Recent News/ข่าวล่าสุด

"แม่ทัพไก่" มท.ภ.1 ลงเรือช่วยเหลือประชาชน อำเภอบางบาล จังหวัดอยุธยา จากอิทธิพลพายุ “คัลแมกี”

  แม่ทัพภาคที่ 1 ลงพื้นที่ อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ติดตามสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมลงเรือท้องแบนเพื่อมอบเครื่องยังชีพให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยในจุดที่ไม่สามารถออกมาได้ และได้ย้ำให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าทหารจะอยู่เคียงข้างตลอดช่วงสถานการณ์ เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง
วันนี้ 10 พ.ย.68 พลโท วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1  ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 1 ได้ลงพื้นที่ อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ติดตามสถานการณ์การเพิ่มของระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองสาขา พื้นที่ชุมชน โดยได้วางแนวทางให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่เป็นศูนย์กลางในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง โดยได้ลงเรือเพื่อมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ที่ไม่สามารถเดินทางออกมาได้ รวมถึงได้ให้กำลังใจให้การเชื่อมั่นว่าทหารจะอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่1 ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างรอบคอบ  รวดเร็ว และให้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนและกำลังพลเป็นหลัก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดผลกระทบจากภัยพิบัติ และช่วยให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว กองทัพภาคที่ 1 พร้อมให้การสนับสนุนและช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย



 

พายุพักแรง ป้ายงานกาชาดล้มทับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเจ็บส่งท้ายงานองค์พระปฐมฯ

  โชคดีเจ็บแค่คนเดียวหลังลมพายุพัดกรรโชกแรงทำป้ายงานสอยดาวกาชาดภายในงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์นครปฐมวันสุดท้าย
วันที่ 10 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาภายในบริเวณลานด้านขวาองค์พระปฐมเจดีย์ได้เกิดลมพายุฝนพัดอย่างรุนแรงทำให้ซุ้มงานกาชาดล้มทับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานร้านมัจฉากาชาด ได้รับบาดเจ็บบริเวณหลัง จำนวน 1 ราย  ทราบชื่อคือ  นางสาวกรกมณ แก้วตา อายุ 37 ปี เป็บนผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 ต.มหาสวัสดิ์โดยมีผู้ถ่ายคลิบไว้ได้ ในขณะที่กำลังวิ่งเข้าเต๊นท์หลบพายุฝน โดยหลังเกิดเหตุทางเหล่ากาชาดได้รีบแจ้ง จนท.โรงพยาบาลนครปฐมเคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาลนครปฐมเพื่อตรวจรักษาโดยเร่งด่วนแล้ว
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวจึงถือว่าโชคดีเนื่องจากเป็นช่วงที่มีฝนตกทำให้ประชาชนไม่ได้เดินออกมาอยู่ในพื้นที่โล่งจึงเหลือเพียงแต่ และประชาชนไม่กี่คนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวซึ่งหลังเกิดเหตุได้ไม่นานก็ได้มีการดำเนินการจัดงานต่อไปในครั้งสุดท้ายสำหรับการจัดงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลาเก้าวันเก้าคืน

 นายปนิทัศน์ มามีสุข   น.ส.ปณิดา มามีสุข  น.ส.เปมิกา มามีสุข จ.นครปฐม 092-5462794

กองกำลังผาเมือง ปะทะกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ยึดยาบ้า จำนวน 300,000 เม็ด ในพื้นที่ อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่

 เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 กองบังคับการควบคุมทหารพรานศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 จัดกำลังพล จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิด ตามพระราชบัญญัติประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 บริเวณ บ้านนามะอื้น หมู่ที่14 ตำบลแม่อาย อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากสืบทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านผ่านเข้าในพื้นที่ดังกล่าว จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 เวลา 0600 นาฬิกา ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย จำนวนประมาณ 5 - 8 คน สะพายกระเป๋าเป้ดัดแปลงไว้ด้านหลังเดินลัดเลาะเข้ามาตามเส้นทางธรรมชาติ หน่วยจึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มขบวนการฯ ดังกล่าว ได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงมายังฝ่ายเราจึงเกิดการปะทะ ประมาณ 5 นาที ผลการปฏิบัติ ฝ่ายเราปลอดภัย ต่อมาเมื่อ เวลา 0830 นาฬิกา หน่วยได้จัดกำลังพลทำการ ลาดตระเวนพิสูจน์ทราบ บริเวณพื้นที่เกิดเหตุ ผลการปฏิบัติ ตรวจพบกระสอบดัดแปลงเป็นเป้สะพายหลัง จำนวน 3 กระสอบ ภายในบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) กระสอบละ 100,000 เม็ด รวมทั้งสิ้น 300,000 เม็ด
 และเมื่อเวลา 1100 นาฬิกา พลตรี สาธิต ไวยนนท์ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง/ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองกำลังผาเมือง มอบหมายให้ พันเอก กิตติ  นาใจ ผู้บังคับกองบังคับการควบคุมทหารพรานศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 เป็นผู้แทน ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบการตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าว พร้อมทั้งชี้แจงให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน บริเวณพื้นที่เกิดเหตุ ปัจจุบันหน่วยได้นำของกลางส่ง สถานีตำรวจภูธรฝาง เพื่อดำเนิการตามกฎหมายต่อไป














   ส่งศักดิ์ พรมเอี่ยม ชัยณรงค์ อนันทปัญญสุทธิ ศูนย์ข่าวภาคเหนือรายงาน
 

ผบช.ภ.5 นำผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีร่วมแถลงข่าว “รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์” United Thailand Against Scammers ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

10 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการแถลงข่าวการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี “รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์” United Thailand Against Scammers ณ ห้องประชุมแจ้งยอดสุข อาคารศูนย์ฝึกอบรม ตม. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย รอง ผบ.ตร. ประกอบด้วย พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์, พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง, พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร และผู้ช่วย ผบ.ตร., รองจเรตำรวจแห่งชาติ, ผู้บัญชาการและผู้แทนหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมงาน
ตามที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ยกระดับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็น “วาระแห่งชาติ” และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้ยกระดับงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นงานสำคัญ ที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน และได้สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยในสังกัดระดมสรรพกำลังทำการป้องกันและปราบปราม ในทุกมิติอย่างเข้มข้น

 ในการแถลงข่าวผลการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี “รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์ United Thailand Against Scammers” ได้แบ่งพื้นที่งานออกเป็น 5 โซน คือ

1. War Room (ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์)  

2. การคืนเงินให้กับผู้เสียหาย (โครงการ Money Cash Back) 

3. ผลการป้องกันปราบปรามที่มีความสำคัญและความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน 

    3.1) ผลการปฏิบัติที่สำคัญของกองบัญชาการต่างๆ ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

    3.2) เครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ “เตือนภัยไซเบอร์” เพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทันภัยในโลกออนไลน์

    3.3) ความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ

4. บรรยายพิเศษเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ 

5. นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศเจตนารมณ์ร่วมกัน  

ในการนี้ พล.ต.ท.กฤตธาพล  ยี่สาคร ผบช.ภ.5 ได้นำผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในพื้นที่รับผิดชอบร่วมการแถลงข่าวดังกล่าวข้างต้น ดังนี้

1. เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2568 ศปอส.ภ.5 ได้ร่วมกันจับกุมกลุ่มคนจีนและพม่า รวม 18 คน แยกเป็นชาย 12 คน เป็นหญิง 6 คน พร้อมของกลางเป็นคอมพิวเตอร์แบบโน๊ตบุ๊ค จํานวน 10 เครื่อง โทรศัพท์มือถือจํานวน 42 เครื่อง โดยกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งหมดว่า “สมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปเป็นซ่องโจรเพื่อร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น , ร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด 

หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนฯ ”และในจํานวนนี้ 6 คน ไม่ปรากฎเอกสารการเข้ามาในราชอาณาจักรไทย จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มว่า “เป็นคนต่างด้าวอยู่ใดราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาตสิ้นสุดลง หรือถูกเพิกถอน เหตุเกิดบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่


2. เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 00.05 น. บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ ถ.ธนาลัย ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย

สภ.เมืองเชียงรายจับกุมผู้ต้องหา MR.Hu อายุ 35 ปี ภูมิลำเนา ประเทศจีน ของกลาง บัตรเอทีเอมจำนวน 2,060 ใบ, เงินสด 537,900 บาท, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 1 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และบัญชีรายการบัตรเอทีเอ็มจำนวน 1 ชุด 

ความผิดฐาน มีบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบไว้ในครอบครองเพื่อนำออกใช้ ซึ่งน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน, เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าว เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นๆ

3.การดำเนินการตามโครงการ 

Money Cash Back กรณีเมื่อวันที่ 16 ก.ค.2568 สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ ทำการจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนพร้อมเงินสดของกลางจำนวน 2,680,000 บาท คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ จากการตรวจสอบพบว่า นายณัฐกร ใจเที่ยง ผู้เสียหายได้ถูกหลอกลวงโอนเงินเข้าบัญชีแก๊งมิจฉาชีพในเส้นเงินนี้(ที่ได้ตรวจยึด) มียอดความเสียหาย จำนวน 249,999 บาท โดยผู้เสียหายได้เดินทางเข้ารับเงินคืนจาก ผบ.ตร.ในการแถลง

 ข่าว  “รวมพลังคนไทย ต้านภัยสแกมเมอร์ United Thailand Against Scammers” ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

อนึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยกระดับในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นและบังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในความมุ่งมั่นตั้งใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อปราบปรามและสกัดกั้นอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือกลุ่มแก๊งหลอกลวงออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ (สแกมเมอร์) รวมทั้งเครือข่ายการพนันออนไลน์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อพี่น้องประชาชนและระบบเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในขณะนี้และขอขอบคุณหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานรวมทั้งการแจ้งเบาะแสต่างๆ และร่วมเป็นกำลังสำคัญในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีด้วยดีตลอดมา

พวกเราทุกคนขอยืนยันว่าจะทำงานด้วยความโปร่งใส เข้มแข็ง และมุ่งมั่น เป็นตำรวจมืออาชีพ เพื่อความผาสุกและความปลอดภัยในสังคมออนไลน์ของประชาชนทุกคน

ส่งศักดิ์ พรมเอี่ยม ศูนย์ข่าวภาคเหนือรายงาน

เชียงใหม่ รวบรวมข้อมูลเตรียมถอดบทเรียนการจัดงานเทศกาลยี่เป็ง ประจำปี 2568 ซึ่งประสบความสำเร็จ ได้รับการชื่นชมไปทั่วโลก

 วันนี้ (10 พ.ย. 68) ที่ ห้องประชุม สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่  นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมหารือเพื่อรวบรวมข้อมูลการดำเนินงานในด้านต่างๆ ที่ส่งผลให้งานเทศกาลยี่เป็ง เชียงใหม่ ประจำปี 2568 ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จได้รับการชื่นชมอย่างกว้างขวาง ก่อนที่จะมีการนำเสนอผู้บริหาร และถอดบทเรียนการจัดกิจกรรมร่วมกันในภาพรวมของจังหวัดเชียงใหม่ ในวันพุธที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ที่จะถึงนี้
  โดยการรวบรวมข้อมูลเพื่อเตรียมถอดบทเรียนการจัดเทศกาลยี่เป็ง เชียงใหม่ ประจำปี 2568  เป็นการรวบรวมข้อมูลตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 2568  เพื่อให้ครอบคลุมตั้งแต่ก่อนเริ่มเทศกาล  ซึ่งประชาชนและนักท่องเที่ยวได้มีการจองที่พักและทยอยเดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่  ต่อเนื่องมาถึงช่วงระหว่างการจัดงาน ที่แต่ละภาคส่วนได้จัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย ไปจนถึงหลังสิ้นสุดเทศกาลที่เกี่ยวเนื่องกับการเดินทางกลับของประชาชน  โดยได้กำหนดกรอบข้อมูลที่จะมานำเสนอและถอดบทเรียนร่วมกันออกเป็น 2 หัวข้อหลัก คือ (1) การสรุปจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวและการประเมินผลกระทบเชิงเศรษฐกิจตลอดช่วงเทศกาลยี่เป็ง และ (2) การบริหารจัดการ ทั้งในส่วนของกิจกรรมการจัดงานและการดูแลนักท่องเที่ยว
สำหรับข้อมูลเบื้องต้นในด้านเศรษฐกิจ พบว่า เทศกาลยี่เป็ง เชียงใหม่ ในปีนี้ภาพรวมของการท่องเที่ยวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอย่างมาก  ทั้งในส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น มีการเข้าพักในจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย  ซึ่งจะมีการประเมินผลและสรุปตัวเลขเชิงเศรษฐกิจที่แน่ชัดอีกครั้ง  โดยเฉพาะจากกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ของงานที่มีผู้เที่ยวชมและร่วมงานเป็นจำนวนมาก อาทิ การจัดขบวนแห่กระทงใหญ่ และกิจกรรมปล่อยโคมนับแสนดวงในจุดที่ได้รับอนุญาตซึ่งมีความปลอดภัยสูง ทำให้เกิดการกระจายรายได้ไปยังชาวบ้านที่อยู่ในอำเภอและชุมชนต่างๆ นอกเขตตัวเมืองเชียงใหม่
ส่วนด้านการบริหารจัดการ พบว่า มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่เป็นจำนวนมากทุกช่องทาง ทั้งจากเครื่องบิน รถโดยสารขนส่งสาธารณะ รถไฟ รวมถึงรถส่วนบุคคล  ที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่มาคอยจัดระเบียบและบริการอำนวยความสะดวกให้กับผู้เดินทางและนักท่องเที่ยว ทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง  มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยคอยดูแลความมั่นคงปลอดภัยในทุกพื้นที่ ทำให้เหตุร้ายแรงลดน้อยลง  ขณะที่การควบคุมการปล่อยโคมลอยในปีนี้ถือว่าเป็นที่น่าชื่นชมอย่างมาก  เพราะแทบไม่เห็นการปล่อยโคมลอยหรือจุดพลุในเขตพื้นที่ต้องห้ามเด็ดขาด  โดยหันไปปล่อยยังจุดศูนย์รวมที่ได้รับขออนุญาตแทน  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะประชาชนและนักท่องเที่ยวเริ่มมีการเรียนรู้แนวทางปฏิบัติ มีการปรับตัว เข้าใจถึงความสำคัญของการควบคุมเขตพื้นที่ปลอดภัย และเริ่มเคารพกฎกติกามากขึ้น  จึงทำให้ภาพลักษณ์ในการปล่อยโคมในปีนี้สะท้อนถึงความปลอดภัย ความสวยงาม ตลอดจนการดูแลสิ่งแวดล้อมควบคู่กัน







ส่งศักดิ์ พรมเอี่ยม ศูนย์ข่าวภาคเหนือรายงาน
 

มทร.ล้านนา ลงนาม MOU พัฒนาบุคลากร ร่วมกับบริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด

 วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 รองศาสตราจารย์ วิเชษฐ์ ทิพย์ประเสริฐ รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (มทร.ล้านนา) ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) โครงการพัฒนาบุคลากร ร่วมกับ บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมี นายบรรลือ ชื่นจิตกุลถาวร รองกรรมการผู้จัดการ พร้อมคณะผู้บริหารจากทั้งสองหน่วยงานร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมซอมพอ มทร.ล้านนา
ความร่วมมือครั้งนี้สืบเนื่องจากการที่มหาวิทยาลัยได้รับมอบ เครื่องพิมพ์โลหะสามมิติ Desktop Metal Studio System จากบริษัท มูราตะฯ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา เพื่อใช้ในการเรียนการสอนและการฝึกปฏิบัติจริง โดยผศ.ดร.ภาคภูมิ จารุภูมิ ตัวแทนหน่วยวิจัยวัสดุและนวัตกรรมทางการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มทร.ล้านนา เป็นผู้รับมอบ  สำหรับการลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของ MOU คือการพัฒนาบุคลากรให้มีสมรรถนะอาชีพที่สอดคล้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย 4.0 ผลิตบัณฑิตนักปฏิบัติที่พร้อมสำหรับการศึกษา ค้นคว้า และวิจัยด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ






ส่งศักดิ์ พรมเอี่ยม ศูนย์ข่าวภาคเหนือรายงาน