฏิบัติการทางทหารเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ มีความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ได้รับรายงาน เมื่อเวลา 17.00 น. ชาวกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่ตลาดโรงเกลือ เริ่มทยอยเดินทางกลับประเทศ บริเวณด่านถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยผ่านการตรวจสอบเอกสารก่อนเดินทาง ยอดรวมประมาณ 800 คนกองทัพภาคที่ 1 โดย กกล.บูรพา, ตำรวจตระเวนชายแดน, ทหารพราน, เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตลอดจนฝ่ายปกครองและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มีความพร้อมและมีกำลังใจที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย และขอยืนยันว่าจะยืนหยัดปฏิบัติงานตามภารกิจ อย่างเต็มกำลังความสามารถ ทั้งนี้ การปฏิบัติการทางทหารจะดำเนินการภายใต้กฎการปะทะและสิทธิในการป้องกันตนเอง จนกว่าภัยคุกคามในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว จะยุติเพื่ออธิปไตยของไทย และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ.....10  ธันวาคม 2568
**Operational Situation ReportOperations Center, 1st Army AreaThailand–Cambodia Border (Sa Kaeo Province)10 December 2025, 1800 hrsThe Burapha Task Force continued its mission to defend Thailand’s sovereignty amid the ongoing Thai–Cambodian conflict for the third consecutive day. Operations were conducted across five areas as follows:1. Ban Khlong Phaeng Area, Ta Phraya District Task Force 11 continued operations against designated targets. Although partial control had been achieved on 9 December 2025, today Thai forces faced heavy resistance from the Cambodian side—particularly indirect-fire weapons and BM-21 multiple rocket launchers, with more than 80 rockets impacting the area.Due to the intensity of fire, full control of the area could not be secured. 2. Ban Nong Ya Kaeo Area, Khok Sung District Task Force 12 secured and established control of the area on 8 December 2025 and has since developed fortified defensive positions. The Cambodian side continues periodic indirect-fire attacks and, today, launched over 20 BM-21 rockets, damaging civilian homes and farmland in surrounding areas.3. Ban Nong Chan Area, Khok Sung District Task Force 12 continues offensive operations.The Cambodian side is mounting heavy resistance, firing various weapon systems—particularly BM-21 rockets—into houses previously occupied during encroachment incidents, as well as Thai civilian homes and farmlands, causing widespread damage. A significant operational event occurred at 1000 hrs, when the Burapha Task Force and the Royal Thai Air Force conducted a joint air operation using an F-16 attack aircraft to strike one Cambodian military target: Headquarters, Border Defense Command 503 located opposite Ban Nong Chan, resulting in severe damage to the target. 4. Ban Khlong Luek Area, Aranyaprathet District: The 4th Cavalry Regiment Task Force continued area security operations, with intermittent small-arms engagements reported. 5. Khlong Hat DistrictTask Force 13 maintained area security and observed three armored personnel carriers on the Cambodian side, suspected to be reinforcing northern units. Thai forces conducted artillery interdiction fire to disrupt movement. Both sides continue to maintain defensive postures.Personnel CasualtiesSince 8 December 2025, a total of 13 personnel have been injured and treated at Wattana

Nakhon Hospital and Khok Sung Hospital; all are currently in stable condition. Today, one additional injured soldier was reported:SM1. Ronachai Tasakorn, Task Force 11 (parent unit: 3rd Battalion, 9th Infantry Regiment)– Injured by blast pressure during operations near Checkpoint 34, Ban Nong Ya Kaeo, Khok Sung District– Symptoms: chest tightness, no external wounds– Currently receiving treatment at Khok Sung Hospital and is in stable conditionThis brings the total number of injured personnel to 14. Cambodian forces continue to employ artillery, grenade launchers, and BM-21 rockets, firing indiscriminately into both Thai and contested areas. Damage has been reported to civilian houses, farmland, electric poles, and roads in:Ban Nong Chan Ban Nong Ya Kaeo, Khok Sung District Ban Khlong Phaeng, Ta Phraya DistrictNo civilian casualties or fatalities have been reported.Evacuations in four border districts of Sa Kaeo Province have displaced 180,683 residents, representing 83% of the population. Five temporary shelters have been established in:
Mueang District Khok Sung DistrictWang Nam Yen District Khao Chakan District Watthana Nakhon DistrictA total of 18,030 evacuees are currently residing in these facilities.The Royal Volunteer Service Center (Jit Arsa), Region 1, together with the 19th Military Circle and provincial agencies, has established Royal Field Kitchens to prepare and distribute meals to affected civilians at the temporary shelter in Mueang District, Sa Kaeo Province.Today, the Burapha Task Force issued a curfew order restricting movement of civilians between 1900–0500 hrs across the four border districts in Sa Kaeo Province to maintain operational stability, security, and public safety.At 1700 hrs, approximately 800 Cambodian nationals in the Rong Kluea Market area began voluntarily returning to Cambodia via the Ban Khlong Luek Permanent Border Crossing after document verification.The First Army Area—together with the Burapha Task Force, Border Patrol Police, Ranger Forces, the Royal Thai Police, local administrative authorities, and all relevant agencies—remains fully prepared and possesses strong morale in carrying out its duties to defend Thailand’s sovereignty.The 1st Army Area reaffirms its determination to fully execute all assigned missions. All military operations will continue in accordance with the Rules of Engagement and Thailand’s inherent right of self-defence, until all threats along the Sa Kaeo border have ceased. Safeguarding Thailand’s sovereignty and protecting the Thai people remain the highest priorities.

/////กกล////สุพจน์บดินทร์(จัด)กุ่มประสิทธิ์ บก.ข่าวออนไลน์นิวส์24สถานีประชาชน 77จังหวัด โทร 0953071918


บุรีรัมย์ ชรบ.ตั้งจุดตรวจสกัดเข้ม 24 ชม.หลังมีรถต้องสงสัยเข้ามาถ่ายรูปถามหาที่ตั้งฐานทหารหวั่นเป็นสายลับชี้เป้า ชรบ.ชายแดนอ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ตั้งจุดตรวจสกัดเข้ม 24 ชม. หลังได้รับแจ้งมีรถยนต์ทะเบียนต่างจังหวัด และรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย เข้ามาบันทึกภาพในพื้นที่ และถามหาที่ตั้งฐานทหาร หวั่นเป็นสายลับเขมรแฝงตัวเข้ามาจับพิกัดชี้เป้าให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีไทย

(10 ธ.ค.68)  ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) หมู่บ้านแนวชายแดน ในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด  จังหวัดบุรีรัมย์  ได้ตั้งจุดตรวจสกัดเข้มงวด   หลังได้รับแจ้งว่ามีรถยนต์กระบะแคปสีบอร์น ทะเบียนต่างจังหวัด และรถจักรยานยนต์ที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย   เข้ามาบันทึกภาพในพื้นที่  ถามหาจุดที่ตั้งฐานทหาร    ทั้งยังพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดนปริศนาปริศนาบินในช่วงกลางคืน 3 ลำ   เกรงว่าจะเป็นสายลับกัมพูชา ที่แฝงตัวเข้ามาหาข้อมูลแจ้งฐานทหาร และส่งสัญญาณพิกัดด้านความมั่นคง  ให้กับฝ่ายกัมพูชา  ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่พบรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว  จึงต้องมีการตรวจสอบทั้งรถยนต์  รถจักรยานยนต์ต้องสงสัย  และบุคคลแปลกหน้าที่ผ่านเข้า-ออกในพื้นที่ อย่างเข้มงวด     เพราะช่วงนี้ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่อ่อนไหว   

ซึ่ง ชรบ.ที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่แนวชายแดน   บางจุดต้องอาศัยท่อระบายน้ำเป็นบังเกอร์หลบภัย   ในช่วงที่มีการยิงปะทะ   ซึ่งวันนี้มีเสียงปืนใหญ่ และอาวุธหนักยิงกันตลอดทั้งวัน

นายบุญมี   ลอยสนั่น    ผู้ใหญ่บ้านแนวชายแดน  บอกว่า  หลังได้รับแจ้งว่ามีรถยนต์ต้องสงสัยติดป้ายทะเบียนต่างจังหวัด   เข้ามาในพื้นที่ถามหาจุดที่ตั้งของเจ้าหน้าที่ทหาร  และยังมีรถจักรยานยนต์เข้ามาบันทึกภาพในหมู่บ้าน   พอเจ้าหน้าที่ขอเรียกตรวจก็ขับขี่รถหนีไปอย่างรวดเร็ว   ไม่ทราบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใครแล้วมีจุดประสงค์อะไร     จึงต้องมีการตั้งจุดสกัดเพื่อตรวจตราบุคคลที่ผ่านเข้า-ออกหมู่บ้านอย่างเข้มงวด ตลอด 24 ชั่วโมง   หากพบรถต้องสงสัย หรือบุคคลแปลกหน้าที่มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ  ก็จะรีบรายงานทางอำเภอทันที




 
 สุรชัย      พิรักษา / บุรีรัมย์
 

กาฬสินธุ์- สภาวัฒนธรรมจังหวัด ร่วมกับสมาคมสตรีอาเซียนจังหวัดกาฬสินธุ์ เดินทางไปศึกษาดูงานด้านวัฒนธรรมขนบธรรมเนียม ประเพณี ที่เมืองกุ้ยหยางประเทศจีน

 วันที่6-9ธันวาคม 2568 ดร.อุมารินทร์ เลิศสหพันธ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ นายสมบูรณ์ นาสาทร ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอหนองกุงศรี ร่วมกับคณะกรรมการสภาวัฒนธรรม   กลุ่มสตรีอาเซียน จังหวัดกาฬสินธุ์  ได้เดินทางไปศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้  เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม ที่เมืองกุ้ยหยาง ประเทศจีน  ที่มีความสัมพันธุ์ทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทั้งด้านการค้า   ด้านภาษา  อาหาร การกิน  วิถีชีวิต เพลงและดนตรี เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยในการไปศึกษาดูงานครั้งมี  มีวัตถุประสงค์ประสงค์หลักๆเพื่อ

  1. ส่งเสริมความเข้าใจในวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน

  2. แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ประเพณี ภาษาและภูมิปัญญาท้องถิ่น

  3. สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสภาวัฒนธรรมและองค์กร ชุมชน

  4. ส่งเสริมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมและผู้ร่วมเดินทางตระหนักถึงคุณค่ามรดกทางวัฒนธรรม รูปแบบการจัดกิจกรรม กระแสดงออกทางวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม 

    ครั้งนี้คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมและสตรีอาเซียน ได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวและแลกเปลี่ยนเชิงวัฒนธรรมดังนี้ 

  - หอเจี่ยเชียวโหลว ที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงวัดโบราณเชียนหมิง ซึ่งเป็นสถานที่อนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมสำคัญแห่งชาติ

 - เมืองโบราณชิงเหยียน เป็นวัดพุทธแห่งแรก สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง มีเจ้าแม่กวนอิมหอระฆังและกลอง วัดนี้มีชื่อเสียงจากสถาปัตยกรรมโบราณอันงดงาม และบรรยากาศอันเงียบสงบ

    - เมืองโบราณชิงเหยียนในเมืองกุ้ยหยาง ชมภาพถ่ายของอาณาจักรเมืองโบราณชิงหยวนในเมืองกุ้ยหยาง ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลกุ้ยโจว ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยเมืองโบราณแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิหงอู่ แห่งราชวงศ์หมิง บรรยากาศหมู่บ้านที่งดงามร่มรื่น

    - พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมสุราจีน

 ทำให้มีความเข้าใจทั่วไปเกี่ยวกับสุราจีน ประวัติและวิธีการผลิตแบรนด์ต่างๆ และชาวจีนสมัยก่อนนิยมดื่มสุราเพื่อสุขภาพของตัวเอง

หมู่บ้านโบราณวูเจียงจ้าย ชมความงามของหมู่บ้านโบราณสไตล์จีนได้ชมและสัมผัสบ้านโบราณสมัยยุคโบราณ และชมสินค้าพื้นเมืองของฝากพร้อมของที่ระลึก

   ดร.อุมารินทร์ เลิศสหพันธ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า  คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์และสมาคมสตรีอาเซียน ที่มาท่องเที่ยวศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างไทยจีนในครั้งนี้ รวมจำนวนทั้งหมด 36คน เริ่มออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิประเทศไทยวันที่6 ธันวาคม 2568 เวลา 15.30น. ถึงสนามบินเมืองกุ้ยหยาง ประเทศจีน เวลา 19.08น.(เวลาท้องถิ่น) และเดินทางกลับเมืองไทยในวันที่9ธันวาคม 2568  รวม4วัน3คืน ซึ่งจากการศึกษาดูงานในครั้งนี้ ทุกคนได้รับความรู้และประสบการณ์ วัฒนธรรมท้องถิ่น ความเป็นอยู่ ภาษา อาชีพ รวมทั้งวัฒนธรรมเรื่องอาหารการกินและขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ ที่เราสามารถนำประสบการณ์ ความรู้ เทคเทคโนโลยีต่างๆที่ได้รับ สามารถนำมาประยุกต์และมาร่วมพัฒนาให้ชุมชนทางวัฒนธรรมของจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้นำมาบูรณาการและต่อยอดในสิ่งที่ดีๆต่อไป


ข่าวทีวีนิวส์24กาฬสินธุ์

สมบูรณ์ นาสาทร  ภาพข่าว

อนงค์ นาสาทร รายงาน

 

ผบช.ภ.3 ลงพื้นที่สุรินทร์ ตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา มอบขวัญกำลังใจทั้งกำลังพลและประชาชน

วันอังคารที่ 9 ธันวาคม 2568 เวลา 15.30–17.30 น. พล.ต.ท.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญ ติดตามสถานการณ์ความมั่นคงจากกรณีเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา และกำกับการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยมี พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ และคณะผู้บริหารตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ร่วมให้การต้อนรับและรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิดพร้อมตรวจเยี่ยม สภ.ปราสาท และรับฟังบรรยายสรุป 

ณ ห้อง ศปก. สภ.ปราสาท โดยมี พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผบก.ภ.จว.สุรินทร์, พ.ต.อ.วีระพันธ์ ณ ลำปาง รอง ผบก.ภ.จว.สุรินทร์, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.ปราสาท พร้อมข้าราชการตำรวจ สภ.ปราสาท เข้าร่วมประชุมเพื่อรายงานผลการปฏิบัติ การจัดกำลังในจุดเฝ้าระวัง การอำนวยความปลอดภัยเส้นทาง การข่าวชุมชน และการประสานงานกับฝ่ายปกครอง–ทหาร–องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  โดยภายหลังการประชุม

ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญแก่ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่แนวหลัง และประชาชนที่มาขอพักพิงชั่วคราว ณ อาคารบ้านพักกำลังพล สภ.ปราสาท เพื่อเสริมขวัญกำลังใจในการฝ่าฟันสถานการณ์ ก่อนลงพื้นที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว โรงเรียนโสตศึกษา ตำบลเชื้อเพลิง อำเภอปราสาท เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนและผู้อพยพที่ได้รับผลกระทบ พร้อมมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็น อาทิ อาหารแห้ง น้ำดื่ม เวชภัณฑ์เบื้องต้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วน

ทั้งนี้ ได้กำชับให้ทุกสถานีตำรวจในพื้นที่ชายแดนอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง การรับ–ส่งข้อมูลข่าวสาร การรับแจ้งเหตุ และการปกป้องทรัพย์สินของผู้ย้ายถิ่นชั่วคราว

ตรวจเยี่ยมภ.จว.สุรินทร์

คณะฯ เข้าตรวจเยี่ยมอาคารที่ทำการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เพื่อติดตามภาพรวมการปฏิบัติของหน่วย และมอบสิ่งของบำรุงขวัญแก่กำลังพล โดยมี พ.ต.อ.ชัยณรงค์ บุญด้วง รอง ผบก.ภ.จว.สุรินทร์, พ.ต.อ.วีระพันธ์ ณ ลำปาง รอง ผบก.ภ.จว.สุรินทร์, พ.ต.อ.วชิรวิทย์ วรรณธานี รอง ผบก.ภ.จว.สุรินทร์, พ.ต.อ.สุโชค ผู้มีโชคชัย รอง ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องและเวร ศปก. เข้าร่วมประชุม

ซึ่งภารกิจการตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อสร้างความมั่นใจและให้กำลังใจ แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดน รวมถึงแสดงความห่วงใยและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบดังกล่าวอย่างเต็มที่













 อัศววัฒน์ พัฒน์ทองกนก ภาพ/ข่าว News24 จ.สุรินทร์

อธิบดีกรมการปกครองชื่นชมศูนย์พักพิงชั่วคราวสุรินทร์ ยกเป็นต้นแบบการจัดการเยี่ยมยอด

นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมการปกครอง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และผู้อพยพในศูนย์พักพิงชั่วคราว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ พร้อมกล่าวแสดงความชื่นชมและกล่าวขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ทีมงานหัวหน้าส่วนราชการ และมหาวิทยาลัยฯ ที่ดูแลประชาชนที่ต้องอพยพจากบ้านเรือนมาพักพิงยังศูนย์พักพิงชั่วคราว เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

อธิบดีกรมการปกครองกล่าวว่า มีความชื่นชมต่อความพร้อมและความเรียบร้อยในทุก ๆ เรื่องของศูนย์พักพิงแห่งนี้ ตั้งแต่อาคารที่พัก อาคารรับรายงานตัว ไปจนถึงโรงอาหารและการแจกจ่ายของใช้จำเป็นส่วนตัว ยังชื่นชมโรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา  ซึ่งได้จัดเป็นหน่วยแพทย์พยาบาลเคลื่อนที่มาบริการยังพื้นที่ มทร. แห่งนี้

พร้อมขอบคุณทีมงานแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน รวมถึงทีมงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เข้ามาดูแลพี่น้องกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่ติดตามผู้ปกครองมายังที่พักพิงนี้ด้วย

นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมการปกครอง ยังกล่าวอีกว่า จากการสอบถามผู้เข้าพักพิง ณ ศูนย์แห่งนี้ พบว่า โดยรวมแล้วพวกเขามีความสบายใจในระดับหนึ่ง และมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถอยู่ในที่แห่งนี้ได้อย่างเรียบร้อยและราบรื่นในทุก ๆ เรื่อง  จึงฝากถึงส่วนราชการของจังหวัดสุรินทร์ และพี่น้องประชาชน รวมถึงองค์กรภาคเอกชนที่มีจิตศรัทธาและมีจิตสาธารณะอันเป็นกุศล ให้เข้ามาช่วยกัน พร้อมทั้งให้กำลังใจว่า อีกไม่นานสถานการณ์จะเข้าสู่สภาพปกติ และศูนย์แห่งนี้จะยังคงเป็นที่พักพิงจนกว่าจะถึงวันนั้น และขอบคุณทุกคนที่มี "จิตใจที่เข้มแข็ง" ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่จังหวัดสุรินทร์ได้อย่างดีเยี่ยม










อัศววัฒน์ พัฒน์ทองกนก ภาพ/ข่าวNews24 จ.สุรินทร์ รายงาน
 

สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนนทบุรี ประชุมคณะกรรมการบริหารประจำเดือนธันวาคม 2568 วันอังคารที่ 9 ธันวาคม 2568 ณห้องประชุมราชพฤกษ์ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนนทบุรีถนนรัตนาธิเบศร์ อำเภอเมือง นนทบุรี




วันอังคารที่ 9 ธันวาคม 2568 เวลา 13:30 น ที่ผ่านมา ณห้องประชุมราชพฤกษ์ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี นายเรืองศักดิ์แสง เพ็ญพราว ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนนทบุรี เปิดประชุม คณะทำงานทำการบริหาร ณห้องประชุมราชพฤกษ์ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี วาระในการประชุม ประกอบไปด้วย การประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 11/2568 ที่ผ่านมา การรับรอง รายได้ รายจ่ายประจำเดือน พฤศจิกายน 2568

กำหนดตาราง ปฏิทิน 2568 และกำหนดประชุมสมัยสามัญประจำปี 2569 และการเลือกตั้งคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนนทบุรีวาระปี 2569- 2571

นายเรืองศักดิ์แสงเพ็ญพราว ประธานสภาอุตสาหกรรม ได้เรียนเชิญท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ซึ่งท่านเข้าดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 มารับฟังการทำงาน ในการพัฒนา อุตสาหกรรมจังหวัดนนทบุรี ซึ่งใกล้จะหมดวาระ ในปีนี้ นายเรืองศักดิ์แสงเพ็ญพราว ประธานสภาอุตสาหกรรม เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมกับมีหน่วยงาน ราชการ ในสังกัดจังหวัดนนทบุรี รายงานข่าวสารต่างๆ ด้านเศรษฐกิจ ด้านเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม การคลัง เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ การใช้จ่ายภาครัฐการลงทุน ภาคเอกชนการบริโภคของเอกชนเสถียรภาพทาง เศรษฐกิจ การจ้างแรงงานและอื่นๆ นอกจากนั้น ข่าวสารจากพลังงานจังหวัดนนทบุรี ภารกิจเรื่องการสำรวจโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งขึ้นทะเบียนไว้มีจำนวน 58 แห่ง การปรับสีของผังเมือง จังหวัดนนทบุรี ให้เป็นรูปประธรรมที่ดียิ่งขึ้น

ส่วนข่าวสารของพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งในขณะนี้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน มีการเปิดอบรมวิชาชีพแรงงานหลายสาขา มีการสอนทำโดยเคอรี่การสอนด้าน AI ภาค บริการงานชุมชน สอนช่างฝีมือ แรงงานระบบช่าง การประชุม สภาอุตสาหกรรมในครั้งนี้ มีหน่วยงานราชการ เข้าประชุม ทุกภาคส่วน พร้อมกับ เป็นการส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ มีการมอบ ของที่ระลึก ให้กับผู้ร่วมประชุม

ขอกล่าว งานของสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนนทบุรี ซึ่งนาย เรืองศักดิ์แสงเพ็ญพราว ประธานสภาอุตสาหกรรม คนที่ 14 ของจังหวัดนนทบุรีจะหมดวาระ ในปีนี้ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนนทบุรีเป็นส่วนหนึ่งของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในจังหวัดนนทบุรี มีบทบาทในการประสานงานกับหน่วยงานราชการ และสมาชิกเพื่อพัฒนาศักยภาพ อุตสาหกรรมท้องถิ่น แก้ไขปัญหา

และผลักดันนโยบายโดยมีวัตถุประสงค์เดียวกันกับสภาอุตสาหกรรมในภาพรวม คือส่งเสริม และสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดให้เข้มแข็ง ภายใต้บทบาทหลัก พ.ศ 2530 ของสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นศูนย์รวมผู้ประกอบการ อุตสาหกรรมในจังหวัด ให้เป็นหนึ่งเดียวกันเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการกับหน่วยงานของรัฐ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพื้นที่ของตน วางแผนและส่งเสริม เพิ่มขีดความสามารถและยกระดับอุตสาหกรรมท้องถิ่น สะท้อนปัญหา เป็นเวที ให้ผู้ประกอบการเสนอความต้องการและแก้ปัญหา ถ้าอุตสาหกรรมสู่ส่วนกลางการเป็นสมาชิกหลักของสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนนทบุรี คือผู้ประกอบการ นิติบุคคล โรงงาน และมีสมาชิกสมทบ เพื่อสนับสนุน เป็นแกนนำ และตัวแทน อุตสาหกรรมในจังหวัดนนทบุรี ภายใต้โครงการและกฎหมายของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการนี้นายเรืองศักดิ์แสงเพ็ญพาว ขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ ทำงาน ร่วมกัน ในการพัฒนา ขับเคลื่อนพัฒนา แก้ไข อุตสาหกรรม ของ กลุ่มงาน อุตสาหกรรมจังหวัดนนทบุรี พร้อมกันนี้การประชุมสภาอุตสาหกรรมครั้งต่อไปจะมี ขึ้นในวันที่ 13 มกราคม 2569







 กาญจนา สุภารมย์ รายงาน