บางร้านบอกว่าต้องรอดูหลักเกณฑ์เงื่อนไขให้ชัดเจนก่อนถึงจะตัดสินใจ
นางสาวจรรยา บัวไข อายุ 31 ปี เจ้าของร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง บอกว่า ดีใจที่รอบนี้รัฐบาลเปิดกว้างให้ร้านเสริมสวยสามารถเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสได้ เพราะเชื่อว่าจะทำให้ลูกค้าที่ต้องการเซฟเงินในกระเป๋า ก็จะเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น เพราะไม่ต้องจ่ายเองทั้งหมด ก็คิดว่าจะลองเข้าร่วมโครงการดู แต่ก็ยังกังวลว่าจะถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง หรือเรียกเก็บภาษีในอันตราที่สูง ซึ่งหากเป็นแบบนั้นโครงการดังกล่าว ก็คงไม่ได้ช่วยผู้ประกอบการอย่างจริงจัง จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องการเก็บภาษีร้านที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส หากเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้เกิดเลย หรือถ้าจะเก็บก็ควรเก็บให้น้อยที่สุด ถึงจะเป็นการช่วยเหลือทั้งผู้ประกอบการ และประชาชน รวมถึงจะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง เพราะเมื่อก่อนเคยมีรายได้จากการเปิดร้านเสริมสวยวันละ 2,000 – 3,000 บาท แต่ปัจจุบันเหลือลดลงเท่าตัว
สุรชัย พิรักษา /บุรีรัมย์




แสดงความคิดเห็น