Recent News/ข่าวล่าสุด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นทั่วประเทศ กวาดล้างยาเสพติดให้สิ้นซาก ขุดรากขบวนการค้ายานรก

   วันที่14 พ.ย.68 เวลา 08.30 น. พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. เป็นประธานในการประชุมปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดทั่วประเทศ โดยมี บช.น., ภ.1 – 9 และ ปส. เข้าร่วมประชุม ซึ่งมีผลการปฏิบัติการ ดังนี้ 

ปิดล้อมตรวจค้น 3,011 จุด 687 เครือข่าย จับกุมผู้ต้องหาขบวนการค้ายาเสพติด 2,570 ราย ผู้ต้องหา 2,550 คน จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 235 หมาย ยึดของกลางยาบ้า 9.65 ล้านเม็ด ไอซ์ 309 กก.  คีตามีน 2.6 กก. เฮโรอีน 927 กรัม ยาอี 25 เม็ด อาวุธปืน 171 กระบอก, เงินสด 407,018 บาท และอายัดทรัพย์สินกว่า 73 ล้านบาท โดยเป็นปฏิบัติการรุกฆาตยาเสพติดครั้งใหญ่ปฏิบัติการพร้อมทั่วประเทศ

  ทั้งนี้เวลาเมื่อเวลา 06.00 น. หน่วยงานในสังกัด ตร. ร่วมบูรณาการกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายนักค้ายาเสพติด เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด กวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่แพร่ระบาด รวมถึงการยึด และอายัดทรัพย์สินกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด

   สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.ตร.) ได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด กำกับ ติดตาม เร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ เพื่อลด Demand (ผู้เสพ) และ Supply (ผู้ค้า) ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยในด้านการปราบปราม 

ยาเสพติด ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเปิดปฏิบัติการปิดล้อม ตรวจค้นจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่แพร่ระบาด โดยเน้นการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ในหมู่บ้าน/ชุมชน อย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยดำเนินการสืบสวนขยายผล เพื่อนำไปสู่การ ออกหมายจับข้อหาสมคบสนับสนุนฯ และข้อหาฟอกเงิน พร้อมทั้งขยายผลตรวจสอบเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินผู้เกี่ยวข้องทุกราย

หลวงพี่น้ำฝน รุดช่วยคุณอดีตอาจารย์โรงเรียนดัง หมดตัว สามีเสียชีวิต ลูกชายคนเล็กป่วยติดเตียงทำครอบครับทรุด

  หลวงพี่น้ำฝน นำคณะเจ้าหน้าที่ ศิษย์นักธุรกิจชาวใต้หวันรุดช่วย อาจารย์ชุลีพร อดีตอาจารย์โรงเรียนดัง ชีวิตทรุด สามีอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน เสียชีวิต ลูก 3 คน เสียชีวิตใกล้กัน 2  คน โดย คนสุดท้องเกิดอาการสโตรก กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง พ่วงด้วยหนี้สินจากการทำสวนลำไย และบ่อเลี้ยงกุ้ง อีก 1.3 ล้านบาท เจรจาชลอหนี้ไว้แล้ว โดยตอนนี้บ้านกำลังถูกตัดไฟ เพราะไม่มีเงินเหลือติดไว้ใช้จ่ายแล้ว แถมขายทุกอย่างจนแทบหมดบ้าน วอน ผู้ประกอบการประเทศเกาหลี เลือกลูกชายไปทำงานต่างประเทศเพื่อหารายได้มาปลดหนี้ เลี้ยงดูครอบครัวรวม 5 ชีวิต ขณะที่เสธ.แก้ว ส.ส.นครปฐม ทราบเรื่องเตรียมเร่งหางานให้ลูกชายสร้างความมั่นคงอีกครั้งให้กับชีวิตอีกครั้งช่วงเศรษฐกิจซบ
วันที่ 12 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมพระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม นำคณะสงฆ์เจ้าหน้าที่วัดไผ่ล้อมฯ และ Mr.Huang Wei Chia ,Miss Hsu Pi Hsun ,Miss LAI MEI LING ศิษยานุศิษย์นักธุรกิจชาวใต้หวันนำเตียงสำหรับผู้ป่วย รถวีลแชร์ ข้าวสารอาหารแห้ง และเครื่องยังชีพ และปัจจัยไปมอบให้กับนางชุลีพร เรืองวงษ์ อายุ 87 ปี อดีตอาจารย์โรงเรียนชื่อดังในจังหวัดนครปฐม บ้านเลขที่ 56 / 241 หมู่บ้านร่มฟ้า ซอย 8 หมู่ 5 ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม หลังจากที่ได้เข้าไปร้องขอความช่วยเหลือในการรับมอบเตียงสำหรับผู้ป่วย ให้กับ บุตรชาย ที่มีอาการป่วยเป็นโรคสโตรก ต้องนอนติดเตียงหลายเดือน โดยยังแจ้งว่าขณะนี้เงินใช้จ่ายในครัวเหลือได้หมดลงแล้วหมดหนทาง ที่จะดำเนินชีวิตต่อไปโดยได้ถูกตัดไฟไปแล้ว และยังมีปัญหาชีวิตอีกหลายอย่าง ซึ่งเป็นอุปสรรคในบั้นปลายชีวิต จนเกือบสินใจจบชีวิตตัวเองพร้อมลูกที่นอนป่วย
โดยภายในบ้านได้มีอยู่ในครอบครัวทั้งหมด 5 ซึ่งมีนาย พัสกร ปิญชาน์เมธี อายุ 61 ปี บุตรชายคนสุดท้องของอาจารย์ชรีพร นอนติดเตียงเพื่อรอกรฟื้นตัว อยู่เมื่อเห็นหลวงพี่น้ำฝน ได้นำสิ่งของและปัจจัยมาช่วยถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ ซึ่งทีมงานได้มีการจัดเตรียมเตียงชุดใหม่ทดแทนของเดิมที่ชำรุดแล้ว และนำเงินปัจจัยมอบให้กับครอบครัวเนื่องจากจะต้องนำไปชำระค่าไฟที่ติดค้างไว้สองเดือน เงิน 6,000 กว่าบาท พร้อมช่วยกันปรับสถานที่สำหรับดูแลนายวิวัฒน์ ที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้ให้มีโอกาสกลับมาดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ โดยมีภรรยาและบุตรชาย อีก 2 คน คอยให้การช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
อาจารย์ชุลีพร บอกว่าตนเองเป็นอดีตอาจารย์ระดับซี 8 ซึ่งสามีได้เสียชีวิตไปก่อนเป็นอาจารย์ระดับซี 9 และเป็นอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนระดับประถมชื่อดังในตัวเมืองนครปฐม ก่อนหน้าชีวิตก็มีความสุขสบายแบบครอบครัวข้าราชการระดับสูง มีรายได้มากที่จะเลี้ยงดูลูกทั้ง 3 คนเป็นอย่างดี แต่ลูกชายคนโตซึ่งเป็นอดีตข้าราชการสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาได้มาเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน ต่อมาลูกสาวคนกลางก็มาเสียชีวิตด้วยโรครุมเร้าหลายโรค และล่าสุดเมื่อประมาณเดือนเมษายน ปีพ.ศ. 2567 นายพัสกร ก็ได้เกิดอาการสโตรก ต้องนอนรักษาตัวในห้องไอซียูนานกว่าหนึ่งเดือน และพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งเดือน ก่อนจะไปรับงานให้กลับมาพักฟื้นที่บ้านพัก
อาจารย์ชุลีพร บอกต่อว่า จากชีวิตที่เคยสุขสบายมีครบทุกสิ่งทุกอย่างแต่วันนี้ทรัพย์สินในบ้าน แม้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นไม้สัก หลายชุดและเตียงนอน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และของพอจะขายได้ ได้ถูกทยอยขายออกไปจนหมดแล้ว เพื่อนำมาจุนเจือในครอบครัว ซึ่งตอนนี้ตนเองมีรายได้จากเงินบำนาญ ประมาณ 1.8 หมื่นบาท แต่ต้องนำไปหักค่าฌาปนกิจ และส่งบ้านที่ลูกชายคนเล็กนำไปจำนองแต่ประสบปัญหาขาดทุนทุกกิจการ อีก 1.3 ล้านบาท ทำให้เหลือเงินที่จะใช้จ่ายในครัวเรือน 5 ชีวิต เพียง 7,500 บาท แล้วยังต้องนำไปจ่ายค่ารถสำหรับนำ นายพัสกร ลูกชายคนเล็กไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลครั้งละเกือบ 2,000 บาท ซึ่งเดือนนึงก็อาจจะต้องไปถึง2-3 ครั้ง ทำให้เงินแทบจะไม่มีติดบ้าน มีความเดือดร้อนมากจนกระทั่งเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าได้มาทำการยกหม้อไฟออกและต่อสายตรง โดยบอกว่าจะให้เวลาอีกไม่เกิน3-4 วัน ก็จะมีการตัดไฟอย่างถาวร ซึ่งคิดว่ามาถึงทางตันของชีวิตแล้ว
"ตอนแรกเราก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครพอดีมีอดีตครูที่เคยทำงานอยู่ด้วยกัน อยู่บ้านถัดไปไม่กี่หลังได้เดินมาบอกว่าลองให้มาติดต่อกับหลวงพี่น้ำฝน เนื่องจากมีโครงการ แจกเตียง และช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนอยู่น่าจะพอให้ความช่วยเหลือได้ จึงได้ให้รถตุ๊กตุ๊กที่เคยใช้บริการมาตั้งแต่ยังพอมีฐานะ พาไปส่งแต่บอกว่าไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท อยากจะขอติดไว้ก่อน เผื่อจะได้ไปถึงวัดไผ่ล้อมแล้วเผื่อจะได้รับการช่วยเหลืออะไรมาบ้าง เมื่อมาถึงได้พบหลวงพี่ท่านก็ได้เล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมด ท่านก็บอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนเดี๋ยวจะรีบมาช่วยเหลือ และท่านก็มาถึงบ้านทันทีและเข้าการช่วยเหลือมาให้จริงๆ ตนเองซาบซึ้ง และไม่รู้จะขอบคุณอย่างไร เพราะไม่คิดว่าจะได้รับการช่วยเหลือเยอะและรวดเร็วขนาดนี้ต้องกราบขอบพระคุณและทีมงานมากๆที่ต้องทอดทิ้งเพราะเราก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร" อาจารย์ชุลีพร กล่าว

 อาจารย์ชุลีพร บอกอีกว่า หลายครั้งที่ต้องแอบร้องไห้ไม่ให้ลูกสะใภ้ กับหลานนทั้ง 2 คนเห็น เพราะกลัวว่าเค้าจะเครียดเราไม่เคยประสบปัญหาแบบนี้มาก่อน เคยคิดจะตัดสินใจฆ่าตัวตายไปพร้อมกับลูกชาย แต่เมื่อหันมามองคนในบ้านก็คิดว่าเราตายไม่ได้จะขออยู่สู้จนกว่าหลานๆจะตั้งหลักและมีรายได้มาพยุงครอบครัวรวมถึงใช้หนี้สินทั้งหมด เราขอเพียงแค่นี้ในช่วงบั้นของปลายชีวิตถ้าเป็นไปได้ก็จะขอนอนตายตาหลับแล้ว เมื่อก่อนเคยมีคนบอกว่าบ้านเราค่อนข้างหลังใหญ่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาตกอับได้ แต่สุดท้ายความลำบากก็มาเกิดขึ้นมาในชีวิตโดยที่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุนี้ และลูกชายคนเล็กนอนติดเตียงก็เป็นคนที่ไม่เกเรตั้งไจทำงาน แต่การกู้เงินไปลงทุนทำสวนลำไยที่จังหวัดจันทบุรีก็สูญเงินไปมาก หลังจากนั้นเขาก็กู้อีกครั้งโดยเอาบ้านหลังที่อาศัยอยู่ไม่เข้าธนาคารก็มา ขาดทุนอีกครั้งหนึ่งกับการเลี้ยงกุ้ง ทำให้เป็นหนี้พอกพูน เราก็ไม่คิดว่าปัญหาจะหนักหน่วงขนาดจะไม่มีข้าวกิน ทุกวันนี้ ตนเองจะยอมอดข้าวทานเพียงมื้อเดียว ส่วนลูกสะใภ้และหลานก็จะลดมื้ออาหารรับประทานจาก 3 มื้อก็จะเหลือวันละหนึ่ง เพื่อประทังชีวิตผักก็เอาจากที่ปลูกหลักบ้านมาทำเป็นข้าวต้ม เพื่อจะได้มีให้ทานได้เยอะขึ้น 


ด้าน นายชนาธิป อายุ 33 ปี ลูกชายของนายพัสกร ผู้ป่วยติดเตียง บอกว่า เดิมทีคุณพ่อยังทำธุรกิจก็ยังมีรายได้มั่นคง ซึ่งตนเองหลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ก็ได้มาช่วยงานที่ฟาร์มกุ้ง ซึ่งพอเริ่มทำได้ก็มาถึงช่วงเวลาของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด19 บ่อกุ้งก็มาขาดทุน ซึ่งเงินก้อนนี้คุณพ่อได้เอาบ้านที่อยู่ไปเข้าธนาคาร รวมกับยอดแรกที่เอาไปลงทุนสวนลำใย ยอดก็เป็นล้าน ซึ่งพอมาป่วย ผมและน้องชายก็ได้ออกไปทำงานเองหาเงินเพื่อหาเลี้ยงชีพ ทั้งร้านสะดวกซื้อ และบริษัทเอกชน แต่พอคุณพ่อมาป่วย ผมก็ลาออกมาช่วยดูแล และคิดว่าหนี้สินเรามีมากจึงได้หาโอกาสที่จะไปทำงานที่เกาหลี โดยได้ลงทะเบียนไปที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพราะเงินเดือนได้มากกว่าที่อยู่ในประเทศไว้แล้ว จึงได้เอาเงินเก็บจากที่ทำงานไว้จากการทำงานไปเรียนภาษาเกาหลีพร้อมกับน้องชาย และตอนนี้ผ่านการทดสอบด้านภาษาแล้ว รวมถึงผ่านการทดลอบเบื้องต้นของหน่วยงาน จึงอยากจะให้นายจ้าง ที่เกาหลี มาคัดเลือกตนเองและน้องชายไปทำงาน เพื่อจะสร้างชีวิตใหม่อีกครั้ง เนื่องจากหากทำงานนประเทศเงินเดือนน่าจะไม่พอดูแลครอบครัวที่เป็นหนี้สินได้ แต่ตอนนี้ระหว่างรองานจากต่างประเทศ ก็อยากจะได้งานเพื่อหารายได้มาดูแลครอบครัว ไปพรางๆก่อนและตอนนี้ได้ไปสมัครงานที่ร้านสะดวกซื้อแถวหน้าหมู่บ้านไว้ เนื่องจากไม่มีรถแล้วก็น่าจะเดินไปทำงานได้สะดวก แต่คิวก็ยังเต็ม ซึ่งจะพยายามหางานต่อไป 

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า หลังจากที่ อาจารย์ชุลีพร ได้มาพบที่วัดพอฟังเรื่องราวแล้วถือว่าน่าเห็นใจจึงต้องรีบมา ซึ่งพอใครมาเห็นว่าบ้านหลังใหญ่ คิดว่าน่าจะมีเงินมากแต่ความเป็นจริงชะตาชีวิตก็เปลี่ยนไป ซึ่งตามหลักธรรมคือมีอะไรแน่นอน การมีสติจึงสำคัญที่สุด วันนี้ทราบว่าเตียงของลูกชายเสียหายก็นำมาเปลี่ยนให้ พร้อมกับรถวีลแชร์ ซึ่งก็ได้มอบปัจจัยให้ไปจ่ายค่าไฟฟ้ากับสำรองยังชีพ และลูกศิษย์ชาวใต้หวันก็ได้มาเห็นการทำงานในโครงการธนาคารแห่งกำลังใจ ก็ได้ช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง โดยจากนี้จะได้ประสานส่วนที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือส่วนต่างๆ ที่ทำได้ต่อไปและขอให้กำลังใจกับโยมให้สู้ชีวิตให้ได้ 

ขณะที่ พ.ท.ดร.สินธพ แก้วพิจิตร (เสธ.แก้ว) ส.ส.นครปฐม เขต 2 ได้ทราบเรื่องดังกล่าวซึ่งตอนนี้ได้มีการเตรียมประสานหางานให้กับลูกชายของผู้ป่วยติดเตียงทั้ง 2 คนเพื่อนำรายได้มาประคับประคองครอบครัวนี้ซึ่งมีอยู่ถึง 5 ชีวิต ให้ช่วยพยุงสถานการณ์ในการหารายได้ยังชีพไปเบื้องต้นก่อนคาดว่าน่าจะมีงานเข้ามาได้อีกไม่นาน 

                                                       นายปนิทัศน์ มามีสุข   น.ส.ปณิดา มามีสุข  น.ส.เปมิกา มามีสุข จ.นครปฐม 092-5462794

นครปฐม ประธานที่ปรึกษา รมว.แรงงาน เปิดโครงการพัฒนาศักยภาพแรงงานไทยตามความต้องการตลาดอิสราเอล

 ประธานที่ปรึกษา รมว.แรงงาน ฝ่ายต่างประเทศ เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพแรงงานไทยตามความต้องการ ของตลาดแรงงานไทยในอิสราเอล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 รุ่นที่ 3 โดยมีรองอธิบดีกรมการจัดหางาน เป็นผู้กล่าวเปิดงาน ร่วมด้วย อัครราชทูตและกงสุล สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในพิธี โดยมี ผู้เข้าอบรม 477 คน
วันที่ 14 พ.ย.68 ห้องประชุมแสนปาล์ม คอนเวนชั่น ฮอลล์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ดร.มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรี ฝ่ายต่างประเทศ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพแรงงานไทยตามความต้องการ ของตลาดแรงงานไทยในอิสราเอล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 รุ่นที่ 3 โดยมี นายวิชิต อินทรเจริญ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน เป็นผู้กล่าวเปิดงาน ร่วมด้วย อัครราชทูตและกงสุล สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ผู้อำนวยการกอง แรงงานจังหวัด จัดหางานจังหวัด สวัสดิการและคุ้มแรงงานจังหวัด ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 16 ประกันสังคมจังหวัด ผู้แทนกรมการกงสุล แขกผู้มีเกียรติ และพี่น้องแรงงานไทยทุกคนผู้เข้าร่วมการอบรมจำนวน 477 คน
นายวิชิต อินทรเจริญ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งรัฐอิสราเอลได้ลงนามความตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานไทยไปทำงานภาคเกษตรในรัฐอิสราเอล เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม2563 ภายใต้โครงการความร่วมมือไทย-อิสราเอลเพื่อการจัดหางาน (Thailand-Israel Cooperation on the Placement of Workers: TIC) ซึ่งได้มีการจัดส่งแรงงานไทย ไปทำงานแล้วจำนวนทั้งสิ้น 80,000 กว่าคน และอยู่ระหว่างรอเดินทางในวันที่ 16 พฤศจิกายน – 24 ธันวาคม 2568 จำนวน 1,810 คน
การจัดฝึกอบรมในครั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะและเตรียมความพร้อมให้แก่แรงงานไทยก่อนการเดินทางไปทำงานในรัฐอิสราเอลภายใต้โครงการความร่วมมือ ไทย–อิสราเอล (TIC) โดยมุ่งเน้นพัฒนาทักษะด้านภาษาฮิบรูขั้นพื้นฐานในการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน การใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัย ปลูกฝังวินัยการทำงานทั้งในเรื่องความปลอดภัยและอาชีวะอนามัย การปรับตัวในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างและเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศปลายทาง รวมทั้งการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ ในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อแรงงานไทย นายจ้างต่างประเทศ และต่อภาพลักษณ์ของประเทศโดยรวม กำหนดการจัดฝึกอบรมตามหลักสูตรดังกล่าวเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 14 – 16 พฤศจิกายน 2568 มีผู้เข้ารับการอบรมทั้งสิ้นจำนวน 477 คน
 โดยได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรจาก กรมยุทธการทหารอากาศ กองทัพอากาศ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) และวิทยากรชาวอิสราเอล Mr. Alon Miler ซึ่งแต่ละท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในด้านต่าง ๆ มาถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้เข้ารับการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 รุ่นที่ 3 เพื่อเป็นแรงงานที่ได้รับมาตรฐานการอบรมอย่างเป็นทางการ

ดร.มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรี ฝ่ายต่างประเทศวันนี้ถือเป็นโอกาสอันดียิ่งที่ได้มาพบพี่น้องแรงงานไทยทุกคนซึ่งเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงพลัง ความสามารถและความมุ่งมั่นของแรงงานไทยที่ผ่านขบวนการคัดเลือกเดินทางไปท างานในรัฐอิสราเอล ภายใต้กรอบ ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลอิสราเอลภายใต้โครงการความร่วมมือไทย–อิสราเอล (Thailand - Israel Cooperation on the Placement of Workers:TIC)

ที่ได้ลงนามเมื่อปี พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นก้าวหนึ่งของการสร้าง “โอกาสที่มีคุณภาพให้กับแรงงานไทยไปท างานต่างประเทศอย่างถูกกฎหมาย โปร่งใส เป็นธรรม และได้รับ การคุ้มครองสิทธิรอบด้าน” รัฐบาลและกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญต่อการสร้างโอกาส และเพิ่มรายได้ให้กับแรงงานไทยมีงานท าในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักการที่สำคัญประการแรก คือ เพิ่มการจัดส่งแรงงานไทยไปท างานในต่างประเทศให้ได้มากกว่า 50,000 อัตรา ให้สำเร็จภายใน 4 เดือน “ภายใต้นโยบาย Quick Big Win การจ้างงานตามความต้องการในระบบเศรษฐกิจใหม่ในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้เร่งขยายตลาด การจัดส่งแรงงานไทยไปท างานต่างประเทศ พร้อมยกระดับแรงงานไทยให้เป็นแรงงานที่มีคุณภาพ พัฒนาทักษะใหม่ (New Skills) และการถ่ายทอดเทคโนโลยี กลับมาปรับใช้เมื่อเดินทางกลับมาประเทศไทย อิสราเอลจึงเป็นประเทศหนึ่งที่มีแรงงานไทย เดินทางไปทำงานมากที่สุด โดยเฉพาะภาคเกษตร ก่อสร้าง และอุตสาหกรรม

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแรงงานไทยได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศด้วยความขยัน อดทน

และซื่อสัตย์ จนเป็นที่ยอมรับของนายจ้างอิสราเอล

การจัดอบรมครั้งนี้  จึงมิใช่เพียงการไปทำงานเพื่อหารายได้ แต่คือการไปเรียนรู้ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากประเทศที่มีเทคโนโลยีการเกษตรก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นระบบ การจัดการน้ำอัจฉริยะ การปลูกพืชในโรงเรียน หรือการบริหารแรงงานด้วยระบบดิจิทัล ซึ่งล้วนเน้นความรู้ที่จะเป็นประโยชน์ในการนำกลับมาใช้พัฒนาต่อยอดภาคเกษตรของไทยในอนาคต จึงขออยากฝากพี่น้องแรงงานทุกท่านให้ใช้โอกาสนี้อย่างเต็มที่ เรียนรู้ให้มากที่สุด เก็บเกี่ยวความรู้ ทักษะ และทัศนคติที่มีในการอยู่และการทำงานร่วมกันแล้วนำสิ่งเหล่านั้นกลับมาพัฒนาอาชีพของตนเอง ครอบครัวเพื่อให้ประเทศไทยของเรา มีแรงงานรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก ในขณะเดียวกันขอให้ทุกท่านยึดมั่น ในระเบียบวินัย ความซื่อสัตย์ และความรับผิดชอบ เคารพกฎหมาย และวัฒนธรรมของ ประเทศเจ้าบ้าน รักษาภาพลักษณ์ของแรงงานไทย ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้มอบเหมาะสำนักงานแรงงานไทยประสานฝ่ายกงสุล สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ดูแลทุกคนอย่างใกล้ชิด พร้อมให้คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือทุกกรณี เพื่อให้ทุกคน

ทำงานได้อย่างปลอดภัย และมีความสุขในต่างแดน

สุดท้ายนี้ ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านในการเดินทางไปท างาน และขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ทำงานด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบ ให้ดีที่สุด อดทนเพื่อครอบครัวที่รออยู่ด้านหลัง วางแผน เก็บออมเพื่อมีทุน พร้อมทั้งองค์ความรู้และเทคโนโลยีกลับมาต่อยอดสร้างอนาคตให้ตนเองและครอบครัวไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติด สิ่งมึนเมา และการพนันทุกชนิด รวมถึงการปฏิบัติตนตามมาตรการ

ขณะทำงานในรัฐอิสราเอลอย่างเคร่งครัดด้วย  















นายปนิทัศน์ มามีสุข   น.ส.ปณิดา มามีสุข  น.ส.เปมิกา มามีสุข จ.นครปฐม 092-5462794
 

ป.ป.ส. ครบรอบ 49 ปี เดินหน้าภารกิจอันทรงเกียรติ มุ่งสู่สังคมไทยปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืน

14 พฤศจิกายน 2568 – สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) จัดพิธีวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 49 ปี พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณและรางวัลประจำปี 2568 โดยมี พ.ต.ต. สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. ผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้มีเกียรติร่วมในพิธี ณ สำนักงาน ป.ป.ส.
พิธีเริ่มต้นด้วยการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสำนักงานเพื่อความเป็นสิริมงคล การแสดงความยินดี และการร่วมเงินบริจาคจากบุคคลและหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อนำไปสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อใช้ในภารกิจกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด และมูลนิธิโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อสนับสนุนการรักษาพยาบาลผู้ป่วย
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวถึงเจตนารมณ์ตลอด 49 ปี ว่า ความสำเร็จของการแก้ไขปัญหายาเสพติดเกิดจากความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่และเครือข่ายทุกภาคส่วน พร้อมส่งสารสำคัญถึงประชาชนว่า “เริ่มยาทำลายชีวิต เลิกติดชีวิตปลอดภัย กลับใจชีวิตเริ่มใหม่ ภัยร้ายหายจากสังคม” พร้อมเน้นบทบาทสายด่วน 1386  ที่พึ่งทุกปัญหายาเสพติด ท่านแจ้ง เราจับ’ ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญสำหรับประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเบาะแสผู้ค้าซึ่งเป็นศัตรูของชาติ หรือการขอความช่วยเหลือเพื่อให้โอกาสผู้เสพได้กลับคืนสู่สังคม

ทั้งนี้ ภายในงานมีพิธีมอบรางวัลและเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ ได้แก่ 

 • เหรียญเกียรติคุณ ป.ป.ส. จำนวนทั้งสิ้น 50 ราย

 • โล่ข้าราชการพลเรือนดีเด่น จำนวน 24 ราย และพนักงานราชการดีเด่น ประจำปี 2567 จำนวน 22 ราย

 • วุฒิบัตรและเข็มเครื่องหมายความสามารถ “อินทรีย์ 19 กิตติมศักดิ์ จำนวนทั้งสิ้น 20 ราย

 • รางวัลการประกวดคำขวัญรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด จำนวน 2 รางวัล

การครบรอบ 49 ปีครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของสำนักงาน ป.ป.ส. ในการบูรณาการพลังทุกภาคส่วน เพื่อสร้างสังคมไทยที่มั่นคง ปลอดภัย และปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืน


 

แจ็กพอตแตก! บุกค้นยานรก กลับเจอรังจีนเทา เปิดเว็บพนัน–ปั่นสล็อตข้ามชาติกลางห้วยขวาง

  เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 68 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. 

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผบช.น.  แถลงผลการปฏิบัติงาน โดย พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย   ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.วรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกร ผบก.น.1 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.ห้วยขวาง , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.กก.สส.บก.น.5 , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจศอ.ปส.บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. นำโดยนายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.ปปส.กทม. สนธิกำลังบุกนำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจห้องพักเลขที่ 79/77 คอนโดย่านห้วยขวาง หลังรับเบาะแสสายด่วน 1386 ว่ามีกลุ่มชาวจีนมั่วสุมเสพยา

เจ้าหน้าที่ใช้ยุทธวิธีเฝ้าซุ่มจนพบผู้ต้องสงสัยเปิดประตูเข้าห้อง จึงบุกคุมตัวทันที พบชายจีน 3 คน เมียนมา 1 คน ตรวจไม่พบยาเสพติด แต่กลับพบ “ของจริง” คือคอมพิวเตอร์–มือถือจำนวนมาก เปิดหน้าบราวเซอร์เว็บพนันรายใหญ่ มีทั้งสล็อต บอล บาส บาคาร่า และข้อมูลหลังบ้านเต็มระบบ พร้อมโทเคน OTP ใช้ควบคุมบัญชีพนัน
ของกลางที่อายัด โน้ตบุ๊ก 4 เครื่อง มือถือ 10 เครื่อง (พบโป๊ะแตก: โพยสคริปต์ “รับมือตำรวจ–ตบตา ตม.” บุหรี่ต่างประเทศเถื่อน 7 กล่อง อุปกรณ์ Token 1 ชิ้น และผู้ต้องหาชาวต่างด้าว 4 ราย ได้แก่ Li Youngzhao อายุ 28 ปี (จีน) Luo Li อายุ 29 ปี (จีน) Liu Jianquan อายุ 27 ปี (จีน) Chit Maw Maw Htay อายุ 27 ปี (เมียนมา) พร้อมแจ้ง 3 ข้อหาหนัก ทั้งเปิดพนันออนไลน์–นำของต้องสรรพสามิตเข้าประเทศ–อยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต

 หลุดของลับ “โพยแอบแฝง” เครือข่ายจีนเทา

จากการตรวจมือถือพบเอกสารลับใช้ “สับขาหลอก ตม.” เช่น ให้ตอบว่า “กำลังเรียน–ไม่มีงานทำ” แจ้งรอบตรวจเข้มของเจ้าหน้าที่ ห้ามออกนอกที่พัก ห้ามทำธุรกิจภายในรัศมี 3–5 กม. จาก 17 จุดที่พักของเครือข่าย ทั้งหมดให้การปฏิเสธ อ้างมาเที่ยว–มาเรียนภาษา แต่พฤติกรรมเข้าข่ายเครือข่ายข้ามชาติฝึกงาน “แอดมินเว็บพนัน” เคยโยกย้ายจากกัมพูชามาไทย หลังจับกุมส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ดำเนินคดีตามกฎหมาย 

ขณะที่ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. สั่งขยายผลหาต้นตอเครือข่ายจีนเทาเต็มรูปแบบ คาดโยงขบวนการใหญ่ทำเงินหมุนเวียนมหาศาล

ศรีสะเกษ/เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตชด.22 ร่วมทหารตรวจสอบทำลายวัตถุระเบิดที่ยังตกค้างกลางทุ่งนาในพื้นที่หมู่บ้านชายแดน

   วันที่ 14 พ.ย.68 เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ชุด EOD กก.ตชด.22 โดยการนำของ ร.ต.อ.ธีรภัท นามั่น หัวหน้าชุด EOD ตชด.22 ได้ร่วมกันตรวจสอบลูกปืนใหญ่ที่ฝ่ายทหารกัมพูชายิงมาตกในหมู่บ้าน

ภูมิซรอล ม.12 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่เข้าทำการสำรวจตรวจสอบ ทราบว่าเป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 105 มม. ตกลงบริเวณทุ่งนา มีน้ำท่วมขังลึกประมาณ50 ซม.ห่างจากหมู่บ้านภูมิซรอลประมาณ  500 ม. เจ้าหน้าที่จึงต้องทำการเคลื่อนย้ายกระสุนปืนใหญ่ไปอีกจุดหนึ่ง ให้พ้นจากน้ำท่วมขังเพื่อการจุดฉนวนทำลายด้วยดินระเบิดทำลาย เป็นที่เรียบร้อย

พ.ต.ท. จารุบุตร เรืองศรี รอง ผกก.ตชด.22 หนู.ชุด EOD.ตชด.22 กล่าวว่าจากการตรวจพิสูจน์ทราบเป็นลูกปืนใหญ่ขนาด105 ที่ทางฝ่ายทหารกัมพูชายิงมาตกช่วงมีการยิงปะทะกันเมื่อ 24 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งระเบิดยังสมบูรณ์สามารถทำลายชีวิตและทรัพย์ของประชาชนได้ ถ้าประชาชนพบเห็นให้แจ้งงผู้นำชุมชนเพื่อกันเขตพื้นที่ไว้ก่อน แล้ว EOD ตชด.22 จัมาตรวจสอบเก็บกู้ทำลายต่อไป.


 สมนึก วิสุทธิ์ ผู้สื่อข่าวชายแดน

ศรีสะเกษ/ทหารไทยพาคณะฑูต AOT สำรวจจุดทหารไทยเหยียบระเบิดห้วยตามาเรีย มีผลตอบรับที่ดี ยันเป็นทุ่นวางใหม่

  เช้าวันนี้(14พ.ย.68) กองทัพภาคที่2 มีการนำคณะฑูตAOT , Tmac , ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน เข้ามาตรวจพื้นที่เกิดเหตุที่ ทหารไทย เหยียบทุ่นระเบิด บริเวณห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ
โดยคณะฑูตAOTที่เดินทางมาในวันนี้ นำโดยมิสเตอร์ เจฟเฟนี่ ฑูตทหารจากมาเลเซีย , มิสเตอร์เตอเรนซ์ ฑูตทหารประเทศสิงคโปร , มิสเตอร์นาริน ฑูตทหารประเทศบรูไน มาพร้อมกับกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งก่อนที่จะมีการเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ ทางทหารได้มีการอธิบายลำดับเหตุการณ์ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ให้กับคณะทูตได้รับฟัง โดยผ่านล่ามแปลภาษา / ซึ่ง อธิบายภูมิประเทศให้ฟังคร่าว ๆ ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องต้น โดย เล่าย้อนให้ฟังว่า ปกติแล้วพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ดูแลภายใต้ของ อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ ที่ดูแลพื้นที่แห่งนี้อยู่ ถ้าหากสังเกตป้ายข้างทางก็จะเห็นมีแจ้งเตือนอยู่แล้วว่าพื้นที่บริเวณนี้มีป้ายบอกว่าเป็นพื้นที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่า พอเกิดข้อขัดแย้ง ทหารเราจึงต้องเข้ามาในพื้นที่โดยจุดประสงค์ในครั้งนี้ ต้องการให้คณะทูตเห็นพื้นที่จริง ขึ้นและความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ว่ามีการละเมิดข้อตกลงปฏิญญาสันติภาพ ที่มีการลงนามเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา แต่ในข้อเท็จจริง หลังจากที่ลงนามไม่นาน ฝ่ายกัมพูชาก็ได้มีการนำทุนระเบิดมาวางใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ทหารไทยได้มีการเคลียร์พื้นที่ บริเวณห้วยตามาเรียนานแล้ว และมีการใช้เส้นทางดังกล่าวเดินลาดตระเวนทุกวัน ซึ่งไม่พบความผิดปกติ กระทั่งวันที่  8 พย.2568 เห็นว่ามีลวดหนามถูกตัด และรื้อออก เจ้าหน้าที่ทหารจึงมีการลาดตระเวนอย่างละเอียดอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่ทหารไทยจะมีการเหยียบกับทุ่นระเบิด

 หลังจากนั้น 10.40 น. ก็มีการนำคณะ AOT เข้าไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ โดยมีระยะทางลึกลงไปประมาณ ราว 500 เมตร  ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษๆ ในการสำรวจพื้นที่จุดเกิดเหตุ / ซึ่งภาพรวม จากการสังเกตการณ์ของคณะทูตAOT มีท่าทีที่ดี เนื่องจากคณะฑูตต่างก็เป็นทหารด้วยกันมาหลายปี ทหารมองตากันก็รู้ใจกัน มองแว๊บเดียวก็รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร / ที่สำคัญ ทหารไทยยังคงมีการยืนยัน และให้ข้อมูลอย่างถูกต้อง ในเรื่องของประเภททุ่นระเบิด ที่ตรวจพบเจอในหลายพื้นที่นั้น ไม่เคยอยู่ในรายการการทำสงครามตลอดที่ผ่านมา ชี้ชัว่าเป็นการวางทุนระเบิดใหม่ และใช้วิธีรอบกัด ตัดรั้ว รอให้ทหารเข้าไปในพื้นที่ เพื่อเหยียบกับทุ่นระเบิด

สมนึก  วิสุทธิ์ นักข่าวชายแดน