(12 ต.ค.68)   ทีมข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจร้านเสริมสวยในเขตเทศบาลเมืองนางรอง  อ.นางรอง  จ.บุรีรัมย์   พบว่าช่วงนี้มีประชาชนเข้าไปใช้บริการทำเล็บ  ทำผม  และเสริมสวยประเภทอื่นๆ ค่อนข้างน้อย  จากการสอบถามเจ้าของร้านส่วนใหญ่   ก็บอกว่าปัจจัยหลักเป็นเพราะผลพวงเกี่ยวกับเศรษฐกิจ  รายรับไม่สมดุลกับรายจ่ายเพราะข้าวของแพงขึ้น  แต่หาเงินได้น้อยลง  จึงเซฟเงินไว้ใช้จ่ายในครอบครัวมากกว่าจะนำมาเสริมสวย    จึงมองว่าโครงการคนครึ่งพลัสที่รัฐบาลชุดนี้   เปิดโอกาสให้ร้านเสริมสวยสามารถเข้าร่วมโครงการได้    ถือเป็นโอกาสที่ดีเพราะเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น  เพราะไม่ต้องจ่ายเองทั้งหมด     แต่ก็กังวลเรื่องจะถูกเรียกเก็บภาษีแพงหรือถูกเก็บย้อนหลัง   ทำให้หลายร้านยังลังเลที่จะเข้าร่วมโครงการฯ

บางร้านบอกว่าต้องรอดูหลักเกณฑ์เงื่อนไขให้ชัดเจนก่อนถึงจะตัดสินใจ   

นางสาวจรรยา   บัวไข   อายุ 31 ปี  เจ้าของร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง  บอกว่า  ดีใจที่รอบนี้รัฐบาลเปิดกว้างให้ร้านเสริมสวยสามารถเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสได้   เพราะเชื่อว่าจะทำให้ลูกค้าที่ต้องการเซฟเงินในกระเป๋า  ก็จะเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น   เพราะไม่ต้องจ่ายเองทั้งหมด   ก็คิดว่าจะลองเข้าร่วมโครงการดู    แต่ก็ยังกังวลว่าจะถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง หรือเรียกเก็บภาษีในอันตราที่สูง   ซึ่งหากเป็นแบบนั้นโครงการดังกล่าว   ก็คงไม่ได้ช่วยผู้ประกอบการอย่างจริงจัง   จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องการเก็บภาษีร้านที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส    หากเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้เกิดเลย หรือถ้าจะเก็บก็ควรเก็บให้น้อยที่สุด   ถึงจะเป็นการช่วยเหลือทั้งผู้ประกอบการ และประชาชน  รวมถึงจะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง    เพราะเมื่อก่อนเคยมีรายได้จากการเปิดร้านเสริมสวยวันละ 2,000 – 3,000 บาท แต่ปัจจุบันเหลือลดลงเท่าตัว



สุรชัย    พิรักษา  /บุรีรัมย์
 

แสดงความคิดเห็น